Title
ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับพฤติกรรมการบริหารงานบุคคลของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ปทุมธานี เขต 1 และเขต 2
Title Alternative
THE RELATIONSHIP BETWEEN EMOTIONAL QUOTIENT AND PERSONNEL ADMINISTRATION BEHAVIOR OF ADMINISTRATORS UNDER PATHUMTHANI EDUCATION SERVICE AREA OFFICE 1 AND 2
Creator
Name: ฉัตรชัย เทพขจร
Address: ปริญญาโท
Organization : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
Subject
keyword: ความฉลาดทางอารมณ์
ThaSH: กานบริหารงานบุคคล
Description
Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความฉลาดทางอารมณ์และพฤติกรรมการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับ พฤติกรรม การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 และเขต 2 กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 และเขต 2 จำนวน 132 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 และเขต 2 มีความฉลาดทางอารมณ์ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกด้านเรียงตามลำดับ คือ ด้านเก่ง ด้านดี และด้านสุข 2. ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 และเขต 2 มีพฤติกรรมการบริหารงานบุคคล ภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนด้านวินัยและการรักษาวินัย ด้านการสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง และด้านการวางแผนอัตรากำลังและการกำหนดตำแหน่ง มีพฤติกรรมการบริหารอยู่ในระดับมาก 3. ความฉลาดทางอารมณ์กับพฤติกรรมการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 และเขต 2 ไม่มีความสัมพันธ์กัน และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ความฉลาดทางอารมณ์ด้านเก่งมีความสัมพันธ์กันกับพฤติกรรมการบริหารงานบุคคลอยู่ในระดับต่ำ (r = .196)
ฉัตรชัย เทพขจร (2551) ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับพฤติกรรมการบริหารงานบุคคลของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ปทุมธานี เขต 1 และเขต 2
ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคล ตามทัศนะของครู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสงขลา
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความฉลาดทางอารมณ์ ระดับการบริหาร งานบุคคลของผู้บริหาร ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์และการบริหารงานบุคคล และเพื่อหา ตัวแปรพยากรณ์ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลตามทัศนะของครู สังกัดสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสงขลา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ ได้แก่ ครูผู้สอน สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2560 จำนวน 206 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบสัดส่วนจำแนกตามประชากรของแต่ละสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็น แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบ Likert ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามเก่ียวกับความฉลาดทาง อารมณ์ของผู้บริหาร (ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .939) และ 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของ ผู้บริหาร (ค่าความเช่ือมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .952) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการสร้างสมการถดถอยเพื่อการพยากรณ์ตัวแปรตาม โดยวิธีวิเคราะห์ การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน โดยวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารตามทัศนะของครู โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ใน ระดับมาก 2) การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารตามทัศนะของครู โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากเช่น เดียวกัน 3) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารกับการบริหารงานบุคคลของผู้บริหาร ตามทัศนะของครู พบว่า โดยส่วนใหญ่ทั้งภาพรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กันทางบวก อยู่ในระดับค่อนข้างสูง จนถึงระดับสูงมาก ช่วงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่าง r = .608 - .955 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลตามทัศนะของครู มีเพียง 3 ด้านที่ สามารถพยากรณ์ได้ คือ ด้านความสามารถในการการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืน ด้านความสามารถในการสร้าง แรงจูงใจให้ตนเอง และด้านความสามารถในการบริหารจัดการอารมณ์ตนเอง โดยมีอำนาจพยากรณ์เท่ากับ .767 คิดเป็นร้อยละ 76.7
มู่หำหมัด บินล่าเต๊ะ,วรลักษณ์ ชูกำเนิด (2563) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคล ตามทัศนะของครู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสงขลา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. ปีที่ 30. ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2562, หน้า 186-201
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ข้าราชการครูโรงเรียนในสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 จำนวน 136 คน จาก 15 โรงเรียน โดยการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน จากนั้นนำไปสุ่มอย่างง่ายแบบมีสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป โดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า
1. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขต บ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทั้งหมดอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านวัฒนธรรมขององค์กร รองลงมาด้านการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร ด้านการกำหนดทิศทาง ขององค์กร และด้านการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ ตามลำดับ
2. ข้าราชการครูที่มีวุฒิการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
3. ข้าราชการครูที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน
ปรียานุช ทับหนองฮี (2566). ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรีเขต 1. การบริหารการศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก.
