1.การดูพระเครื่องที่มีรูปทรงเป็นเหรียญ (พระเหรียญ) สามารถทำได้ตามวิธีดังนี้
1.1.ตรวจสอบรายละเอียด
- ดูภาพพุทธรูปหรือสัญลักษณ์ที่ถูกปั๊มบนเหรียญ ควรมีความชัดเจน ไม่เบลอหรือลบเลือน
- สังเกตตัวอักษรหรือคำจารที่อยู่รอบ ๆ รูป ควรมีความชัดเจนและถูกต้องตามหลักการเขียน
1.2.พิจารณาวัสดุ
- เช็ควัสดุที่ใช้ทำเหรียญ เช่น ทองคำ ทองแดง หรือเงิน วัสดุที่มีคุณภาพสูงมักจะมีน้ำหนักมากและมีสีที่สม่ำเสมอ
1.3.ตรวจสอบความเก่า
- ดูสภาพเหรียญ ถ้ามีร่องรอยการใช้งานหรือการเสื่อมสภาพ แสดงว่าอาจมีอายุมาก ควรระวังพระปลอมที่ทำเลียนแบบเก่า
1.4. น้ำหนักและขนาด
- น้ำหนักและขนาดของเหรียญควรตรงตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตระบุ หากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณว่าพระปลอม
1.5. ตรวจสอบที่มาที่ไป
- สอบถามประวัติความเป็นมาของเหรียญ หากมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างหรือประวัติของพระจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
1.6. คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
- หากไม่แน่ใจ ควรขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการสะสมพระเครื่อง
การตรวจสอบพระเหรียญต้องใช้ความรอบคอบ และอาจต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลเพื่อทำให้แน่ใจว่าวัตถุที่คุณมีนั้นเป็นของแท้และมีคุณค่า.
2.การดูพระรูปหล่อสามารถทำได้ตามวิธีดังนี้:
2.1. ตรวจสอบลักษณะและรายละเอียด
- สังเกตรูปทรงและท่าทางของพระ เช่น การนั่งหรือยืนที่ถูกต้อง ควรมีความสมจริงและชัดเจน
- ดูรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เสื้อผ้า อัญมณี และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏ ควรมีความคมชัด
2.2. พิจารณาวัสดุ
- พระรูปหล่อมักทำจากโลหะ เช่น ทองแดง เงิน หรือทองคำ สัมผัสกับเนื้อวัสดุ ดูน้ำหนักและผิวสัมผัส ควรมีความเงางามและไม่เป็นสนิม
2.3. ตรวจสอบสภาพ
- ดูสภาพของพระ หากมีร่องรอยการเสื่อมสภาพน้อยแสดงว่าเป็นของเก่าที่มีคุณค่า แต่ถ้ามีรอยขีดข่วนหรือด่างมาก อาจแสดงว่าเป็นของปลอม
2.4. ตรวจสอบการหล่อ
- สังเกตที่รอยหล่อ ควรมีความเรียบเนียนและไม่ปรากฏรอยต่อที่ไม่ธรรมชาติ
- ดูว่ามีเศษที่หลุดหรือบิดเบี้ยวอยู่หรือไม่
2.5. ดูการจารอักขระ
- หากมีการจารอักขระ ควรดูความละเอียดและความชัดเจน ตัวอักษรควรมีลักษณะสม่ำเสมอและไม่เบลอ
2.6. ศึกษาประวัติความเป็นมา
- หาข้อมูลเกี่ยวกับพระที่คุณมี เพื่อยืนยันความถูกต้องและความสำคัญ
2.7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- หากไม่แน่ใจ ควรขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ในการสะสมพระเครื่อง
การดูพระรูปหล่ออย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถระบุความแท้และคุณค่าของพระที่คุณสนใจได้ดียิ่งขึ้น.
