ประวัติโรงเรียน
โรงเรียนโสกแคนหนองหญ้าปล้อง ตั้งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2485 มีชื่อว่า “ โรงเรียนประชาบาล 16 (วัดบ้านโสกแคน) “ โดยนายโต๊ะ ณ หนองคาย ปลัดอำเภอเป็นประธานในพิธีเปิดโดยอาศัยศาลาวัดเป็นที่เล่าเรียนต่อมาชาวบ้านและคณะครูได้ช่วยกันจัดหาวัสดุและปลูกสร้างอาคารเรียนชั่วคราวในที่ดินของโรงเรียนได้ย้ายสถานที่เล่าเรียนจากศาลาวัดที่อาคารเรียนชั่วคราวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2489
พ.ศ. 2514 ได้รับประมาณก่อสร้างอาคารเรียนถาวรแบบ ป. 1 ซ และได้รื้อถอนเนื่องจากทรุดโทรมเมื่อ พ.ศ. 2543 สิ่งก่อสร้างที่สำคัญ
- พ.ศ. 2522 บ้านพักครู
- พ.ศ. 2528 สวมแบบ สปช.601 / 26
- พ.ศ. 2529 อาคารเรียน สปช. 102 / 26 อาคารเรียนอเนกประสงค์ สปช. 202 / 26
- พ.ศ. 2535 อาคารเรียน ธุรการ (เงินผ้าป่าการศึกษา)
- พ.ศ. 2537 สนามวอลเลย์บอล (เงินผ้าป่าการศึกษา)
- พ.ศ. 2538 โรงครัว (เงินบริจาค)
วันที่ 16พฤษภาคม 2538 ทางราชการได้ยุบโรงเรียน หนองหญ้าปล้อง มารวมและใช้ชื่อว่า “ โรงเรียนโสกแคนหนองหญ้าปล้อง” ในปีการศึกษา 2539 ได้เป็นโรงเรียนโครงการเปิดขยายโอกาสทางการศึกษา เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาต้อนต้น
ลักษณะของชุมชน
1) สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะ เป็นหมู่บ้าน ที่มีอาณาเขตติดต่อกัน มีหมู่บ้าน 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านดอนกู่ และ หมู่ที่ 2 บ้านโสกแคน ประชากรประมาณ 450 คน ซึ่งมีโรงเรียนโสกแคนหนองหญ้าปล้องตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียนได้แก่ ด้านข้างและด้านหลังของโรงเรียน เป็นทุ่งนา อาชีพหลักของชุมชนคืออาชีพ ทำนา เนื่องจากพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มเหมาะสำหรับการทำนา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ยึดปฏิบัติตามกรอบประเพณีวัฒนธรรม ฮีตสิบสอง ครองสิบสี่ ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปคือการทำบุญปีใหม่ บุญมหาชาติ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุและสรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ บุญบั้งไฟ บุญเข้าพรรษา บุญข้าวจี่ข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา และบุญกฐินเป็นต้น
2) ผู้ปกครองส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนปลาย ประกอบอาชีพทำนา รับจ้างและยังประกอบอาชีพเสริมคือปลูกเห็ด ทอผ้าพื้นเมือง อาชีพจักสาน คิดเป็นร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธ คิดเป็นร้อยละ 100 ฐานะทางเศรษฐกิจ /รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัวต่อปี 20,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัวครอบครัวละ 4 คน
3) โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียนโรงเรียนโสกแคนหนองหญ้าปล้อง เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาโรงเรียนเดียวในตำบลปางกู่ จึงได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาจากชุมชน หน่วยราชการ และองค์กร ต่างๆ เป็นอย่างดี ปลอดภัยจากสถานที่หรือแหล่งอบายมุขที่จะนำไปสู่การเสี่ยงต่อยาเสพติด