The Relationship between Prosocial Behaviour and Emotional Intelligence in Teachers
Cakirpaloglu, Simona D.; Cakirpaloglu, Irena B.; Lemrová, Sona; Kvapilov, Barbora
Pegem Journal of Education and Instruction, v13 n2 p262-268 2023
The aim of this survey was to determine whether there is a relationship between prosocial tendencies and the level of emotional intelligence in a sample of teachers. The partial goals were to determine whether there is a difference in the score of emotional intelligence and prosocial tendencies between male and female teachers. The research group consisted of 997 primary and secondary school teachers, of whom 109 were men (average age 44.9 years) and 889 women (average age 45.17 years). The Czech translation of the Trait Emotional Intelligence Questionnaire - Short form, TEIQue-SF was used to determine the emotional intelligence score. The second method applied in the research is the abbreviated form of the Prosocial Personality Battery (PSB). The correlation coefficient calculation shows a significant negative relationship between the level of emotional intelligence and age, and the length of work experience. This result was found both within the group as a whole and for the individual groups of men and women.
ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมเชิงสังคมและความฉลาดทางอารมณ์ในครู
คาคีร์ปาโลกลู, ไซโมนา ดี.; คาเคียร์ปาโลกลู, ไอเรน่า บี.; เลมโรวา, โซนา; Kvapilov, บาร์โบรา
วารสารการศึกษาและการเรียนการสอน Pegem, v13 n2 p262-268 2023
จุดมุ่งหมายของการสํารวจนี้คือเพื่อพิจารณาว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างแนวโน้มที่ส่งเสริมสังคมกับระดับความฉลาดทางอารมณ์ในกลุ่มตัวอย่างของครูหรือไม่ เป้าหมายบางส่วนคือการพิจารณาว่ามีความแตกต่างในคะแนนของความฉลาดทางอารมณ์และแนวโน้มทางสังคมระหว่างครูชายและหญิงหรือไม่ กลุ่มวิจัยประกอบด้วยครูระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา 997 คน โดยผู้ชาย 109 คน (อายุเฉลี่ย 44.9 ปี) และผู้หญิง 889 คน (อายุเฉลี่ย 45.17 ปี) คําแปลภาษาเช็กของแบบสอบถามความฉลาดทางอารมณ์ลักษณะ - แบบสั้น TEIQue-SF ถูกใช้เพื่อกําหนดคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ วิธีที่สองที่ใช้ในการวิจัยคือรูปแบบย่อของ Prosocial Personality Battery (PSB) การคํานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงลบอย่างมีนัยสําคัญระหว่างระดับความฉลาดทางอารมณ์และอายุและระยะเวลาของประสบการณ์การทํางาน ผลลัพธ์นี้พบได้ทั้งภายในกลุ่มโดยรวมและสําหรับแต่ละกลุ่มชายและหญิง
Cakirpaloglu, Simona D. (2023) The Relationship between Prosocial Behaviour and Emotional Intelligence in Teachers Pegem Journal of Education and Instruction, v13 n2 p262-268 2023
Thaijo
บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ 1) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร 2) การใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร กลุ่มตัวอย่างคือ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร จำนวน 86 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน และครูผู้สอน จำนวนทั้งสิ้น 344 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามแนวคิดของโกลแมน (Goleman) และการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาตามแนวคิดของเฟรนช์และราเวน (French and Raven) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงตามลำดับดังนี้ ด้านการจูงใจตนเอง ด้านการควบคุมตนเอง ด้านการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ด้านการตระหนักรู้ในตนเอง และด้านทักษะทางสังคม
2. การใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงตามลำดับดังนี้ ด้านอำนาจความเชี่ยวชาญ ด้านอำนาจอ้างอิง ด้านอำนาจการให้รางวัลด้านอำนาจตามกฎหมาย และด้านอำนาจการบังคับ
3. ความฉลาดทางอารมณ์กับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร โดยภาพรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ธิดารัตน์ รัศมี (2557). ความฉลาดทางอารมณ์กับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร. การบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ 1) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 2) การใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 3) ความสัมพันธ์ของความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารกับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต2 กลุ่มตัวอย่างคือ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 จำนวนโรงเรียน 56 แห่ง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์กับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สถิติที่ใช้ คือ ความถี่ ร้อยละ มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 โดยภาพรวมและรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน
2.การใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 โดยภาพรวมและรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน
3. ความฉลาดทางอารมณ์และการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 โดยภาพรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบคล้อยตามกัน
ธัญพร หิรัญธนยรัศมี (2562). ความฉลาดทางอารมณ์กับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2. การบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์
สุรีย์ฉาย ปัญญายศ (2566). ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของครู สังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
Thailis
Title
ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูอำเภอบ้านนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก
Title Alternative
The Relationship Between Emotional Quotient of School Administrators and Job Satisfaction of Teachers Amphoe Banna Under the office of Nakhon Nayok Primary Educational Service Area
Creator
Name: พิมใจ วิเศษ
Address: ปทุมธานี
Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรชมงคลธัญบุรี. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม. สาขาเทคโนโลยีการบริหารการศึกษา
Subject
ThaSH: โรงเรียนประถมศึกษา -- นครนายก
Classification :.LCCS: LB 2831
ThaSH: การบริหารสถานศึกษา
Description
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครู 3) ความสัมพันธ์ระหว่าง ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูอ าเภอบ้านนา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ข้าราชการครูผู้สอน ในเขตอ าเภอบ้านนา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก ปีการศึกษา 2553 จ านวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามความคิดเห็น ประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครู โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครู มีค่าความสัมพันธ์กันทางบวกในระดับปานกลางอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
พิมใจ วิเศษ (2553) ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูอำเภอบ้านนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก
Title
ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อบรรยากาศองค์การในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2
Title Alternative
Emotional Intelligence of School Administrators Affecting Organizational Atmosphere of Schools under the Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2
Creator
Name: อนุพล สนมศรี
Address: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
Subject
keyword: ความฉลาดทางอารมณ์
Classification :.DDC: วจ 152.43 อ15ค
Description
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อบรรยากาศองค์การในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 333 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยด้านความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.44-0.84 และค่าความเชื่อมั่น 0.96 ส่วนด้านบรรยากาศองค์การในโรงเรียน มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.68–0.90 และค่าความเชื่อมั่น 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 5 ด้าน ดังนี้ 1) การตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง 2) การควบคุมอารมณ์ของตนเอง 3) การสร้างแรงจูงใจให้แก่ตนเอง 4) การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และ 5) การมีทักษะทางสังคม 2. ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 3. บรรยากาศองค์การในโรงเรียน โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 4. ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับบรรยากาศองค์การในโรงเรียน มีความสัมพันธ์กันทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ด้านการมีทักษะทางสังคม (x5) ด้านการควบคุมอารมณ์ของตนเอง (x2) ด้านการสร้างแรงจูงใจให้แก่ตนเอง (x3) และด้านการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง (x1) มีอำนาจพยากรณ์บรรยากาศองค์การในโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 85.50 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐาน ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Y/ = 0.269 + 0.322(X5) + 0.239(X2) + 0.191(X3) + 0.101(X1) สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน Z/y = .350(Z5) + .257(Z2) + .199(Z3) + .110(Z1) 6. แนวทางในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อบรรยากาศองค์การในโรงเรียน มีจำนวน 4 ด้าน คือ ด้านการมีทักษะทางสังคม ด้านการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ด้านการสร้างแรงจูงใจให้แก่ตนเอง และด้านการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง
อนุพล สนมศรี (2565) ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อบรรยากาศองค์การในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2
Title
ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา กับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียน ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
Title Alternative
The relationship between authority exercising of school administrators and the result of the teachers’ working performance according to the standard of student aspect in primary schools under Prachuapkhirikhan primary educational service area office 2
Creator
Name: จินตนา แป้นด้วง
Subject
ThaSH: ผู้บริหารโรงเรียน
Classification :.DDC: 371.201
ThaSH: โรงเรียน _ _ การบริหาร
ThaSH: การศึกษาขั้นประถม
Description
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการใช้อำนาจในการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ระดับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียน และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจในการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษากับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูผู้สอน จำนวน 304 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า 1. ระดับการใช้อำนาจผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยอำนาจตามกฎหมาย อยู่ในอันดับแรก รองลงมา คือ อำนาจอ้างอิง และอันดับสุดท้าย คือ อำนาจความเชี่ยวชาญ 2. ระดับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียนในสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองและมีวิสัยทัศน์ของผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนด้านที่เหลืออยู่ในระดับมากทุกด้าน อันดับแรก คือ ด้านคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รองลงมาคือ ด้านสุขนิสัย สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของผู้เรียน และอันดับสุดท้าย คือ ด้านความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตรของผู้เรียน 3. ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษากับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียนมีความสัมพันธ์กันในระดับสูงมาก และมีทิศทางบวก อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 ข้อค้นพบจากการวิจัยครั้งนี้ คือ การใช้อำนาจการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษามีความสาคัญกับการปฏิบัติงานของครู ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาควรใช้อำนาจให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของครูให้มากยิ่งขึ้น
จินตนา แป้นด้วง (2556) ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้อำนาจการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา กับผลการปฏิบัติงานของครูตามมาตรฐานด้านผู้เรียน ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
ThaiEdResearch
บทคัดย่อ
การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ SMILE มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ SMILE ศึกษากับกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 5-6 ปี ใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 ที่ได้จากการเลือกแบบเจาะจงจํานวน 2 ห้องเรียน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ SMILE 25 คน และได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 25 คน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จํานวน 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 40 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SMILE และแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยที่มีค่าความเชื่อมั่นที่คํานวณจาก d เท่ากับ 90
การศึกษาได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SMILE ใช้สําหรับพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยที่แบ่งการจัดการเรียนรู้เป็น 5 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นร้องเพลง (S) 2. ขั้นกระตุ้น ความรู้ (M) 3. ขั้นปฏิสัมพันธ์ (1) 4. ขั้นเรียนรู้ร่วมกัน (L) และ 5. ขั้นประเมินผล (E) จากการประเมินพบว่ารูปแบบมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมรวม 4.70 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.32 ผลการทดลองนําไปใช้พบว่า หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ SMILE ทําให้เด็กมีพัฒนาการความฉลาดทางอารมณ์สูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ ทั้งรายด้านทุกด้าน คือด้านความฉลาดทางอารมณ์ภายในตนเองและด้านความฉลาดทางอารมณ์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และโดยรวม (t = 19.88, 22.53 และ 25.40; sig = .00, 100, 00) มีขนาดส่งผล (effect sizes) ต่อคะแนนความฉลาดทางอารมณ์รายด้านและโดยรวม อยู่ในระดับมาก (Cohen's d = 3.98, 4.51 และ 5.08) ในขณะที่หลังการจัดการเรียนรู้แบบปกติในกลุ่มควบคุม ทําให้เด็กมีพัฒนาการความฉลาดทาง อารมณ์สูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทั้งรายด้านทุกด้านและโดยรวมเช่นเดียวกัน (t = 3.07, 3.92 และ 4.22 ; lg = .01, 100, 00) แต่มีขนาดส่งผล (effect sizes) ต่อคะแนนความฉลาดทางอารมณ์รายด้านและโดยรวม อยู่ในระดับปานกลางถึงระดับมาก (Cohen's d = 61, 78 และ 4) และหลังได้รับการจัดการเรียนรู้กลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ SMILE มีพัฒนาการความฉลาดทาง อารมณ์สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสําคัญ ทั้งรายด้านทุกด้านและโดยรวม (t = 17.74, 18.62 และ 19.71 ; sig = .00, 00, .00) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SMILE มีความเหมาะสมและนําไปใช้พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยได้อย่างมั่นใจ
อรัญญา กุฎจอมศรี (2557). การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ SMILE.
