ข้อบังคับ ของ
สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา อำเภอแม่ลาว
ฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2560
หมวดที่ 1
ข้อความทั่วไป
ข้อที่ 1 ชื่อสมาคม
สมาคมนี้มีชื่อว่า สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหาร สถานศึกษา และบุคลากร ทางการศึกษาอำเภอ แม่ลาว ใช้ชื่อย่อภาษาไทย คือ (สค.บ.มล.) และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า
MAELAO PROFESSIONAL TEACHERS PRINCIPAL ASSOCIATION
ใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า M.L.T.A
ข้อที่ 2 เครื่องหมายสมาคม
ตราสัญลักษณ์
ความหมาย วงกลมรอบนอกมีชื่อของ “สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา” คั่นด้วยดาวสี่แฉกสองดวง ด้านล่างมีคำว่า “อำเภอแม่ลาว” วงกลมรอบในมีรูปเสมาธรรมจักรจำลอง ตรงกลางมีรูปพระธาตุคู่เมืองสามแห่ง คือ พระธาตุจอมหมอกแก้ว พระธาตุดอยจ้องสลับแสง และพระธาตุหมอกมุงเมือง ใต้พระธาตุมีรูปภูเขา ใต้ฐานเสมาธรรมจักร มีอักษรย่อภาษาอังกฤษ M.L.T.A.
ข้อที่ 3 ที่ตั้งสำนักงานสมาคม ณ ห้องประชุมปัญญาช่วย โรงเรียนชุมชนบ้านป่าก่อดำ ตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
หมวดที่ 2
วัตถุประสงค์
ข้อที่ 4 วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ
4.1 ส่งเสริมแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นทางวิชาการ ติดตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษา
4.2 ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในด้านวิชาชีพครู แก่ สมาชิก
4.3 ส่งเสริมความสามัคคี แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจอันดีต่อกันของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ผู้ประกอบวิชาชีพครู
4.4 ส่งเสริม สนับสนุน การค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาการแก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้ประกอบวิชาชีพครู
4.5 พิทักษ์สิทธิ และส่งเสริมสวัสดิการของสมาชิก
4.6 ส่งเสริม และดำเนินการเกี่ยวกับด้านสังคมสงเคราะห์ และสาธารณกุศล
4.7 ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย และร่วมกับสมาคม องค์กร หรือหน่วยงานอื่น ที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกัน
4.8 ให้ข้อคิดเห็น และเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง
4.9 ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวดที่ 3
สมาชิก
ข้อที่ 5 สมาชิกของสมาคมมี 2 ประเภท คือ
5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่
• ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพครู ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการสร้างเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีต่างๆ ในสถานศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชน ในพื้นที่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
• ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพครู ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งรัฐ และเอกชน ในพื้นที่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
• บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในพื้นที่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
• ครู ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษานอกประจำการ หมายความว่าข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในพื้นที่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ที่เกษียณอายุราชการและมีความสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมฯ
5.2 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือ ผู้มีอุปการะคุณแก่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อที่ 6 สมาชิกต้องมีคุสมบัติ ดังนี้
6.1. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
6.2. เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
6.3. ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
6.4. ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือ เสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือความผิดลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก หรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น
ข้อที่ 7 ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม
7.1 สมาชิกสามัญ จะต้องเสีย
ค่าสมัคร 10 บาท
ค่าลงทะเบียน 40 บาท
ค่าบำรุงสมาคมประจำปี 100 บาท
7.2 สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ข้อที่ 8 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม
ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคม ต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ ณ สำนักงานของสมาคม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้สมาชิกอื่นๆ ของสมาคมได้คัดค้านการสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ให้เลขานุการนำใบสมัคร และหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาอนุมติว่าจะ รับ หรือ ไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม และเมื่อคณะกรรมการพิจารณาสมัครแล้วผลประการใดให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขานุการ และสมาชิกภาพของ ผู้สมัครให้นับเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงภายในกำหนดก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก
ข้อที่ 9 สมาชิกของสมาชิกกิตติมศักดิ์
ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมได้มาถึงยังสมาคม
ข้อที่ 10 สมาชิกภาพของสมาคมสิ้นสุดลงเมื่อ
10.1 ตาย
10.2 ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย
10.3 ขาดคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกตาม ข้อที่ 6
10.4 ที่ประชุมใหญ่ของสมาคมลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ให้ลบชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก เนื่องจากสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤติ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่สมาคม
10.4 สมาชิกสามัญที่ค้างค่าบำรุงสมาคมฯ 2 ปี ซึ่งเหรัญญิกของสมาคมได้มีหนังสือทวงถามแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง
