Post date: Sep 8, 2016 7:42:54 AM
รูปที่ 1 แสดงรายงานคลังประจำปีงบประมาณ 2559
รูปที่ 2 แสดงรายงานคลังประจำปีงบ 2558
รูปที่ 3 แผนภูมิแท่งเปรียบเทียบการดำเนินงานปีงบ 2559 กับ ปีงบ 2558
ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2559 พบว่า มีจำนวนยาลดลงจากปีที่แล้ว 12 รายการ แต่มีมูลค่าคงคลังสูงขึ้น มีการสั่งซื้อน้อยครั้งลง และมีจำนวนชนิดยาที่สั่งซื้อน้อยกว่าปีที่แล้ว ทั้งมูลค่าการสั่งซื้อและมูลค่าการเบิกมีจำนวนลดลงจากปีที่แล้ว ประมาณร้อยละ 35
จากผลการดำเนินการสามารถวิเคราะห์ได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ยาลดลง เช่น ช่วงต้นปีงบประมาณ 2559 เหลืออายุรแพทย์โรคมะเร็งเพียงท่านเดียว เนื่องจาก พ.ญ.อิสราภรณ์ แสงใสแก้ว ได้ลาคลอด จากนั้น เมื่อต้นปี น.พ.สรรพสิทธิ์ อริยปัญญา ได้ย้ายไปยังโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี จึงกล่าวได้ว่าทั้งปีงบประมาณ 2559 มี อายุรแพทย์โรคมะเร็งเพียงท่านเดียว จึงเป็นผลให้มีการใช้ยาที่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่แล้วที่มีอายุรแพทย์ 2 ท่าน
จากประกาศกระทรวงการคลังที่ให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีตกลงราคา จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็นไม่เกิน 500,000บาท (ว.๒๙๙) ทำให้ซื้อยาได้จำนวนมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องซื้อหลายครั้ง และเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้ในโรงพยาบาลในช่วงระหว่างรอแผนงบประมาณปี 2560 จึงทำให้มูลค่าคงคลังสูงกว่าปีงบที่แล้วประมาณร้อยละ 40 ในเดือนที่ผ่านมามูลค่าคงคลังเฉลี่ยจะสูงกว่าปีที่แล้วประมาณร้อย 20-30 เป็นผลผลจากประกาศฯ ทั้งปีงบประมาณ 2559 นี้
จำนวนใบเบิกยาที่มากขึ้นกว่าปีที่แล้วเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการการเบิกจ่ายที่เข้มงวดขึ้น ให้มีการส่งใบเบิกก่อนนำยาออกจากคลังทุกครั้ง ไม่ให้รวบใบเบิกซึ่งได้ปฏิบัติมาตั้งแต่ปีงบประมาณที่แล้ว และการใช้เทคโนโลยีให้เข้าถึงการเบิกยาได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเบิกผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต ผ่านเวบไซต์งานคลัง และแอปพลิเคชั่นมือถือ จึงทำให้หน่วยงานบริการสร้างใบเบิกยาได้ง่ายขึ้น ปีงบประมาณนี้จึงมีใบเบิกมากขึ้น ร้อยละ 20 หากเที่ยบกับปี 2557(จำนวนใบเบิก 588 ใบ ) ที่ยังไม่มีระบบส่งใบเบิก จะมากขึ้นเกือบเท่าตัว
รูปที่ 4 แสดงอัตราส่วนยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ (ยังไม่ได้ปรับปรุงให้ตรงตามบัญชียาหลักฯ 2559)
จากอัตราส่วนของยาในบัญชียาหลักแห่งชาติจะพบว่า แม้ยานอกบัญชียาหลักฯ จะไม่ได้มีอัตราส่วนที่สูงแต่ก็มีมูลค่าที่สูง เนื่องจากตามบริบทของโรงพยาบาลมะเร็งอุบลบราชธานี เป็นโรงพยาบาลที่รักษาเฉพาะด้านมะเร็ง ยาโรคทั่วไปจะไม่ได้ซับซ้อนมากนัก และยารักษามะเร็งจะเป็นยาที่มีราคาสูงจึงไม่ได้คงคลังไว้มากเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นราคาของยามะเร็งที่อยู่นอกบัญชียาหลักยังมีมูลค่าถึง 1 ใน 3 ของคงคลังที่มี
