เจาะบาดาลภาคกลาง

ปัจจุบันปัญหาความแห้งแล้งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย

ซึ่งเวลาหน้าฝนน้ำก็ท่วมเพียงไม่กี่เดือนหลังจากหน้าฝน น้ำกลับแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเรา ทั้งในเรื่องการใช้น้ำอุปโภค บริโภค การเลี้ยงสัตว์ การเกษตร

ถ้าเราสังเกตุดีๆตอนฝนตก น้ำนอกจากจะไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองแล้ว อีกส่วนหนึ่งจะซึ่มลงสู่ดิน

ซึ่งถ้าเราใช้เครื่องมือที่ทันสมัยดูภายใต้พื้นดิน จะปรากฏเป็นสายน้ำใต้ดินซึ่งเราเรียกว่า น้ำบาดาล

การเจาะบาดาลจึงเป็นวิธีการน้ำจากใต้ดินมาใช้

การเจาะบ่อน้ำบาดาลนั้นต้องคำนึงถึงสภาพทางธรณีวิยาเป็นหลัก

เมื่อเรารู้สภาพทางธรณีวิทยาแล้วเราก็จะสามารถกำหนดเครื่องเจาะได้ ว่าจะใช้เครื่องเจาะชนิดใดและต้องเจาะลงไปลึกเท่าไหร่ถึงจะเจอชั้นน้ำบาดาล

เครื่องเจาะน้ำบาดาลในปัจจุบันนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆดังนี้คือ

1. เครื่องเจาะแบบกระแทก เป็นเครื่องเจาะที่ใช้แรงกระแทกของหัวเจาะ ที่ปล่อยผ่านรอกจากยอดเสากระโดงลงมา โดยมีลวดสลิงเป็นตัวช่วยยึดระหว่างหัวเจาะ กับกว้าน เครื่องเจาะชนิดนี้เหมาะที่จะใช้เจาะในบริเวณที่ชั้นน้ำบาดาลเป็นหินแข็ง เช่นหินปูนเป็นต้น

2. เครื่องเจาะแบบหมุน เครื่องเจาะชนิดนี้จะอาศัยแรงบิดเพื่อหมุนให้หัวเจาะหมุนลึกลงไปในชั้นดินชั้นหินข้างล่าง เครื่องเจาะชนิดนี้เหมาะสำหรับชั้นน้ำบาดาลที่เป็นกรวดและทราย

3. เครื่องเจาะแบบผสม เครื่องเจาะชนิดนี้จะอาศัยทั้งแรงบิดและแรงกดผสมกัน และเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะสามารถเจาะได้ทั้งบริเวณที่ชั้นน้ำบาดาลเป็นหินแข็ง และบริเวณที่เป็นกรวดทราย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ทั้งน้ำ หรือลมแรงดันสูง เป็นตัวช่วยพยุงเศษดินเศษหินขึ้นมา

การบำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาล

บ่อน้ำบาดาลที่ส่วนใหญ่สูบขึ้นมาใช้กันเพื่อการอุปโภคและบริโภคกันอยู่เป็นประจำ เมื่อใช้กันไปนาน ๆ ย่อมมีการเสื่อมสภาพ ชำรุดสึกหรอได้ ทั้งนี้การชำรุดเสียหายเกิดได้ทั้งในรูปของการผุพังของท่อกรุ ท่อกรองหรือปริมาณน้ำลดลง หรือคุณภาพของน้ำเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นก็จะต้องได้รับการบำรุงรักษา บ่อบาดาลไม่ว่าจะเจาะในพื้นที่ ๆ เป็นหินร่วนหรือหินแข็ง ถ้าใช้ไปนาน ๆ ก็จะมีตะกอนนอนก้นได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าบ่อนั้นเป็นบ่อในหินร่วนประเภทกรวดทราย โอกาสที่ทรายจากชั้นน้ำจะไหลผ่านเข้ามาในบ่อย่อมมีมากขึ้นจนบางครั้งทับถมสูงขึ้นมาจากก้นบ่อจนเกือบครึ่งท่อกรอง ทำให้ปริมาณน้ำลดลงหรือมีทรายปนขึ้นมาจากน้ำ ดังนั้นผู้ใช้น้ำต้องตระหนักว่า บ่อบาดาลทุกบ่อเมื่อใช้น้ำมาเป็นเวลานานพอสมควร ก็ควรที่จะได้รับการเป่าล้างทำความสะอาดสักครั้งหนึ่ง

บ่อบาดาลที่ชำรุดส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากท่อกรุบ่อ เนื่องจากท่อกรุมักจะขาดเพราะเป็นสนิม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำมักจะมีฤทธิ์เป็นกรด หรือท่อกรุอาจสัมผัสอยู่กับน้ำเค็มเป็นเวลานาน ๆ ในกรณีเช่นนี้ก็จำเป็นจะต้องพัฒนาบ่อในวิธีพิเศษกว่าธรรมดา เช่น อุดไม่ให้น้ำเค็มเข้าสัมผัสกับท่อในบริเวณช่องว่างระหว่างท่อกับผนังบ่อด้วยวัสดุที่ทนต่อแรงกัดกร่อนของสนิม เช่น ซีเมนต์ หรือยางมะตอย

นอกจากท่อกรุแล้ว ท่อกรองก็มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้บ่อชำรุดหรือให้น้ำน้อยลง สาเหตุก็มาจากสนิมเช่นเดียวกับท่อกรุนั่นแหละ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็มาจากตระกรันไปอุดรูหรือช่องว่าง ซึ่งท่อกรองที่เป็นสนิมแล้วจะไม่มีทางแก้ ดังนั้นจึงต้องป้องกันโดยใช้ท่อกันสนิม ส่วนตระกรันนั้นพอแก้ไขได้ เพราะสาเหตุเกิดจากความดันรอบ ๆท่อกรองลดลง น้ำหมดสภาพที่จะอุ้มแร่ธาตุบางชนิดให้อยู่ในสภาพของสารละลายได้ จึงเกิดเป็นแร่ธาตุตกผลึกติดตามรอบ ๆ ท่อ บางครั้งท่ออยู่ในสภาพน้ำที่มีแร่ธาตุเหล็กมาก ๆ จะมีแบคทีเรียของเหล็กมีลักษณะเหมือนวุ้นสีน้ำตาลแดงเกาะติดแน่น ทำให้ปริมาณน้ำที่สูบได้จากบ่อย่อมจะลดลง ซึ่งขอ แนะนำให้ผู้ใช้น้ำหมั่นสังเกตุคุณภาพ และปริมาณของน้ำบาดาลที่สูบขึ้นมาใช้ ถ้าพบความผิดปกติก็สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษา

และข้อแนะนำจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที