รองปลัด ศธ.เน้นสุขภาพความปลอดภัยของครูและนักเรียนต้องควบคู่กับการเรียนรู้นำการศึกษา 18 พ.ค. เริ่มทดสอบออนไลน์ ออนแอร์ ทุกระบบ

วันที่โพสต์: May 13, 2020 6:53:32 AM

รองปลัด ศธ.เน้นสุขภาพความปลอดภัยของครูและนักเรียนต้องควบคู่กับการเรียนรู้นำการศึกษา 18 พ.ค. เริ่มทดสอบออนไลน์ ออนแอร์ ทุกระบบ วันนี้ (9 พฤษภาคม 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงความพร้อมด้านการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 สาระสำคัญ ดังนี้ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการชี้แจงคณะรัฐมนตรี มีมติ 7 เมษายน 2563 เลื่อนเปิดภาคเรียน จากวันที่ 16 พฤษภาคม เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม กระทรวงศึกษาธิการคิดแนวทางจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับทุกระดับชั้น ทุกประเภทการศึกษา รวมทั้งเตรียมความพร้อมทักษะที่สำคัญในช่วงปิดเทอมให้กับผู้เรียนที่จำเป็นสำหรับนักเรียนยุคใหม่ ซึ่งรัฐมนตรียืนยันเป้าหมายสูงสุดของกระทรวงศึกษาธิการคือ การเรียนรู้นำการศึกษา ศธ. จึงจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวย บนพื้นฐาน 6 ประการ ได้แก่ 1. การจัดการเรียนการสอนต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง 2. นักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ แม้จะไม่ไปโรงเรียน 3. ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย ศธ.และ กสทช. จัดสรรช่องดิจิตอลทีวี 17 ช่อง เป็นการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ประกอบด้วย สพฐ. 15 ช่อง คือการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่อนุบาล 1 จนถึงมัธยม 6 อาชีวะ 1 ช่อง และกศน. 1 ช่อง 4. การตัดสินใจนโยบายอยู่บนพื้นฐานผลสำรวจความต้องการจากนักเรียน ผู้ปกครอง ครู และโรงเรียน โดยยึดหลักการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นที่ตั้ง ศธ.จะสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ 5. ปรับปฏิทินการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนของเด็ก มีเวลาที่ชดเชยก็จะคำนึงถึงภาระของทุกคน การได้รับความรู้ครบตามช่วงวัยของเด็ก และ 6. บุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการยังกล่าวว่า ต้องปรับวิกฤตนี้เป็นโอกาส เพื่อปรับปรุงระบบการศึกษาของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับการศึกษาของไทย การออกแบบการเรียนการสอนในช่วงของโควิด - 19 นี้ โดยประการแรกคือ รูปแบบของการเรียนการสอน ออกแบบให้สอดคล้องกับความปลอดภัยของพื้นที่ หากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายก็เข้าสู่สภาพปกติ ไปเรียนตามปกติ สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่ปลอดภัยก็จัดการเรียนการสอนทางไกล ซึ่งนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา 4-6 สามารถเรียนออนไลน์ควบคู่กับการเรียนทางไกล โดย ศธ.กระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้ทางเขตพื้นที่ โรงเรียน กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง จัดการเรียนการสอนที่จะแตกต่างกัน โดยยึดนโยบายหลักคือ เพิ่มเวลาพัก ลดการประเมิน งดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น โดยนักเรียนจะได้มีเวลาพัก ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 1 เปิดภาคเรียนแรก 1 กรกฎาคม ถึง 13 พฤศจิกายน นักเรียนจะมีเวลาพัก 17 วัน ก่อนที่จะเปิดภาคเรียนที่ 2 1 ธันวาคม ถึง 9 เมษายน 64 มีเวลาพักอีก 37 วัน รวมทั้ง 2 เทอม มีเวลาพัก 54 วัน แล้วกลับเข้าสู่สภาพปกติของปีการศึกษาใหม่ โดยจะมีการทดสอบระบบการเรียนรู้ทางไกล ระบบออนไลน์ ต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อให้พร้อมมากที่สุดก่อนที่จะเปิดภาคเรียน