รูปที่ 5 ยาที่มีมูลค่าการใช้ยาสูงสุด 10 อันดับแรก (จากการเบิกไปใช้) ปีงบประมาณ 2559
จากรูปที่ 5 จะพบว่ายาที่มีมูลค่าการใช้สูงทั้ง 10 อันดับจะเป็น ยารักษาโรคมะเร็งทั้งหมดตามบริบทของโรงพยาบาลโดย 5 อันดับแรกเป็น ยาจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์(Targeted therapy)ทั้งหมด มีอันดับ 8 Neutromax เพียงชนิดเดียวที่เป็นยา กระตุ้นเม็ดเลือดขาว (G-CSF)ซึ้งก็เป็นยาจำเป็นในผู้ป่วยมะเร็งเช่นเดียวกัน
รูปที่ 6 แสดงยาที่ไม่มีการเบิกออกจากคลังยาตลอดปีงบประมาณ 2559
จากรูปที่ 6 พบว่ายาที่ไม่มีการเบิกจ่ายออกจากคลังยาเลยจะเป็นยาหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตามก็มียาที่ใช้รักษามะเร็ง 3 รายการซึ่งทำให้รายการยาที่ไม่มีการใช้สูงเกือบถึง 1 ล้านบาท เพราะเป็นยาที่มูลค่าสูงและมีผู้ป่วยที่จำเพาะเจาะจง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยใช้ยาแล้วเมื่อผู้ป่วยเลิกใช้ยาก่อนครบกำหนด จึงทำให้มียาเหลือแล้วไม่สามารถใช้กับผู้ป่วยรายอื่นได้ หรือมีข้อกำหนดการใช้ยาที่เข้มงวดขึ้นจนแพทย์ไม่สามารถหาผู้ป่วยที่ตรงกับเงื่อนไขการใช้ยาได้ จนทำให้ยาค้างในคงคลังจนปัจจุบัน เช่น รายการที่ 4 Epoitin รายการที่ 3 Fosfomycin และรายการที่ 9 ciclosporin เป็นยาต้านแบคทีเรียที่จำเพาะต่อเชื้อ เมื่อไม่มีเชื้อที่ตรงข้อบ่งใช้ระบาดจึงยังคงมียาคงคลังอยู่ บางรายการเช่น รายการที่ 7 และ8 ก็เป็นรายการที่เป็นยาจำเป็นช่วยชีวิตของหน่วยงานวิสัญญี อย่างไรก็ตาม ยาที่ไม่มีอัตราการใช้ก็ยังมีถึง 41 รายการและมีมูลค่ารวมเกือบ 1 ล้านบาท ดังรูปถัดไปกล่าว
รูปที่ 7 แสดงภาพรวมของยาที่ไม่มีการใช้ตลอดปีงบประมาณ 2559
รูปที่ 8 แสดงปัญหาและอุปสรรคในการบริหารคลังเวชภัณฑ์
จากรูปที่ 8 พบว่ายาที่มีราคาสูงอัตราการใช้น้อยมีการดำเนินงานคือการจัดหาด้วยวิธีขออนุมัติเฉพาะราย, อนุมัติพิเศษ, หรือขออนุมัติจากกรมบัญชีกลางโดยตรง(OCPA) ซึ่งสามารถจัดการได้อย่างเป็นระบบขั้นตอน ส่วนยาที่มีราคาสูงและมีอัตราการใช้สูงด้วยก็สามารถจัดการได้โดยการทำสัญญาตรงกับบริษัท วิธีพิเศษ และตั้งแจ้งเตือนได้โดยง่าย ยาที่มีอัตราการใช้สูงและราคาต่ำก็สามารถใช้เกณฑ์คงคลังต่ำสุดในการเสนอจัดซื้อและบริหารให้เพียงพอได้ แต่ยาที่มีปัญหาคือยาที่มีอัตราการใช้ต่ำและราคาต่ำ เป็นยาที่ไม่มีแรงจูงใจให้บริษัทนำเสนอยาเข้า และขาดการติดต่อ ซึ่งหากเป็นยาจำเป็นช่วยชีวิตก็คงยังต้องมีในโรงพยาบาล แต่หากเป็นยากลุ่มโรคอื่นที่ไม่ตรงตามบริบทโรงพยาบาลเห็นควรเสนอตัดออกจากบัญชีของโรงพยาบาล
รูปที่ 9 เงื่อนไขในการนำยาออกจากบัญชียาโรงพยาบาล
ยาที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในคลังยาจำเป็นต้องมีการดำเนินการให้ยาออกจากบัญชีเพื่อไม่ให้มียาที่ไม่จำเป็นในโรงพยาบาลมากเกินไป
รูปที่ 10 ยาที่เสนอตัดออกจากบัญชีในปีงบประมาณ 2559
รูปที่ 11 เกณฑ์ในการเสนอสั่งซื้อยาที่งานคลังใช้
จากรูปที่ 11 งานคลังยาได้ใช้เกณฑ์นี้เป็นหลักในการเสนอสั่งซื้อให้งานจัดซื้อพิจารณาต่อ โดยจะนำเสนอข้อมูลคงคลัง อัตราการใช้ ประวัติการสั่งซื้อ เช่น ราคาที่ซื้อ และจำนวนที่ซื้อครั้งล่าสุด