ทฤษฎีหลักสูตร
ทฤษฎี เป็นข้อความที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ เพื่อสรุป หรืออธิบายหรือ ทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทฤษฎีว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ได้เรียนรู้อะไร อีกมากมาย โดยทฤษฎีจะช่วยจัดระดับข้อมูลจำนวนมากที่มีความยุ่งยากซับซ้อนให้เป็นระเบียบง่ายแก่ความเข้าใจ ช่วยขยายขอบเขตความรู้ของมนุษย์ให้กว้างขวางขึ้น
องค์ประกอบของทฤษฎีหลักสูตร มีรายละเอียดดังนี้
1. ทฤษฎีการออกแบบหลักสูตร การออกแบบหลักสูตร (Curriculum design) หมายถึง การจัดส่วนประกอบหรือองค์ประกอบของหลักสูตร ซึ่งได้แก่ จุดหมาย เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียน และการประเมินผล ซึ่งในการกำหนด รูปแบบที่สามารถนำไปเป็นแนวทางในการออกแบบหลักสูตรได้ 9 รูปแบบ ดังนี้
1.1 หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหาวิชา (Subject-matter-curriculum)
1.2 หลักสูตรแบบหมวดวิชา (Broad-field-curriculum)
1.3 หลักสูตรที่ยึดกระบวนการทางสังคมและการดำรงชีวิต (Social process and life function curriculum)
1.4 หลักสูตรแบบแกนกลาง (Core curriculum)
1.5 หลักสูตรที่ยึดกิจกรรมและประสบการณ์ (The activity and experience curriculum)
1.6 หลักสูตรแบบบูรณาการ (Integrated curriculum)
1.7 หลักสูตรแบบสหสัมพันธ์ (Correlate curriculum)
1.8 หลักสูตรแบบเอกัตบุคคล (Individualized curriculum)
1.9 หลักสูตรแบบส่วนบุคคล (Personalized curriculum)
2. ทฤษฎีวิศวกรรมหลักสูตร วิศวกรรมหลักสูตร (Curriculum engineering) หมายถึง กระบวนการทุกอย่างที่จำเป็นในการทำให้ระบบหลักสูตรเกิดขึ้นในโรงเรียน เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักสูตรที่มีคุณภาพและสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ถึงผู้เรียนได้มากที่สุด ซึ่งรูปแบบของวิศวกรรมหลักสูตร (Model for curriculum engineering) มีดังนี้
2.1 รูปแบบการบริหาร (The administrative model) เป็นกระบวนการดำเนินงานจาก เบื้องบนไปสู่ล่าง ผู้ใช้หลักสูตรจะไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดสร้างหรือวางแนวทางในการใช้หลักสูตร
2.2 รูปแบบการปฏิบัติการจากเบื้องล่าง (The grass roots model) มีลักษณะตรงกันข้ามกับรูปแบบแรกการพัฒนาหลักสูตรจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากครูผู้ใช้หลักสูตร ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรด้วย นอกจากนี้ยังสมควรจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนประชาชนในท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรด้วย
2.3 รูปแบบการสาธิต (The demonstration model) มี 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรก เป็นการแยกหน่วยการสอนเป็นหน่วยย่อย ให้ครูเป็นผู้ทดลอง ภายในโรงเรียน ในส่วนลักษณะหลัง จะเป็นการดำเนินการไม่ค่อยเป็นทางการมากนัก โดยมีคณะครูที่มี ความสงสัยหรือไม่พึงพอใจส่วนหนึ่งส่วนใดของหลักสูตร
2.4 รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (The systematic action-research model) การดำเนินการให้ได้มาซึ่งหลักสูตรโดยวิธีการวิจัยปฏิบัติการ ต้องอาศัย องค์ประกอบ 3 ประการคือ มนุษยสัมพันธ์ องค์กรโรงเรียน /สังคม และผู้เชี่ยวชาญทางเนื้อหาวิชา
2.5 รูปแบบการใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานในการจัดทำ หลักสูตรในรูปแบบนี้ เกิดขึ้นมาใหม่ในยุคที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี โดยจะมีการบรรจุรายการต่าง ๆ ไว้จำนวนมากมายในเครื่องคอมพิวเตอร์
3. ทฤษฎีการสร้างหลักสูตร ทฤษฎีเกี่ยวกับกระบวนการสร้างหลักสูตรของนักการศึกษาทั้งไทยและต่างประเทศ จะได้ นำเสนอรายละเอียดในบทที่3 การพัฒนาหลักสูตร
4. ทฤษฎีการนำหลักสูตรไปใช้
4.1 รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and development)
4.2 รูปแบบการพัฒนาแบบผสมผสาน (Integrative development model)
4.3 รูปแบบการใช้ตัวกลางสำหรับการเปลี่ยนแปลง (Change agent model)
4.4. รูปแบบการเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีรูปแบบ (Non-model for change)
5. ทฤษฎีการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตร เป็นกระบวนการสำคัญอีกกระบวนการหนึ่งในการพัฒนาหลักสูตรเพราะ เป็นกระบวนการที่สะท้อนความสำเร็จของหลักสูตร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง สามารถจำแนกออกได้หลายรูปแบบ
รูปแบบของหลักสูตร จำแนกได้ 9 แบบ ดังนี้
1. หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหาวิชา (Subject-matter-curriculum) เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใน การสอนศาสนา เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง วิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีบรรยาย ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญา สารัตถนิยม (Essentialism) และสัจวิทยานิยม (Perennialism)
2. หลักสูตรหมวดวิชา (Board field curriculum) เป็นรูปแบบหลักสูตรที่มีลักษณะหลาย หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรสหสัมพันธ์และหลักสูตรแบบผสมผสาน การจัดการเรียนรู้ยึดครูเป็น ศูนย์กลางเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาสาระ
3. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (Social process and life function curriculum) การจัดหลักสูตรแบบนี้ได้ยึดเอาสังคมและชีวิตจริงของเด็กเป็นหลัก ได้รับอิทธิพล มาจากความคิดของจอห์น ดิวอี้ กับปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนาการนิยม และปรัชญาการศึกษา สาขาปฏิรูปนิยม
4. หลักสูตรแบบแกน (Core curriculum) เป็นหลักสูตรที่ประสานสัมพันธ์เนื้อหาวิชา ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active learning เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นหลักสูตรที่ยึดปรัชญาปฏิรูปนิยม
5. หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์(Activity or experience curriculum) หลักสูตรแบบ นี้ยึดประสบการณ์ และกิจกรรมเป็นหลักมุ่งส่งเสริมการเรียนการสอนโดยวิธีการแก้ปัญหา ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการลงมือกระทำ
6. หลักสูตรบูรณาการ (Integrated curriculum) เป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การ เรียนรู้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เป็นการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน
7. หลักสูตรสหสัมพันธ์(Correlated curriculum) เป็นหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาวิชาของวิชาต่าง ๆ ที่สอดคล้องหรือส่งเสริมซึ่งกันและกันมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แล้วจัดสอนเป็นเนื้อหาเดียวกัน
8. หลักสูตรแบบเอกัตบุคคล (Individualized curriculum) เป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อสนอง ความต้องการ และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน การจัดหลักสูตรแบบนี้ทำให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถ และอัตราเร็วของแต่ละคน มีโอกาสเลือกได้มาก
9. หลักสูตรแบบส่วนบุคคล (Personalized curriculum) เป็นหลักสูตรที่ครูและนักเรียน วางแผนร่วมกันตามความเหมาะสมและความสนใจของผู้เรียน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียน