ความหมายของหลักสูตร
คำว่า “หลักสูตร” แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “curriculum” รากศัพท์มาจากภาษา ลาตินว่า “currere” หมายถึง “running course” หรือ เส้นทางที่ใช้วิ่งแข่ง เป็นการเปรียบเทียบหลักสูตรเสมือนสนามหรือลู่วิ่งให้ผู้เรียนจะต้องฟันฝ่าความยากของวิชา มีนักการศึกษาได้ให้ความหมายของคำว่า หลักสูตรหลายท่าน อาทิ
โอลิวา ได้ศึกษาความหมายของหลักสูตร พบว่า การให้ความหมายหลักสูตรขึ้นอยู่กับลักษณะความเชื่อหรือปรัชญาของแต่ละบุคคล
1. หลักสูตร คือ สิ่งที่สอนในสถานศึกษา
2. หลักสูตร คือ เนื้อหาวิชา
3. หลักสูตร คือ โปรแกรมสำหรับการเรียน
4. หลักสูตร คือ กลุ่มของวัสดุอุปกรณ์
5. หลักสูตร คือ กลุ่มวิชา
6. หลักสูตร คือ ลำดับของรายวิชา
7. หลักสูตร คือ กลุ่มการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์
8. หลักสูตร คือ รายวิชาที่จะศึกษา
9. หลักสูตร คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินการภายในสถานศึกษาและกิจกรรมนอกชั้นเรียน การแนะแนว รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง
10. หลักสูตร คือ สิ่งที่สอนทั้งในและนอกสถานศึกษาโดยการดูแลจากสถานศึกษา
11. หลักสูตร คือ ทุกสิ่งที่ได้วางแผนจากบุคลากรในสถานศึกษา
12. หลักสูตร คือ ลำดับขั้นตอนของประสบการณ์ที่สถานศึกษาจัดให้กับผู้เรียน
13. หลักสูตร คือ ผลของประสบการณ์ที่ผู้เรียนแต่ละคนได้รับมาจากสถานศึกษา
ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ ได้สรุปความหมายของหลักสูตรไว้ 5 ลักษณะ โดยพิจารณาจาก ความหมายที่เป็นรูปธรรมจนถึงนามธรรม ดังนี้คือ
1. หลักสูตร คือ รายวิชาหรือเนื้อหาวิชาที่เรียน
2. หลักสูตร คือ จุดหมายที่ผู้เรียนพึงบรรลุ
3. หลักสูตร คือ แผนสำหรับจัดโอกาสการเรียนรู้หรือประสบการณ์ที่คาดหวังแก่นักเรียน
4. หลักสูตร คือ ประสบการณ์ทั้งปวงของผู้เรียนที่จัดโดยโรงเรียน
5. หลักสูตร คือ กิจกรรมทางการศึกษาที่จัดให้กับผู้เรียน
สรุปได้ว่า หลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์ รายวิชา และ/หรือ เอกสาร ที่มีการจัดทำเป็นแผนการจัดสภาพการเรียนรู้หรือโครงการจัดการศึกษา โดย มีการกำหนดเนื้อหา กิจกรรม/วิธีการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์หรือ จุดมุ่งหมายตามที่หลักสูตรกำหนดไว้
ความสำคัญของหลักสูตร
การจัดการศึกษาของชาติ มีหลักสูตรเป็นเสมือนพิมพ์เขียวในการจัดการศึกษา โดยมุ่งเน้นพัฒนา คนในชาติให้มีคุณภาพเหมาะสมกับบริบทสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหลักสูตรจะเป็นกรอบแนวทาง ที่กำหนดว่า ผู้เรียนรู้อะไร ทำอะไรได้บ้าง ผ่านประสบการณ์เรียนรู้อะไรบ้าง มีนักพัฒนาหลักสูตรได้กล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตรไว้ ดังนี้
ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ กล่าวถึง ความสำคัญของหลักสูตรไว้ 2 ลักษณะ ดังนี้
1. ความสำคัญของหลักสูตรต่อการศึกษา ในการจัดการศึกษาให้แก่พลเมืองในประเทศจะต้องมีหลักสูตรเพื่อเป็นแนวทางและเป็นเกณฑ์มาตรฐานทางการศึกษา สำหรับควบคุมการเรียนการสอนในแต่ละระดับการศึกษา หลักสูตรจะเป็นเครื่องชี้นำทางในการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียน ให้มุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