บทคัดย่อ
หัวข้อวิทยานิพนธ์ ความสัมพันธ์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษากับการทำงานเป็นทีมของพนักงานครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่
ผู้วิจัย นายสรวิศ จันพุ่ม
สาขาวิชา การบริหารการศึกษา
ประธานอาจารย์ที่ปรึกษา ดร.นพรัตน์ ชัยเรือง
อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.สรัญญา แสงอัมพร
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา การทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษา และความสัมพันธ์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษากับการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่ ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน จำนวน 331 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า
1. การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่ โดยภาพรวม และรายด้าน อยู่ ในระดับมากที่สุด
2. การทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่โดยภาพรวม และรายด้านอยู่ ในระดับมากที่สุด
3. การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษา กับการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระบี่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01
สรวิศ จันพุ่ม (2561). ความสัมพันธ์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับการทำงานเป็นทีมของครู ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่.การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาด้านการปฏิบัติงานของผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 2) สร้างและหาคุณภาพคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 3) ทดลองใช้คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 4) ประเมินผลการใช้คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้นำนิสิต ประจำปี 2565 จำนวน 32 คน, ผู้นำนิสิต ประจำปี 2566 จำนวน 40 คน, รองคณบดีและบุคลากรงานกิจการนิสิต จำนวน 2 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบไปด้วยแบบสัมภาษณ์, คู่มือการปฏิบัติงาน, แบบประเมินคุณภาพคู่มือการปฏิบัติงาน, แบบประเมินตนเองก่อนหลังการทดลองใช้คู่มือการปฏิบัติงาน, แบบประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์, แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อคู่มือการปฏิบัติงาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์คำหลัก (Domain Analysis) และการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย (Analysis Induction) ผลวิจัยพบว่า
1. ปัญหาในการปฏิบัติงานของผู้นำนิสิต คือผู้นำนิสิตไม่ทราบแนวทางการจัดกิจกรรมขั้นตอนการปฏิบัติงานด้านต่างๆ เอกสารที่เกี่ยวข้องกระจัดกระจาย ยากต่อการค้นหา ทำให้การดำเนินงานล่าช้า ผิดขั้นตอน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องตอบคำถามซ้ำๆ แก่ผู้นำนิสิต
2. ผลประเมินคุณภาพคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (mean = 4.47, S.D = 0.53)
3. การเปรียบเทียบผลประเมินตนเองของผู้ใช้ก่อนและหลังทดลองใช้คู่มือ พบว่า ผู้ใช้มีระดับการรับรู้หลังการทดลองใช้คู่มือฯ สูงกว่า ก่อนทดลองใช้คู่มือฯในทุกด้าน
4. ผลประเมินการปฏิบัติงานของผู้นำนิสิต พบว่าผู้นำนิสิตสามารถดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานแต่ละด้านได้อย่างถูกต้อง 100 %
5. ผลประเมินความพึงพอใจที่มีต่อคู่มือการปฏิบัติงานในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (mean = 4.46, S.D = 0.52)
นนทวัช ศรีแสงฉาย (2566). การพัฒนาคู่มือการปฏิบัติงาน สำหรับผู้นำนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ERIC
The Impact of Emotional Intelligence, Increasing Job Demands Behaviour and Subjective Well-Being on Teacher Performance: Teacher-Gender Differences
Amirian, Seyed Morteza; Amirian, Seyedeh Khadijeh; Kouhsari, Masoumeh
International Journal of Educational Management, v37 n1 p240-258 2023
Purpose: The purpose of this paper is to explore the critical roles of emotional intelligence, increasing job demands behaviour and subjective well-being in teachers' performance throughout their gender. Design/methodology/approach: In this study, the authors used multi-group structural equation modelling and mediation analysis of a sample of 602 primary school teachers in Iran. Findings: This study found that emotional intelligence significantly affected teachers' performance. Teachers' emotional intelligence and increasing job demands behaviour were significant predictors of teacher performance in both genders. Furthermore, increasing job demand behaviour had a stronger mediating effect than subjective well-being on the relationship between emotional intelligence and teachers' performance in both genders. Originality/value: This model is an attempt to examine possible gender differences on the relationships between teachers' emotional intelligence and their job performance by mediating roles of subjective well-being and increasing job demands behaviours in a specific societal and educational context.