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ มี 4 หน่วยงานทั่วประเทศทั้ง สพฐ. อาชีวะ กศน. และ สช. ซึ่งจะมีการรูปแบบของแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกันไป ตามบริบท กลุ่มเป้าหมาย สภาพของพื้นที่ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้กำหนดแนวทางในการจัดการเรียนการสอนไว้เป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 คือ เตรียมความพร้อมระหว่าง 7 เมษายน - 17 พฤษภาคม นี้ เตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการให้บริการการเรียนรู้ e-learning ของศธ. ระยะที่ 2 ทดลองจัดการเรียนทางไกล ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน ระดับปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผ่านช่องรายการโทรทัศน์ เผยแพร่สัญญาณมาจากพื้นที่การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในพระบรมราชูปถัมภ์ ในช่วงเวลานี้จะเปิดศูนย์รับฟังความคิดเห็นในการเรียนการสอนทางไกลนี้ จากผู้เกี่ยวข้อง ระยะที่ 3 การจัดการเรียนการสอน 1 กรกฎาคม 2563 - 30 เมษายน 2564 ใน 2 สถานการณ์ กรณีการระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ต้องจัดการเรียนการสอน ปฐมวัยถึง ม.ต้น ด้วยระบบทางไกลผ่าน DLTV ส่วนของ ม. 4-6 จะมีระบบการเรียนออนไลน์มาเสริมในเรื่องของการเรียนรู้ต่าง ๆ กรณีที่สถานการณ์ คลี่คลายแล้ว ก็กลับมาเรียนตามปกติได้และยึดหลักสาธารณสุข ระยะที่ 4 การทดสอบและการศึกษาต่อ โดยประสานกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ในการสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ประสานกับสถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติในการสอบ o-net ของนักเรียนชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6

รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังเน้นการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการจัดทำแพลตฟอร์มของ ศธ. เพื่อเป็นเวทีเชื่อม 176 หน่วยงาน เชื่อมโยงคนพิการทั้งประเทศ ให้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาตนเองมากขึ้น ตามแนวทางปรับบ้านเป็นห้องเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู ทั้งนี้ ปฏิทินการรับนักเรียนของสพฐ. เริ่มรับนักเรียนชั้น ม. 1 และ ม.4 ทางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 3 -12 พฤษภาคม นี้ สอบคัดเลือก ม. 1 วันที่ 6 มิถุนายน ม.4 วันที่ 7 มิถุนายน โรงเรียนจับฉลากวันที่ 12 มิถุนายน การประกาศผลสอบ ม. 1 ประกาศวันที่ 10 มิถุนายน ม.4 ประกาศวันที่ 11 มิถุนายน การรับรายงานตัว มอบตัวของนักเรียน ม.1 ในวันที่ 12 - 13 มิถุนายน ม. 4 วันที่ 14 - 15 มิถุนายน และในวันที่ 16 มิถุนายน นี้ เด็กทุกคนต้องมีที่เรียน 1 กรกฎาคม เข้าสู่สภาพการเรียนตามปกติ แนวทางการจัดของอาชีวศึกษา ทั้งระดับ ปวช. ปวส. ปริญญาตรี สายเทคโนโลยี หรือสายปฏิบัติการ แบ่งเป็น 4 รูปแบบ

รูปแบบที่ 1 จัดผ่านเอกสารตำราเรียน แบ่งกลุ่มย่อย สลับหมุนเวียนกันมาเรียนตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่

รูปแบบที่ 2 จัดการเรียนการสอนด้วยระบบทางไกล DLTV

รูปแบบที่ 3 จัดการเรียนการสอนตามแบบออนไลน์

รูปแบบที่ 4 จัดการเรียนผ่านการสอนผ่านไลฟ์สด

แนวทางจัดการเรียนการสอนของ สช. มี 3 รูปแบบ กรณีสถานที่ปลอดภัย เรียนตามปกติได้ ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ปลอดภัยก็ต้องเรียนผ่านระบบทางไกล ระบบออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต ในช่วงปิดเทอม สช.ได้ร่วมกับสถานศึกษาเอกชนแห่ง 5 แห่ง จัดการศึกษาออนไลน์ให้กับนักเรียนทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ครอบคลุมทุกสาระการเรียนรู้ ตั้งแต่ป. 1 จนถึง ม. 6 เปิดการสอนทั้งไลฟ์สดและเทป โดยติวเตอร์ชื่อดังเข้ามาร่วมในการสอนออนไลน์ แนวทางการจัดการศึกษาของ กศน. มอบให้ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาของ กศน. ผลิตรายการ ทั้งรายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ เพื่อจะตอบโจทย์การจัดการศึกษาตลอดชีวิต สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย แล้วก็มอบให้สถาบันการศึกษาทางไกล มาพัฒนารูปแบบของกระบวนการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชั่นและช่องทางต่าง ๆ ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะติดตาม ควบคุม การรายงานผลมายังกระทรวง สำหรับผู้ปกครองที่ยังไม่มีความพร้อมทางด้านการเรียน ศธ.ยินดีที่จะสนับสนุนอุปกรณ์ในการเรียนการสอนต่าง ๆ ด้วย

.............................. กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก ที่มา เว็บไซต์รัฐบาลไทย

https://www.kroobannok.com/88094