4.การดู พระปิดตา ซึ่งเป็นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีวิธีการพิจารณาเพื่อดูความแท้และความขลังของพระ โดยมีหลักการพิจารณาที่สำคัญดังนี้:
พระปิดตามีรูปแบบการปั้นเป็นเอกลักษณ์ คือ พระปิดตาจะมีลักษณะเอามือทั้งสองข้างปิดหน้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้าย ไม่รับรู้สิ่งไม่ดี มีหลายพิมพ์ เช่น:
พิมพ์ปิดตาใหญ่: มักมีขนาดใหญ่ ลักษณะท่านั่งขัดสมาธิ
พิมพ์ปิดตานั่งบัว: ท่านั่งขัดสมาธิบนฐานบัว
พิมพ์ปิดตามหาอุด: มีการปั้นมือปิดหน้าปิดตาและปิดทุกช่องเปิดของร่างกาย เช่น หู จมูก ปาก
วัสดุที่ใช้ทำพระปิดตามีหลายแบบ เช่น:
เนื้อผง: ผงพุทธคุณ ผงวิเศษ หรือผงว่าน ซึ่งถูกผสมกับมวลสารศักดิ์สิทธิ์ พระเนื้อผงที่มีอายุจะมีเนื้อแห้ง เก่า ไม่แข็งมาก เนื้อจะผุกร่อนตามกาลเวลา
เนื้อโลหะ: ทองคำ เงิน นวโลหะ หรือโลหะผสม ลักษณะเนื้อโลหะจะต้องดูการหล่อที่สวยงาม ผิวพระมีสนิมเก่าและผิวโลหะเปลี่ยนสีตามอายุ
เนื้อดิน: บางสำนักจะใช้ดินศักดิ์สิทธิ์มาผสมกับวัตถุมงคลอื่น ๆ
พระปิดตาที่ดีมักมีลวดลายที่คมชัด ลายปั้นที่ประณีต โดยเฉพาะพระที่ทำจากการหล่อหรือพิมพ์ขึ้นมา หากเป็นพระเก่าจะมีการยุบตัวหรือเสื่อมสภาพของลายปั้นตามกาลเวลา แต่จะยังคงเห็นลายปั้นได้ชัดเจนบางส่วน
คราบฝุ่นธรรมชาติ (คราบกรุ): สำหรับพระกรุ จะมีคราบกรุ เช่น คราบดิน คราบสนิมน้ำ คราบน้ำมัน หรือคราบแร่โลหะ ขึ้นตามอายุของพระ ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงความแท้
สนิม: พระเนื้อโลหะอาจมีสนิมขึ้นตามกาลเวลา เช่น สนิมแดง (ออกไซด์ของทองแดง) สนิมเขียว (ออกไซด์ของทองเหลือง)
พระปิดตาที่มีอายุมากจะมีความเก่าและผิวที่แห้ง กร่อน และมีร่องรอยของการใช้หรือเก็บรักษามาเป็นเวลานาน ซึ่งความเก่าของพระช่วยบอกถึงความแท้ได้บางส่วน
พระปิดตาบางสำนักมีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น
พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
พระปิดตาหลวงพ่อทับ วัดทอง
พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง
พระเหล่านี้มีมูลค่าทางจิตใจและทางสะสมสูง การศึกษาประวัติการสร้างและความนิยมของพระแต่ละรุ่นจึงสำคัญ
หากไม่มั่นใจ สามารถนำพระปิดตาไปให้ผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันที่รับรองพระเครื่องตรวจสอบเพื่อดูความแท้และรายละเอียดเพิ่มเติม
การดูพระปิดตาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ในการพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ หากคุณเริ่มสนใจและอยากสะสม ควรเริ่มจากการศึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5.การดู รูปพระเก่า หรือการพิจารณาพระเครื่องเก่า ๆ เป็นศิลปะและความรู้ที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญสูง เพื่อดูว่าเป็นพระแท้หรือไม่ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หรือไม่ โดยมีหลักการและวิธีการสำคัญในการดูพระเก่า ดังนี้:
รูปแบบของพระเครื่องเป็นสิ่งแรกที่ต้องดู เช่น พิมพ์พระสมเด็จ พิมพ์พระรอด หรือพระปิดตา พระแท้จะมีรูปทรงที่ชัดเจนตามแบบแผนที่กำหนดไว้ในสมัยที่สร้าง