ผลกระทบของสติปัญญาทางอารมณ์ ความต้องการงานที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรม และความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคลต่อประสิทธิภาพการทำงานของครู: ความแตกต่างระหว่างครูกับเพศ
อามิเรียน ไซเอ็ด มอร์เตซา; อามีเรียน เซเยเดห์ คาดิเจห์; คูซารี มาซูเมห์
วารสารการจัดการการศึกษานานาชาติฉบับที่ 37 ฉบับที่ 1 หน้า 240-258 2023
วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์ของเอกสารฉบับนี้คือการสำรวจบทบาทสำคัญของสติปัญญาทางอารมณ์ พฤติกรรมความต้องการงานที่เพิ่มขึ้น และความเป็นอยู่ที่ดีในผลงานของครูตลอดทั้งเพศ การออกแบบ/ระเบียบวิธี/แนวทาง: ในการศึกษานี้ ผู้เขียนใช้การสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้างหลายกลุ่มและการวิเคราะห์การไกล่เกลี่ยของกลุ่มตัวอย่างครูประถมศึกษา 602 คนในอิหร่าน ผลลัพธ์: การศึกษานี้พบว่าสติปัญญาทางอารมณ์ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลงานของครู สติปัญญาทางอารมณ์ของครูและพฤติกรรมความต้องการงานที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวทำนายที่สำคัญของผลงานของครูในทั้งสองเพศ นอกจากนี้ พฤติกรรมความต้องการงานที่เพิ่มขึ้นยังมีผลต่อการไกล่เกลี่ยที่แข็งแกร่งกว่าความเป็นอยู่ที่ดีในความสัมพันธ์ระหว่างสติปัญญาทางอารมณ์และผลงานของครูในทั้งสองเพศ ความคิดริเริ่ม/คุณค่า: แบบจำลองนี้เป็นความพยายามที่จะตรวจสอบความแตกต่างทางเพศที่เป็นไปได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสติปัญญาทางอารมณ์ของครูและผลงานของพวกเขาโดยไกล่เกลี่ยบทบาทของความเป็นอยู่ที่ดีในเชิงอัตนัยและพฤติกรรมความต้องการงานที่เพิ่มขึ้นในบริบททางสังคมและการศึกษาที่เฉพาะเจาะจง
Amirian, Seyed Morteza; Amirian, Seyedeh Khadijeh; (2023) The Impact of Emotional Intelligence, Increasing Job Demands Behaviour and Subjective Well-Being on Teacher Performance: Teacher-Gender Differences Pegem Journal of Education and Instruction, v13 n1 p240-258 2023
Attitude in Mediating the Relationship between Emotional Maturity, Emotional Intelligence, Emotional Sensitivity, and Teacher Performance in Indonesian Schools
Edi Kuswanto; Noor Malihah; Muh Saerozi; Imam Subqi
Journal of Pedagogical Research, v7 n5 p122-135 2023
This study aims to examine the role of attitude in mediating the relationship between emotional maturity, emotional intelligence and emotional sensitivity to teacher performance. This study used a quantitative approach involving 101 teachers from various levels in Demak, Central Java, Indonesia. Data was collected through a questionnaire using 5 Likert scale. The data Processing using SEM PLS version 3.2.9 to test exogenous variables against endogenous variables. The results show that emotional intelligence and emotional sensitivity can shape teacher performance, however, emotional maturity cannot shape teacher performance significantly. On the other hand, teacher emotional intelligence has been proven to be a strong predictor in shaping teachers' attitude, while attitude cannot shape teacher performance. Therefore, it can be said that attitude cannot shape the teacher performance.
ทัศนคติในการไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้ใหญ่ทางอารมณ์ สติปัญญาทางอารมณ์ ความอ่อนไหวทางอารมณ์ และผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียนอินโดนีเซีย
เอดี คุสวานโต ; นูร์ มาลิฮาห์ ; มูห์ ซาเอโรซี ; อิหม่ามซุบกี
วารสารการวิจัยทางการสอนฉบับที่ 7 ฉบับที่ 5 หน้า 122-135 ปี 2566
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบบทบาทของทัศนคติในการไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิภาวะทางอารมณ์ สติปัญญาทางอารมณ์ และความอ่อนไหวทางอารมณ์ต่อผลการปฏิบัติงานของครู การศึกษาครั้งนี้ใช้แนวทางเชิงปริมาณโดยมีครู 101 คนจากหลายระดับในเดมัก ชวาตอนกลาง อินโดนีเซีย รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามโดยใช้มาตราส่วนลิเคิร์ต 5 ระดับ การประมวลผลข้อมูลโดยใช้ SEM PLS เวอร์ชัน 3.2.9 เพื่อทดสอบตัวแปรภายนอกเทียบกับตัวแปรภายใน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสติปัญญาทางอารมณ์และความอ่อนไหวทางอารมณ์สามารถกำหนดผลการปฏิบัติงานของครูได้ อย่างไรก็ตาม วุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่สามารถกำหนดผลการปฏิบัติงานของครูได้อย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน สติปัญญาทางอารมณ์ของครูได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นปัจจัยทำนายที่สำคัญในการกำหนดทัศนคติของครู ในขณะที่ทัศนคติไม่สามารถกำหนดผลการปฏิบัติงานของครูได้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าทัศนคติไม่สามารถกำหนดผลการปฏิบัติงานของครูได้