2. ความสำคัญของหลักสูตรต่อการสอน หลักสูตรเป็นแผนแม่บทสำคัญต่อการจัดการศึกษาทุกระดับ หลักสูตรจะระบุสิ่งที่สอนในโรงเรียน ระบุสิ่งที่ผู้เรียนควรจะรู้ ดังนั้น ครูผู้สอนจะต้องอาศัยหลักสูตร เพื่อช่วยในการสอน โดยศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจ แล้วนำไปแปลงเป็นภาคปฏิบัติหรือการสอนเพื่อให้ได้ผลการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรกำหนดไว้
ศิรินาถ จงกลกลาง กล่าวว่า หลักสูตรเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการศึกษา 3 ระดับคือ
1. ระดับประเทศ เป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวทางการจัดการศึกษาโดยภาพรวม และเป็นตัวบ่งชี้ ให้ เห็นแนวโน้มสังคมกับการจัดการศึกษาในอนาคต
2. ระดับสถานศึกษา ให้ความสำคัญของหลักสูตรว่าหลักสูตรเป็นหัวใจและจุดเด่นของการจัดการ เรียนการสอนในสถานศึกษานั้น ๆ
3. ระดับห้องเรียน ซึ่งมีความสำคัญต่อการนำสู่การปฏิบัติเพื่อการจัดการเรียนรู้ที่เกิดกับผู้เรียน โดยตรง โดยมีรายละเอียดและเอกสารประกอบที่ กำหนดแนวทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรมตามที่หลักสูตรกำหนด
สรุปว่า หลักสูตรมีความสำคัญ เพราะหลักสูตรเป็นเอกสาร ซึ่งเป็นแผนการหรือโครงการจัดการศึกษาที่ระบุแนวทางการจัดมวลประสบการณ์ เป็นส่วนกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษานำไปปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพ ทางการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาที่หลักสูตรกำหนดไว้
องค์ประกอบของหลักสูตร
องค์ประกอบหลักสูตรจะเป็นสิ่งกำหนดแนวคิด ระบบ และความสอดคล้องของเอกสารหลักสูตร และการสอน ซึ่งจะช่วยให้คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรใช้เป็นแนวทางสำหรับการศึกษาหลักสูตรทั่วไป และการวางแผนออกแบบหลักสูตรใหม่ หลักสูตรต้องมีองค์ประกอบอย่างครบถ้วน ผู้สอนจึงสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตรที่สำคัญ นักการศึกษาได้ให้ ข้อเสนอแนะไว้ดังนี้
ไทเลอร์ ได้ตั้งคำถามซึ่งนำมาสรุปเป็นองค์ประกอบสำคัญของหลักสูตร 4 ประการ คือ
1. จุดมุ่งหมาย (Educational purpose ) ที่โรงเรียนต้องการให้ผู้เรียนบรรลุผล
2. ประสบการณ์ (Educational experience ) ที่โรงเรียนจะจัดประสบการณ์อะไรบ้างที่จะทำให้ผู้เรียนบรรลุผลตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้
3. วิธีการจัดประสบการณ์ ( Organizational of educational experience ) โรงเรียนจะจัดประสบการณ์ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
4. วิธีการประเมิน (Determination of what to evaluate ) เพื่อตรวจสอบจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ และจะทราบได้อย่างไรว่าผู้เรียนบรรลุ จุดมุ่งหมายนั้น ๆ แล้ว
ทาบา ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบ หลักสูตร ว่า มี 7 ขั้นตอน ดังนี้
1. การวินิจฉัยความต้องการ
2. การกำหนดจุดประสงค์
3. การเลือกเนื้อหาสาระ
4. การจัดเนื้อหาสาระ
5. การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้
6. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
7. การประเมินผล
สำหรับโบชอง ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของ หลักสูตร ดังนี้
1. การกำหนดเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์เฉพาะ
2. การกำหนดขอบข่ายของเนื้อหาสาระ
3. การวางแผนการใช้หลักสูตร
4. การพิจารณาตัดสิน
การศึกษาองค์ประกอบหลักสูตรในด้านเอกสารหลักสูตร หรือวิธีการของการพัฒนาหลักสูตร จะ มีส่วนคล้ายคลึงกันในประเด็นหลักของกระบวนการหลักสูตรเพียงแต่จะระบุในรายละเอียดเพื่อขยาย ขั้นตอนหรือการใช้ภาษาที่แตกต่างกัน แต่ความหมายจะเหมือนกัน
