ประวัติวัดอินทาราม
วัดอินทารามในชื่อปัจจุบันนี้ สร้างมาแต่สมัยใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด จากการสอบถามผู้อาวุโสในหมู่บ้านซึ่งเคยรู้เห็นวัดนี้ และได้รับคำบอกเล่าจากบรรพบุรุษต่อๆ กันมาได้ความว่า
วัดนี้มีปรากฏคู่หมู่บ้านมาช้านานแล้ว เป็นวัดสำหรับชาวบ้านทำบุญมาตลอด ชาวบ้านเรียกกันมาแต่ดั้งเดิมว่าวัดอิน ทำให้น่าเข้าใจว่า ผู้ริเริ่มสร้างน่าจะชื่ออิน (วัดในสมัยโบราณมักจะตั้งชื่อตามนามผู้สร้างหรือตามชื่อลักษณะหมู่บ้าน) และเมื่อเริ่มสร้างคงจะเป็นสำนักสงฆ์มาก่อน แต่โดยที่วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สิ่งปลูกสร้างเก่าๆ เช่น วิหาร อุโบสถ เจดีย์ ได้ปรักหักพังลงหมดแล้ว (เมื่อราวๆ พ.ศ. 2492-2493 ซากวิหาร เจดีย์ ยังมีอยู่) จากการสอบประวัติของวัดอินทาราม พอสรุปได้ดังนี้
วัดนี้มีปรากฎขึ้นในตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาแน่นอน จากข้อสันนิษฐานที่ว่า ทำเลที่ ตั้งของวัดไม่ปรากฎว่ามีประวัติเคยเป็นที่ตั้งของเมืองมาก่อน (ไม่เหมือนบ้านตลาดขวัญ ซึ่งยกขึ้นเป็นเมืองนนทบุรีในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยา) มีปรากฏชื่อวัดหัวเมือง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลนนทบุรี) วัดกลางเมือง (อยู่ในคลองบางซื่อ) และวัดท้ายเมืองในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นวัดคู่เมืองมาแต่ก่อนทำให้สันนิษฐานได้ว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ใน พ.ศ. 2310 นั้น ชาวบ้านชาวเมือง ได้อพยพหลบหนีภัยจากพม่า กระจัดกระจ่ายกันไปหาที่ปลดภัยปลูกสร้างบ้านเรือนกันอยู่ใหม่ คงจะได้มาตั้งทำเลถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ และโดยปกติวิสัยของคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธประจำใจอย่างแน่นแฟ้นอยู่แล้ว เมื่อเข้าไปอยู่ ณ. ที่ใดก็มักจะสร้างวัดหรือสำนักสงฆ์ขึ้นสำหรับเป็นสถานที่ทำบุญใช้ เป็นที่บวชเรียนสำหรับลูกหลานไปด้วยในตัว สำหรับประวัติของวัดนี้ถ้าคิดเวลาถึงปัจจุบันนี้แล้ว จะเป็นเวลาประมาณ 200 ปีเศษ
ในสมัยตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 1 - รัชการที่ 5) วัดนี้ได้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างจะด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฎเพิ่มจะปรากฎหลักฐานการบูรณะซ่อมแซม ตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เป็นต้นมา
ในสมัยรัชกาลสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราชกรมพระยาวชิรฐาญวโรรสได้เสร็จไปประชุมสงฆ์ที่วัดเสาธงทอง ตำบลเกาะเกร็ดในปัจจุบัน ได้ทรงสอบถามความเป็นมาขอวัดต่าง ๆ พระกล่อมซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ได้รายงานว่า วัดนี้ชื่อวัดอิน สมเด็จพระสังฆราชทรงมีความเห็นว่า ชื่อวัดอินนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้ทรงเปลี่ยนนามใหม่เป็นชื่อวัดบ้านแหลมเหนือ ตามชื่อของลักษณะหมู่บ้านที่ประชาชนตั้งบ้านเรือนอยู่ วัดนี้มีเจ้าอาวาสปกครองต่อมาอีกหลายองค์
จากหลักฐานที่ค้นคว้าได้ ปรากฎนามเจ้าอาวาสดังนี้
อุโบสถ และวิหารนั้น ได้เริ่มสร้างขึ้นในสมัยสมภารกล่อม เป็นผู้ปกครองวัด ไม่มีรูปลักษณะ เช่นปัจจุบัน คงทำไว้สำหรับบำเพ็ญศาสนกิจชั่วคราวเท่านั้น ต่อมาได้ชำรุดทรุดโทรมลง จึงได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมในสมัยพระอธิการแอ๋ว เป็นผู้ปกครองดูแลวัด โดยมีนางเงิน (ไม่ทราบนามสกุล) ชาวบ้านใน หมู่บ้านนั้นเป็นผู้บริจาคเงิน และได้เปลี่ยนรูปลักษณะของอุโบสถเสียใหม่ โดยก่ออิฐถือปูนทั้งหมด ดังรูปทรงของอุโบสถในปัจจุบันนี้ (ส่วนวิหารได้ปรักหักพักลงหมดแล้ว)
ในราว พ.ศ. 2499 พระผัน (ท่านพระครูนนทวิรุฬหการ) ได้มาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดนี้ โดยชาวบ้านนิมนต์มาจากวัดสะพานสูง ได้ขอเปลี่ยนนามวัดเสียใหม่จากวัดบ้านแหลมเหนือ เป็นวัดอินทาราม ตามความหมายของชื่อดั้งเดิมที่ปรากฎครั้งแรก
นับตั้งแต่ท่านพระครูนนทวิรุฬหการ (ผัน) ได้มาปกครองวัดนี้ ได้เปลี่ยนแปลงปรับปรุงจัดหมวดหมู่กุฎสงฆ์ โรงเรียนพระปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ ฌาปนสถาน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นใหม่ ตลอดจนบูรณะซ่อมแซมอุโบสถเพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญศาสนกิจได้เต็มที่ ดังสภาพของวัดที่เป็นปัจจุบันนี้
สำหรับโบราณสถาน โบราณวัตถุ ได้แก่พระพุทธบาทจำลอง ซึ่งทางวัดจะทำการปิดทองรอยพระพุทธบาท ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
วัดอินทรามเป็นวัดของท้องถิ่นมาช้านานประกอบกับประชาชนในท้องถิ่น ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา เมื่อวัดจะจัดกิจการใด หรือจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ประชาชนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และโดยพร้อมเพรียงกันอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะท่านพระครูนนทวิรุฬหการ (ผัน) ท่านเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อชาวบ้าน ชาวบ้านจึงให้ความเคารพท่านเป็นการตอบแทน แลพร้อมที่จะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของวัดอินทราม เป็นวัดที่คงอยู่คู่กับพระพุทธศาสนาตลอดไป