Edi Kuswanto; Noor Malihah; Muh Saerozi; Imam Subqi (2023) Attitude in Mediating the Relationship between Emotional Maturity, Emotional Intelligence, Emotional Sensitivity, and Teacher Performance in Indonesian Schools Pegem Journal of Education and Instruction, v7 n5 p122-135 2023
The Relationship between Emotional Intelligence of School Principals, Psychological Climate, and Teacher Motivation
Shwu Ming Wu
International Journal of Emotional Education, v15 n2 p71-85 2023
Psychometrically sound and practical measures of emotional intelligence of school principals, psychological climate, and teacher motivation were developed. The aim of this study was to explore the relationships and effects among these variables and to compare the differences between high school and vocational high school, as well as public and private school teachers. A sample of 336 teachers was recruited from different high and vocational high schools in Taiwan. Through MANOVA and hierarchical multiple regression analyses, these measures of emotional intelligence of school principals, psychological climate, and teacher motivation were found to be reliable and valid instruments. Vocational high school teachers scored higher than high school teachers on perceived self-motivation of principals, psychological climate, and teacher motivation. Private school teachers showed higher perceived empathy and principals' relationships, as well as pressure of psychological climate, whereas public school teachers exhibited higher levels of psychological climate and intrinsic motivation. Additionally, strong positive correlations were found among all three variables, particularly, emotional intelligence of principals and psychological climate, which were found to be significant predictors of teacher motivation. The implication for school principals is that they should focus on enhancing their emotional intelligence and creating a more positive psychological climate, which in turn, promotes teacher motivation.
ความสัมพันธ์ระหว่างสติปัญญาทางอารมณ์ของผู้อำนวยการโรงเรียน สภาพแวดล้อมทางจิตวิทยา และแรงจูงใจของครู
ชูหมิงวู่
วารสารการศึกษาอารมณ์นานาชาติฉบับที่ 15 ฉบับที่ 2 หน้า 71-85 2023
ได้มีการพัฒนาวิธีการวัดระดับสติปัญญาทางอารมณ์ของผู้อำนวยการโรงเรียน บรรยากาศทางจิตวิทยา และแรงจูงใจของครูที่ได้ผลทางจิตวิทยาและในทางปฏิบัติ วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการสำรวจความสัมพันธ์และผลกระทบระหว่างตัวแปรเหล่านี้ และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและโรงเรียนมัธยมอาชีวศึกษา ตลอดจนครูโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน โดยได้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างครู 336 คนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษาต่างๆ ในไต้หวัน จากการวิเคราะห์ MANOVA และการถดถอยเชิงพหุคูณตามลำดับชั้น พบว่าวิธีการวัดระดับสติปัญญาทางอารมณ์ของผู้อำนวยการโรงเรียน บรรยากาศทางจิตวิทยา และแรงจูงใจของครูเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง ครูโรงเรียนอาชีวศึกษามีคะแนนสูงกว่าครูโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในด้านแรงจูงใจในตนเองที่รับรู้ของผู้อำนวยการโรงเรียน บรรยากาศทางจิตวิทยา และแรงจูงใจของครู ครูโรงเรียนเอกชนมีความเห็นอกเห็นใจและความสัมพันธ์ระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียนสูงกว่า รวมถึงแรงกดดันจากบรรยากาศทางจิตวิทยา ในขณะที่ครูโรงเรียนรัฐบาลมีระดับบรรยากาศทางจิตวิทยาและแรงจูงใจภายในสูงกว่า นอกจากนี้ ยังพบความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแกร่งระหว่างตัวแปรทั้งสาม โดยเฉพาะสติปัญญาทางอารมณ์ของผู้อำนวยการโรงเรียนและบรรยากาศทางจิตวิทยา ซึ่งพบว่าเป็นตัวทำนายแรงจูงใจของครูได้อย่างมีนัยสำคัญ นัยที่ผู้บริหารโรงเรียนควรเน้นไปที่การพัฒนาสติปัญญาทางอารมณ์และสร้างสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาเชิงบวก ซึ่งจะส่งเสริมแรงจูงใจของครูในที่สุด
Shwu Ming Wu (2023) The Relationship between Emotional Intelligence of School Principals, Psychological Climate, and Teacher Motivation Pegem Journal of Education and Instruction, v15 n2 p71-85 2023