ข้อที่ 11 สมาชิกสิ้นสุดลง ตามข้อ 10.4 และ 10.5 อาจสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้อีกครั้งโดยความ
เห็นชอบของคณะกรรมการสมาคม ซึ่งมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุม
ข้อที่ 12 สิทธิหน้าที่ของสมาชิก
12.1 มีสิทธิประดับเครื่องหมายของสมาคม
12.2 มีสิทธิเสนอความคิดเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของสมาคม ต่อคณะกรรมการหรือ ที่ประชุมใหญ่
12.3 มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
12.4 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
12.5 สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการของสมาคม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ได้คนละ 1 คะแนน เสียง ให้ถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวจะแต่งตั้งหรือมอบอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำการแทนตน มิได้
12.6 มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสาร และทรัพย์สินของสมาคม
12.7 มีสิทธิเข้าร่วมชื่อกันอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด ร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
12.8 มีหน้าที่เข้าร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
12.9 มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
12.10 มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
12.11 มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนสมาคม ซึ่งดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมตลอดจนช่วยเหลือเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคม
หมวดที่ 4
การบริหารสมาคม
ข้อที่ 13 ให้มีคณะกรรมการสมาคมคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คณะกรรมการบริหารสมาคมมีจำนวนอย่างน้อย 20 คน แต่ไม่เกิน 30 คน โดยมีตำแหน่งดังนี้
13.1 นายกสมาคม ทำหน้าที่รับผิดชองบริหารงานให้เป็นไปตามข้อบังคับของ สมาคม เป็นผู้แทนสมาคม ในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่ประสานในการประชุม
13.2 อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคม ในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่ที่นายกสมาคมมอบหมาย เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
13.3 ฝ่ายเลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการ ในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
13.4 ฝ่ายเหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำ บัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
13.5 ฝ่ายนายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคม ประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
13.6 ฝ่ายปฏิคม มีหน้าที่ในการต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการ จัดเตรียมสถานที่ของสมาคม และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆ ของสมาคม
13.7 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เป็นพิธีกรและเผยแพร่กิจการและชื่อเสียง เกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิก และบุคคลทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
13.8 ฝ่ายกฎหมาย มีหน้าที่ให้คำแนะนำการดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ทางด้านกฎหมายของสมาคม
13.9 กรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควร กำหนดให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการข้างต้น แล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือเป็นกรรมการกลาง
ข้อที่ 14 นายกสมาคม จะต้องเป็นสมาชิกสามัญ และมาจากการเสนอแต่งตั้งในที่ประชุมใหญ่ ของ ตัวแทนสมาชิกจากสถานศึกษา โดยในที่ประชุมเลือกนายกสมาคมเพียงตำแหน่งเดียว และให้นายกสมาคมแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ ตามข้อ 13 สมาชิกสามัญจากที่ประชุม โดยมีสัดส่วน ดังนี้
• ตัวแทนผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 14 คน
• ตัวแทนครูสายผู้สอน จำนวน 8 คน
• ตัวแทนบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 2 คน
ข้อที่ 15 คณะกรรมการของสมาคม สามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี และเมื่อคณะกรรมการ อยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการส่งมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่า และคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
ข้อที่ 16 ตำแหน่งคณะกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการ แต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควร เข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อที่ 17 กรรมการสมาคม อาจพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระดังเหตุต่อไปนี้
17.1 ตาย
17.2 ลาออก
17.3 ขาดจากสมาชิกภาพตามข้อที่ 6
17.4 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้พ้นจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุม
ข้อที่ 18 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
18.1 มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับฉบับนี้
18.2 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการเพื่อกิจการใด ๆ ได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ ไม่เกินวาระของกรรมการที่ แต่งตั้ง
18.3 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
18.4 มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
18.5 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
18.6 มีอำนาจบริหารงานของสมาคมเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่ข้อบังคับที่กำหนดไว้
18.7 มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
18.8 มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ของสมาชิกทั้งหมด ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัด ประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือร้องขอ
18.9 มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงินทรัพย์สิน และการดำเนิน กิจกรรมต่างๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
