ลักษณะการทดสอบ
การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ จะแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ภาค คือ
1. ภาคความรู้ เป็นการทดสอบความรู้พื้นฐานการปฏิบัติงานที่จำเป็น ลักษณะของข้อสอบจะเป็นปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวนข้อทดสอบประมาณ 50 – 100 ข้อใช้เวลาประมาณ 1- 1.30 ชั่วโมงคะแนนคิดเป็นร้อยละ 20-30 ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับ
2. ภาคความสามารถ เป็นการทดสอบทักษะ ความชำนาญงาน รวมถึงทัศนคติในการทำงานที่ดีลักษณะของข้อสอบจะเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานจริงตามแบบและเวลาที่กำหนด ใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง คะแนนคิดเป็นร้อยละ 70-80 ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับ
เกณฑ์การทดสอบผ่าน
ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องเข้ารับการทดสอบทั้งสองภาค ซึ่งเกณฑ์การผ่านจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในแต่สาขาและแต่ระดับ โดยปกติเกณฑ์การผ่านจะอยู่ที่ร้อยละ 70
คุณสมบัติผู้เข้ารับการทดสอบ
1. อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์นับถึงวันสมัครเข้ารับการทดสอบและ
2. มีประสบการณ์การทำงานหรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาที่จะทดสอบ หรือ
3. ผ่านการฝึกฝีมือแรงงานหรือฝึกอาชีพ และมีประสบการณ์จากการฝึกหรือปฏิบัติงานในกิจการในสาขาเกี่ยวข้อง หรือ
4. เป็นผู้ที่จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้อง
5. กรณีต้องการทดสอบในระดับที่สูงขึ้น จะต้องมีประสบการณ์การทำงาน หรือประกอบอาชีพ หรือได้คะแนนรวมในสาขาอาชีพและระดับที่เคยทดสอบผ่านมาแล้ว ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานประกาศกำหนด
หลักการฐานการสมัครเข้ารับการทดสอบ
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาบ้าน หรือบัตรอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้
2. รูปถ่ายหน้าตรง ไม่สาหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
3. หนังสือรับรองประสบการณ์การทำงานหรือการประกอบอาชีพ หรือสำเนาวุฒิการศึกษา
4. สำเนาหนังสือรับรองผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (กรณีทดสอบฯ ระดับสูงขึ้น)
5. ค่าธรรมเนียม/ค่าทดสอบ
กรณีทดสอบกับหน่วยงานสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
- ระดับ 1 จำนวน 100 บาท
- ระดับ 2 จำนวน 150 บาท
- ระดับ 3 จำนวน 200 บาท
กรณีทดสอบกับศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ที่ได้รับอนุญาตจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในอัตรา 500-2,000 บาท ในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับ ตามประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ประโยชน์มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
สถานประกอบกิจการ/นายจ้าง
1. ใช้คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะฝีมือ และทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เข้าปฏิบัติงานในองค์กร
2. ใช้ประกอบการวางแผนการพัฒนา/เลื่อนตำแหน่งงานและขึ้นเงินเดือนของพนักงานและขึ้นเงินเดือนของพนักงาน ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในองค์กร
3. ช่วยลดอัตราความเสียหายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ และการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
4.เพิ่มคุณภาพ/ผลผลิตของสินค้าและการบริการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
พนักงาน/ลูกจ้าง
1. ทราบระดับทักษะฝีมือและข้อบกพร่องของตนเอง
2. เป็นแนวทางการวางแผนการพัฒนาฝีมือแรงงานของตนตามความสามารถของตำแหน่งงานที่จะเลื่อนระดับขึ้น
3. เพิ่มโอกาสในการจ้างงานสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
4. เพิ่มโอกาสในการจ้างงานสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
5. เพิ่มโอกาสในการรับค่าจ้างค่าตอบแทนเป็นธรรม
ประชาชน/ผู้บริโภค
1. เพิ่มโอกาส และทางเลือกในการบริโภคสินค้า หรือบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
2. ได้รับบริการที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ มีความปลอดภัยตรวจสอบได้ จากแรงงานผู้มีทักษะฝีมือ
ภาครัฐ
1. ใช้ประกอบวางแผนพัฒนากำลังคนให้มีมาตรฐานฝีมือแรงงานในการประกอบอาชีพ
2. ใช้เป็นกรอบเพื่อพิจารณาจัดทำหลักสูตรอบรม หลักสูตรการเรียนในระดับชาติให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
3. ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค
4. ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างข้อมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้สามารถแข่งขันในตลาดการค้าภายในประเทศและต่างประเทศ