รายละเอียดของพิมพ์พระเก่าอาจมีความเสื่อมโทรมหรือผุกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่โครงสร้างหลัก ๆ ของพระยังคงสามารถเห็นได้ เช่น เส้นพระเกศา พระพักตร์ (หน้า) และเส้นลายอื่น ๆ
วัสดุของพระเก่ามักมีความพิเศษตามยุคสมัย เช่น พระเนื้อดิน เนื้อชิน เนื้อผง หรือเนื้อโลหะ วัสดุเหล่านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
พระเนื้อดิน: มักมีความแห้ง แข็ง และอาจเห็นเนื้อดินเป็นชั้น ๆ หรือมีสีเปลี่ยนตามอายุ
พระเนื้อชิน: มักมีคราบสนิมขึ้นตามธรรมชาติ เช่น สนิมแดง (ออกไซด์ทองแดง) หรือสนิมขาว (ตะกั่ว)
พระเนื้อผง: ผิวมักจะแห้งและบางส่วนจะหลุดร่อนบ้าง แสดงถึงอายุการเก็บรักษายาวนาน
พระเนื้อโลหะ: โลหะจะมีสนิมเปลี่ยนแปลงตามอายุ เช่น พระที่ทำจากทองเหลืองจะมีคราบเขียว หรือพระเนื้อเงินอาจมีคราบหมองคล้ำ
พระเก่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคราบกรุ สนิม หรือคราบขี้ฝุ่น ซึ่งบ่งบอกถึงการเก็บรักษาที่นาน ผิวพระที่ดูแห้งกร้าน หรือมีคราบกรุเกาะแน่นถือเป็นลักษณะเด่นของพระเก่า
สำหรับพระที่ออกจากกรุ ผิวจะมีลักษณะพิเศษที่เรียกว่า "คราบกรุ" เช่น คราบดิน คราบน้ำมัน หรือคราบแร่ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดจากการฝังพระไว้ใต้ดินหรือในสถานที่เก็บรักษานาน ๆ
พระเก่าจะมีร่องรอยการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา เช่น รอยแตก รอยบิ่น รอยยุบตัวของเนื้อพระ ร่องรอยเหล่านี้ควรมีลักษณะธรรมชาติและไม่ควรเป็นรอยที่เกิดจากการทำปลอมแปลง
คราบกรุ: พระกรุมักมีคราบกรุที่เป็นคราบดิน สนิม หรือลักษณะอื่น ๆ ที่ติดมากับพระเนื่องจากการถูกฝังไว้เป็นเวลานาน เช่น พระกรุบางกรุจะมีคราบน้ำมันเป็นสีน้ำตาล หรือคราบเขียวจากทองเหลือง
สนิม: พระโลหะมักมีสนิมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น สนิมแดง สนิมขาว หรือสนิมเขียว ลักษณะสนิมเหล่านี้บ่งบอกถึงอายุและความเก่าของพระ
พระเก่าจะมีผิวสัมผัสที่แห้งและแน่น ซึ่งเป็นผลจากการสะสมพลังงานธรรมชาติ เช่น การสลายตัวของเนื้อพระเนื่องจากการเก็บรักษา การใช้บูชา หรือการถูกฝังในกรุ ผิวสัมผัสที่ดูเก่าและลื่นนุ่มมักเป็นลักษณะที่ดีของพระแท้
พระเครื่องเก่ามักจะมีประวัติการสร้างหรือแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ การศึกษาแหล่งที่มาหรือผู้สร้างจะช่วยให้เราสามารถพิจารณาได้ว่าพระนั้นแท้หรือมีความเป็นมาอย่างไร เช่น พระเครื่องจากกรุวัดต่าง ๆ ที่มีการขุดพบจะมีประวัติการสร้างที่ชัดเจน
หากไม่มั่นใจในการพิจารณาด้วยตนเอง ควรนำพระเครื่องไปตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันรับรองพระเครื่องที่มีชื่อเสียง เพื่อรับคำแนะนำและตรวจสอบอย่างละเอียด
การดูพระเก่าเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยความรู้และความชำนาญสูง แนะนำให้เริ่มจากการศึกษาและสะสมพระเครื่องที่มีประวัติชัดเจน แล้วค่อย ๆ เรียนรู้และเก็บประสบการณ์
Copyright@ 2024 Pichaiyuy Chanphasuk contact : pichaiyut.cha@rmutto.ac.th