ใบความรู้ เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ใบความรู้ เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราทุกคน เราจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในการใช้เทคโนโลยีให้ถูกต้องปลอดภัย ทั้งกับตนเองและผู้อื่น
😥เราอาจจะถูกคุกคามและไม่ปลอดภัยจากสิ่งต่อไปนี้😥
1. การถูกคุกคามทางเทคโนโลยี
1.1 การคุกคามโดยใช้หลักจิตวิทยา เป็นการคุกคามที่ใช้การหลอกลวงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการโดยไม่ ต้องใช้ความชำนาญด้านไอที เช่น การใช้กลวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้รหัสผ่านหรือส่งข้อมูลที่สำคัญให้ โดย หลอกว่าจะได้รับรางวัลแต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจป้องกันได้ยากเพราะเกิดจาก ความเชื่อใจ แต่ป้องกันได้โดยให้นักเรียนระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น
1.2 การคุกคามด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ข้อมูลและเนื้อหาที่มีอยู่ในแหล่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมากเพราะสามารถสร้างและเผยแพร่ได้ง่าย ทำให้ข้อมูลอาจไม่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้อง และความเหมาะสม ดังนั้นข้อมูลบางส่วนอาจก่อให้เกิดปัญหากับนักเรียนได้แหล่งข้อมูลที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ได้แก่ แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การยุยงให้เกิดความ แตกแยก วุ่นวายในสังคม การพนัน สื่อลามกอนาจาร เนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท และการกระทำที่ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดต่อกฎหมายและจริยธรรม
1.3 การคุกคามโดยใช้โปรแกรม เป็นการคุกคามโดยใช้โปรแกรมเป็นเครื่องมือสำหรับก่อปัญหาด้านไอที โปรแกรมดังกล่าวเรียกว่า มัลแวร์ (malicious software: malware) ซึ่งมีหลายประเภท เช่น ไวรัส คอมพิวเตอร์ (Computer Virus), เวิร์ม (Worm), ม้าโทรจัน (Trojan Horse Virus) สปายแวร์ (Spyware) โปรแกรมโฆษณา ( Advertising Supported Software: Adware) และ โปรแกรมเรียกค่าไถ่ (Ransomware)
2. การป้องกันภัยคุกคาม
การป้องกันภัยคุกคามด้านเทคโนโลยี เราสามารถทำได้โดย การตรวจสอบและยืนยันตัวตนของตัว ผู้ใช้งานก่อนเริ่มใช้งาน ซึ่งมีด้วยกัน 3 รูปแบบคือ
2.1 ตรวจสอบจากสิ่งที่ผู้ใช้รู้ เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน (Username & password) วิธีนี้ได้รับความนิยมสูงสุด
2.2 ตรวจสอบจากสิ่งที่ผู้ใช้มี เป็นการตรวจสอบตัวตนจากอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานต้องมี เช่น บัตร สมาร์ตการ์ด
2.3 ตรวจสอบจากสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ใช้ เป็นการตรวจสอบข้อมูลชีวมาตร เช่น ลายนิ้วมือ ม่าน ตา ใบหน้า เสียง
3. การตั้งรหัสผ่าน รหัสผ่านถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคของเทคโนโลยี การเข้าใช้งานระบบต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต จำเป็นต้อง มีชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งาน การตั้งรหัสผ่าน จำเป็นต้องมีความปลอดภัยกับเจ้าของ เพื่อป้องกัน การรั่วไหลของข้อมูล หรือ การใช้แอคเคาน์ ไปในทางที่ผิด ดังนั้นในการตั้งรหัสผ่านให้มีความปลอดภัย สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
😉- บัญชีรายชื่อผู้ใช้แต่ละระบบ ควรใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะบัญชีที่ใช้เข้าถึงข้อมูลที่มี ความสำคัญ เช่น รหัสผ่านที่ใช้ในการเข้าถึง ข้อมูลที่มีความสำคัญ เช่น รหัสผ่านของบัตรเอทีเอ็ม หลายใบให้ใช้รหัสผ่านต่างกัน
😉- หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านโดยใช้วัน เดือน ปีเกิด ชื่อผู้ใช้ ชื่อจังหวัด ชื่อตัวละคร ชื่อสิ่งของต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง หรือคำที่มีอยู่ในพจนานุกรม
😉- รหัสผ่านที่มีความยาว 10 ตัวอักษรนั้นเดายากกว่ารหัสผ่าน 8 ตัวอักษรถึง 4 พันเท่า ถ้าเดารหัสผ่าน 8 ตัวอักษรใช้เวลา 1 วัน เดารหัสผ่าน 10 ตัวอักษรก็ต้องใช้เวลา 4000 วัน เว็บไซต์ในทุกวันนี้มักจะต้องการรหัสผ่านความยาว 8 ตัวอักษรเป็นขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยจริง ๆ 10 ตัวอักษรจะดีกว่า
😉- ผสมผสานทั้งตัวเลข เครื่องหมาย ตัวอักษรใหญ่ และตัวอักษรเล็ก เมื่อเราใช้ตัวอักษรใหญ่ เล็ก ตัวเลข และเครื่องหมายต่าง ๆ ลงในรหัสผ่าน โอกาสที่จะเดารหัสผ่านถูกจะมีแค่ 1 ในหลายแสนล้าน
😉- ไม่บันทึกรหัสผ่านแบบอัตโนมัติบนโปรแกรม Browser โดยเฉพาะหากเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเครื่องที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
😉- หลีกเลี่ยงการบันทึกรหัสผ่านลงในกระดาษ รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย หากจำเป็นต้องบันทึก ก็ควรจัดเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย
😉- ไม่บอกรหัสผ่านของตนเองกับผู้อื่น ไม่ว่ากรณีใด ๆ
😉- หมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ อาจกระทำทุก 3 เดือน
😉- ออกจากระบบทุกครั้งที่เลิกใช้บริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ
1. แนวทางการปฏิบัติเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
ปฏิเสธการรับข้อมูล ทำได้โดยไม่เปิดดู ไม่บันทึกเก็บไว้ และไม่กดไลค์ (Like)
ไม่ส่งต่อ ไม่แชร์ ไม่เผยแพร่ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกับข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงแล้ว ยัง อาจจะผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
แจ้งครู หรือ ผู้ปกครอง
แจ้งผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลเว็บไซต์นั้น เช่น Facebook YouTube เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์ ลบเนื้อหา หรือ ตัดสิทธิ์ (block) หรือจำกัดสิทธิ์การใช้งาน
แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
2. ผลกระทบการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
2.1 ด้านจิตใจ
ต่อผู้เผยแพร่ รู้สึกผิดกับการกระทำของตนเอง หรือรู้สึกเสียใจเมื่อผู้อื่นมีพฤติกรรมเลียนแบบการ กระทำที่ไม่เหมาะสม
ต่อผู้อื่น เกิดความเสียใจ ทำให้เกิดความรู้สึกอับอาย ไม่ปลอดภัย กลัว รู้สึกไม่มั่นคง มีบาดแผล ทางจิตใจ ได้รับความเกลียดชัง สูญเสียการยอมรับจากผู้อื่น
2.2 ด้านสังคม
ต่อผู้เผยแพร่ ถูกสังคมลงโทษ ได้รับการประณาม หรือเกลียดชังจากสังคม
ต่อผู้อื่น ได้ผลกระทบด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ครอบครัวเดือดร้อน ถูกประณามจากสังคม
2.3 ด้านกฎหมาย
ต่อผู้เผยแพร่ ได้รับโทษ เนื่องจากข้อมูลเหล่านั้นอาจผิดระเบียบ กฎเกณฑ์ หรือ กฎหมาย ทำให้ เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายจากการดำเนินคดีตามกฎหมาย
2.4 การงานและธุรกิจ
ต่อผู้อื่น อาจถูกให้ออกจากงานเพราะบริษัทเกิดความเข้าใจผิดจากข้อมูลที่ได้รับ เสียผลประโยชน์ ทางธุรกิจ เช่น ผู้แสวงหาผลประโยชน์ หรือคู่แข่งทางธุรกิจ อาจสร้างข่าวลวง โฆษณาชวนเชื่อ เพื่อสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจคู่แข่ง
ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ขอบคุณวีดิโอจาก : iT24Hrs
ขอบคุณวีดิโอจาก : รอบรู้ ทันภัย Cyber Channel
คลิกเกมเพื่อเรียนรู้