กาญจนา คุณารักษ์ ได้สรุปองค์ประกอบของหลักสูตร ตามแนวคิดของทาบา ไว้ 4 ประการ คือ จุดประสงค์ เนื้อหาวิธีการ สอนและการดำเนินการ และการประเมินผล
1. จุดประสงค์ (Objective) มีความสำคัญยิ่งเนื่องจากจุดประสงค์ จะเป็นแนวทางของการเรียนการสอน
2. เนื้อหา (Subject matter) หมายถึง สาระของความรู้และประสบการณ์ในการแสวงหาความรู้ ตามศาสตร์สาขาวิชานั้น ๆ เนื้อหาวิชาจะเป็นรายละเอียดของสาระความรู้และประสบการณ์
3. วิธีการสอนและการดำเนินการ (Methods and organization) เป็นการแปลงจุดประสงค์และ เนื้อหาของหลักสูตรไปสู่การสอนตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ โดยใช้วิธีสอนแบบต่าง ๆ ที่หลากหลาย
4. การประเมินผลหลักสูตร (Evaluation) เป็นการประเมินเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน โดยประเมินว่าผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะตามจุดประสงค์ของหลักสูตรหรือไม่ โดยใช้ จุดประสงค์เป็นแนวทางหรือเป็นเกณฑ์ในการประเมิน
สรุปได้ว่า หลักสูตร ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ จุดมุ่งหมาย/จุดประสงค์ เนื้อหา/ ประสบการณ์ วิธีการจัดประสบการณ์/วิธีการสอน และการประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรนั้นจะต้องดำเนินการพัฒนาในองค์ประกอบพื้นฐานทั้ง 4 ตามลำดับ ทั้งนี้องค์ประกอบของหลักสูตรที่เต็มรูปของ หลักสูตรอาจมีมากกว่า 4 องค์ประกอบก็ได้ โดยผู้พัฒนาหลักสูตรสามารถเพิ่มองค์ประกอบอื่น ๆ อีก อาทิ จุดมุ่งหมาย หลักการ โครงสร้าง มาตรฐานการเรียนรู้ สื่อการเรียน การบริหารจัดการหลักสูตร เป็นต้น
ระดับของหลักสูตร
วารีรัตน์ แก้วอุไร แบ่งหลักสูตรได้เป็น 3 ระดับ คือ
1. หลักสูตรระดับชาติหรือหลักสูตรแม่บท เป็นหลักสูตรที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่ว ประเทศ เป็นหลักสูตรที่มุ่งสร้างความมั่นคงและความเป็นปึกแผ่นร่วมกันของคนในชาติโดยรวม ผู้มีบทบาทในการจัดทำหลักสูตรระดับนี้คือ หน่วยงานรับชาติ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ
2. หลักสูตรระดับท้องถิ่น เป็นหลักสูตรที่ปรับปรุงมาจากหลักสูตรแม่บทให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพความจำเป็น และความต้องการของท้องถิ่นนั้น ๆ หน่วยงานที่มีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตรระดับนี้คือ เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาต่าง ๆ
3. หลักสูตรระดับโรงเรียน เป็นหลักสูตรที่นำหลักสูตรแม่บทและหลักสูตรระดับท้องถิ่นมาพิจารณา เลือกสรรและปรับให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน ผู้มีบทบาทในการจัดทำหลักสูตรระดับนี้ คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครู หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น โดยจัดทำขึ้นในรูป ของหลักสูตร
อัคครัตน์ พูลกระจ่าง แบ่งระดับของหลักสูตร ได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
1. หลักสูตรระดับสังคม เป็นหลักสูตรที่อาจจะออกแบบโดยบุคคลหลายฝ่าย เช่น ผู้บริหารใน หลายๆ ระดับ ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร การทำงานด้านหลักสูตรในระดับนี้ เป็นการตัดสินใจกำหนดปรัชญาและ จุดมุ่งหมาย เรื่องที่จะให้ผู้เรียนศึกษา ระยะเวลาที่จะใช้ในการศึกษา และ สื่อการเรียนการสอนที่จะใช้ใน ลักษณะกว้างของการจัดการศึกษาทั้งหมดในสังคม
2. หลักสูตรระดับสถาบัน เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาในการนำหลักสูตรมาปรับใช้ และจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งอาจดำเนินการโดยบุคลากรในท้องถิ่น หลักสูตรในระดับนี้เป็นการดำเนินการกำหนดเนื้อหาในรายวิชาและหัวเรื่องที่จะให้ผู้เรียนได้เรียน โดยจัดทำเอกสารที่ระบุถึงปรัชญาและจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาระดับท้องถิ่นและสถานศึกษา การวางแผนการสอนระยะยาวและ แนวทางการใช้หลักสูตร
3. หลักสูตรระดับการสอน หมายถึง การวางแผนของครูและการสอนของครูในสถานศึกษาโดย คำนึงถึงหลักสูตรระดับสถาบัน ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความจำเป็นและความต้องการของสถานศึกษาและ ผู้เรียนด้วย หลักสูตรระดับนี้จะขึ้นอยู่กับทัศนะความคิดเห็น และแบบฉบับของครูแต่ละคนด้วย นอกจากนี้ เมื่อหลักสูตรระดับนี้มีการดำเนินการในชั้นเรียนจะมีความหลากหลาย และอาจจะไม่คงที่ตามแผนการสอน ทุกประการ เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เรียนอาจเกิดขึ้นในลักษณะที่มิได้คาดการณ์มาก่อน
4. หลักสูตรระดับประสบการณ์ เป็นหลักสูตรระดับที่ผู้เรียนได้รับรู้และเรียนรู้ ผู้เรียนแต่ละคนจะ ได้รับประสบการณ์เรียนรู้ต่างกัน เพราะ ภูมิหลัง แรงจูงใจ และระดับความอยากรู้แตกต่างกัน ดังนั้น หลักสูตรระดับประสบการณ์จึงเกิดภายในตัวผู้เรียน
ดังนั้น สรุปได้ว่าระดับของหลักสูตร จึงมิได้หมายถึงการจัดทำหลักสูตรขึ้นมาใหม่ในทุกระดับ แต่จะ หมายถึงการจัดทำหลักสูตรและนำไปปรับใช้ในแต่ละระดับ ในลักษณะและขอบเขตงานแตกต่างกันไป
ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร
การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เป็น ขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ผลจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวจะนำไปใช้ใน กระบวนการพัฒนาหลักสูตรในขั้นตอนต่าง ๆ พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย พื้นฐานด้านปรัชญา จิตวิทยา สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเมือง การปกครอง และ เศรษฐกิจ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี
1. พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา
1.1 ปรัชญาการศึกษาปรัชญาสารนิยม/ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
1.2 ปรัชญาการศึกษาสาขานิรันตรนิยม/สัจวิทยานิยม (Perennialism)
1.3 ปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนนิยม (Progressivism)
1.5 ปรัชญาการศึกษาสาขาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism)
2. พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านจิตวิทยา
ในการจัดทำหลักสูตรนั้น นักพัฒนาหลักสูตรต้องคำนึงอยู่เสมอว่าต้องพยายามจัดหลักสูตรให้ สนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง ด้วยการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวผู้เรียน ว่าผู้เรียนเป็นใคร มีความต้องการและความสนใจอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิทยาทั้งสิ้น จิตวิทยาการเรียนรู้จะบอกถึงธรรมชาติของการเรียนรู้ การเกิดการเรียนรู้และปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคม
ข้อมูลที่สำคัญที่ควรศึกษาวิเคราะห์เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับ สภาพทั่วไปของโรงเรียน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนครูในโรงเรียน ความต้องการของครู ปัญหาที่เกิดจากการใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับ ชุมชนและสภาพสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่ก็เป็นข้อมูลที่ผู้จัดทำหลักสูตรหรือผู้พัฒนาหลักสูตรจะต้องศึกษา เช่น สภาพแวดล้อม สภาพภูมิศาสตร์ ที่ตั้ง หรือ สังคมโดยทั่วไปของผู้ใช้หลักสูตรหรือโรงเรียนนั้น
4. พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การศึกษาจึงต้องสอดคล้องไปกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นักพัฒนาหลักสูตรจึงต้องใช้ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมา ประกอบการกำหนดเนื้อหาของหลักสูตรและวิธีการจัดการเรียนรู้ กล่าวคือกำหนดเนื้อหาที่ทันสมัย ให้ ผู้เรียนได้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม
5. พื้นฐานทางด้านการเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครองมีความสัมพันธ์กับการศึกษา หน้าที่สำคัญของการศึกษาคือ การสร้างสมาชิกที่ดีให้กับสังคมให้อยู่ในระบบการเมืองการปกครองทางสังคมนั้น หลักสูตรจึงต้องบรรจุเนื้อหาสาระ และประสบการณ์ ที่จะปลูกฝังและสร้างความเข้าใจให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันด้วย ความเป็นระเบียบ เรียบร้อยและสันติสุข ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน จัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพของสังคม
6. พื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมที่มีสภาพเศรษฐกิจดี จะท าให้สามารถจัดการศึกษาให้กับคนใน สังคมได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
1.1 การเตรียมก าลังคน
1.2 การพัฒนาอาชีพ
1.3 การขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม
1.4 การใช้ทรัพยากรให้หลักสูตรเป็นเครื่องปลูกฝังความส าคัญของทรัพยากร
1.5 การพัฒนาคุณลักษณะของบุคคลในระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของ สังคม
1.6 การลงทุนทางการศึกษาค านึงถึงคุณค่าและผลตอบแทนของการศึกษา
ลักษณะของหลักสูตรที่ดี
สงัด อุทรานันท ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะของหลักสูตรที่ดีว่าหลักสูตรที่ ดีควรมีจุดมุ่งหมายที่ดีและที่สำคัญ คือควรตั้งอยู่บนรากฐานของการศึกษาที่ถูกต้อง สามารถนำไปปฏิบัติ ได้จริงและมุ่งสร้างค่านิยม หลักสูตรจะต้องมี ความชัดเจน มีความต่อเนื่อง เน้นให้ผู้เรียนเป็นคนคิดเป็น
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ กล่าวว่าหลักสูตรที่ดีพิจารณาได้ 3 ประการคือ
1. พิจารณาได้จากกระบวนการสร้างหลักสูตร ที่หลักสูตรต้องได้มาจากความสนใจของผู้เรียน และสอดคล้องกับข้อมูลในชุมชน
2. พิจารณาได้จากการนำหลักสูตรไปใช้จริง โดยหลักสูตรที่นำไปใช้ต้องจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ ตอบสนองความสนใจของผู้เรียน ให้อิสระในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน และมีใช้วัสดุอุปกรณ์ ของโรงเรียนชุมชนอย่างกว้างขวาง
3. หลักสูตรที่ดีต้องยืดหยุ่น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับผู้เรียนและบริบทต่าง ๆ ได้ มีการติดตามและประเมินผลหลักสูตร โดยเปิดโอกาสให้ครูนักเรียนผู้ปกครองชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง ได้แสดงความคิดเห็นและให้ผลย้อนกลับ
สรุปได้ว่า หลักสูตรที่ดีควรมีลักษณะสำคัญคือ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการศึกษา พัฒนาการของผู้เรียน สภาพของสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน มีความยืดหยุ่น เกิดจากความร่วมมือของบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดจนมีบทบาทเชิงรุกในการชี้นำสังคมได้