18.10 จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจัดส่งให้ สมาชิกได้รับทราบ
18.11 มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
ข้อที่ 19 คณะกรรมการสมาคม จะต้องประชุมกันอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยว กับการบริหารของสมาคม
ข้อที่ 20 การประชุมของคณะกรรมการ จะต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด จึงถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการถ้าข้อบังคับมีได้กำหนดไว้ เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือ คะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด ในกรณีเร่งด่วนให้นายกสมาคมมีอำนาจเรียกประชุมวิสามัญ คณะกรรมการได้
ข้อที่ 21 ในการประชุมคณะกรรมการสมาคม ให้นายกสมาคมเป็นประธานในการประชุม ถ้านายกสมาคมไม่เข้าประชุมให้อุปนายกทำการแทน และถ้าอุปนายกไม่เข้าประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการในที่ประชุมนั้นเลือกตั้งกันเอง ให้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมคราวนั้น
หมวดที่ 5
การประชุมใหญ่
ข้อที่ 22 การประชุมใหญ่ของสมาคม มี 2 ประเภท คือ
22.1 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี
22.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อที่ 23 คณะกรรมการของสมาคม จะต้องจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ 1 ครั้งภายในเดือน มิถุนายน ของทุกปี ระเบียบวาระการประชุมอย่างน้อยมีดังต่อไปนี้
23.1 คณะกรรมการแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา
23.2 คณะกรรมการแถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมา เพื่อที่ประชุม รับรองและเสนองบประมาณประจำปี ต่อไป
23.3 ดำเนินการเลือกคณะกรรมการชุดใหญ่เมื่อครบตามวาระต่อที่ประชุมใหญ่
23.4 เลือกตั้งผู้สอบบัญชี
23.5 เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี
ข้อที่ 24 การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจมีขึ้นได้โดยคณะกรรมการเห็นสมควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นโดยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 50 คน หรือจำนวนสมาชิก 2 ใน 3 ร้องขอคณะกรรมการจัดให้มีขึ้น
ข้อที่ 25 การประชุมใหญ่สามัญและวิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คนจึงถือว่าครบองค์ประชุม เมื่อถึงกำหนดองค์ประชุมยังมีสมาชิกมาประชุมไม่ครบองค์ ประชุมให้เลื่อนการประชุมออกไปอีก 1 ชั่วโมง และเมื่อถึงกำหนดแล้วยังมีสมาชิกมาประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นไป และให้จัดประชุมใหม่อีกครั้งหนึ่งหลังจากเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 วัน แต่ต้องไม่เกิน 20 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้เลื่อนการประชุมครั้งแรก ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหม่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ มีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
ข้อที่ 26 การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดที่ประชุมให้สมาชิกได้ ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจนโดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ไว้ ณ สำนักงานสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่
ข้อที่ 27 การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
หมวดที่ 6
การเงินและทรัพย์สินของสมาคม
ข้อที่ 28 คณะกรรมการสมาคม จะต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อการเงิน และทรัพย์สินของสมาคม เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควรในนามของสมาคม
ข้อที่ 29 การลงนามในตั๋วแลกเงิน หรือ เป็นเช็คของสมาคม จะต้องมีลายชื่อของนายกสมาคม / หรือผู้ทำการแทน / ลงนามร่วมกับเหรัญญิก / หรือเลขานุการ พร้อมกับประทับตราของสมาคม จึงจะถือว่าใช้ได้
ข้อที่ 30 การสั่งจ่ายเงินของสมาคม ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สมาคม
ข้อที่ 31 เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดไว้ได้ครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านี้จะต้องนำฝากธนาคารหรือสถาบันการเงินโดยฝากไว้ในบัญชีของสมาคม
ข้อที่ 32 การรับหรือจ่ายเงินของสมาคม จะต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือทุกครั้ง เพื่อเก็บไว้เป็น หลักฐานตรวจสอบเกี่ยวกับเงินและให้เก็บไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี
ข้อที่ 33 เหรัญญิก จะต้องจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายให้เป็นไปตามหลักวิชาการ สามารถที่จะให้ สมาชิกตรวจได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
ข้อที่ 34 ผู้สอบบัญชีของสมาคม จะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ และจะต้องมิใช่เป็นกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม
ข้อที่ 35 ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีและรับรองบัญชีงบดุลประจำปี และผู้สอบบัญชีมีสิทธิสอบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอบถามกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และเอกสารดังกล่าว
ข้อที่ 36 คณะกรรมการสมาคม จะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ
หมวดที่ 7
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการล้มเลิกสมาคม
ข้อที่ 37 ข้อบังคับของสมาคม จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุม ใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อบังคับจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกวิสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อที่ 38 การล้มเลิกสมาคม จะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคมยกเว้นเป็นการเลิกเพราะ เหตุผลของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ให้เลิก สมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม้น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด
ข้อที่ 39 เมื่อสมาคมต้องล้มเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่ หลังจากที่ ได้ ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ยกให้เป็นมูลนิธิเพื่อการศึกษาของอำเภอแม่ลาว (ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณะประโยชน์)