ผู้จัดทำข้อตกลง
ผู้จัดทำข้อตกลง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
รอบการประเมิน 1 ต.ค. 67 - 30 ก.ย. 68 ประจำปีงบประมาณ 2568
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
- รายวิชาสุขศึกษา ม.5 จำนวน 6 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาสุขศึกษาม.2 จำนวน 2 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาแนะแนว จำนวน 50 นาที
- รายวิชาลูกเสือ จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาชุมนุม จำนวน 50 นาที
1.2 งานส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมหน้าเสาธง โฮมรูม จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 8 ชั่วโมง / สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมชุมชนการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำสื่อการเรียนการสอน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำหลักสูตรการวัดและประเมินผล จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 26 ชั่วโมง...30...นาที/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
- รายวิชาสุขศึกษา ม.5 จำนวน 6 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาสุขศึกษาม.2 จำนวน 3 ชั่วโมง 20 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาแนะแนว จำนวน 50 นาที
- รายวิชาเพศศึกษาม.6 จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- รายวิชาชุมนุม จำนวน 50 นาที
1.2 งานส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 11 ชั่วโมง 10นาที/ สัปดาห์
- งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 9 ชั่วโมง10นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมหน้าเสาธง โฮมรูม จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง / สัปดาห์
- จัดสถานที่สำหรับการอบรมและงานพิธีต่างๆ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมลดอ้วนลดพุง จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 31 ชั่วโมง...10...นาที/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ครู
ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้สามารถปรับตัวและเติบโตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเรียนรู้จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถยกระดับประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้สูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
จากการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปี 5 ถือว่านักเรียนสนใจอยากที่จะเรียนรู้ในรายวิชานี้ได้ดี แต่ยังขาดทักษะในการเผยแพร่ความรู้ที่ตนเองได้รับ ออกสู่สาธารณะ เพื่อให้สื่อที่ตนเองสร้างขึ้นมีความเข้าใจที่ง่ายและเข้าถึงทุกคน ผู้สอนจึงได้มีแนวคิดในการให้นักเรียนผลิตสื่อออกมาเป็นรูปแบบหนังสั้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์มาคิดพล็อตเรื่องในการจัดทำบทละคร ให้ได้องค์ประกอบและความรู้ที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อจัดสร้างผลงาน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียน และการสอนสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับส่งเสริมการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของนักเรียนต่อไป
จากสถานการณ์ดังกล่าว การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้ในวิชาสุขศึกษา เรื่อง การช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น (CPR) ที่ต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ความรู้ การวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่นำ AI มาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้สามารถเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และเผยแพร่ความรู้นั้นสู่สาธารณะชนได้
จากสภาพปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น การวิจัยนี้จึงมีความสำคัญในเชิงการพัฒนาการศึกษา เนื่องจากสามารถเป็นแนวทางในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต อีกทั้งยังสามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในวิชาอื่น ๆ ที่ต้องการส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อีกด้วย
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
วิธีการดำเนินการให้บรรลุผลสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. การกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตของเนื้อหา
- การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้: ระบุเป้าหมายที่ชัดเจนว่าผู้เรียนจะได้รับความรู้และทักษะเกี่ยวกับการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น (CPR) และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้
- การกำหนดเนื้อหาหลัก: เนื้อหาควรประกอบด้วยขั้นตอนการช่วย CPR เช่น การกดหน้าอก, การเปิดทางเดินหายใจ, การให้ปากเป่าปาก หรือการใช้เครื่อง AED เป็นต้น
2. การออกแบบบทละครหนังสั้น
- การสร้างแนวคิดและธีมของหนังสั้น: การพัฒนาบทละครหนังสั้นที่มีธีมเกี่ยวกับการช่วย CPR สามารถให้ AI ช่วยในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีทั้งความน่าสนใจและให้ความรู้ในเวลาเดียวกัน
- ใช้ AI ในการช่วยคิดคอนเซปต์: ใช้เครื่องมือ AI (เช่น GPT-4) ในการสร้างไอเดียสำหรับเนื้อเรื่องที่ผสมผสานการเรียนรู้ CPR กับการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ
-ตัวอย่างเนื้อเรื่อง: เรื่องราวอาจเป็นการแสดงเหตุการณ์ที่มีคนหนึ่งเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีตัวละครที่ต้องใช้ทักษะ CPR เพื่อช่วยชีวิตให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
-การพัฒนาโครงเรื่อง: ใช้ AI ในการวางโครงเรื่องที่เน้นจุดประสงค์ในการสอน CPR ผ่านการแสดงที่มีความกระชับและชัดเจน เช่น การแบ่งบทสนทนาเป็นบทเรียนขั้นตอนของ CPR พร้อมการอธิบายเชิงลึกในแต่ละขั้นตอน
3. การพัฒนาตัวละครและบทสนทนา
-การออกแบบตัวละคร: การสร้างตัวละครที่สื่อถึงสถานการณ์การช่วยชีวิต เช่น ตัวละครผู้ช่วยเหลือ, ผู้ป่วยที่ต้องการ CPR, หรือผู้ที่เป็นผู้ดูแลซึ่งสามารถช่วยฝึกฝน
-ใช้ AI ในการพัฒนาตัวละคร: ใช้ AI เพื่อสร้างบทสนทนาระหว่างตัวละครที่แสดงการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการให้ CPR หรือการให้คำแนะนำในภาวะฉุกเฉิน ตัวอย่าง: AI อาจช่วยเขียนบทสนทนาในสถานการณ์ที่มีการถาม-ตอบเกี่ยวกับวิธีการทำ CPR ระหว่างตัวละครผู้ฝึกฝนและผู้ที่รู้จัก CPR การสร้างความสมจริง: AI สามารถช่วยสร้างการสนทนาที่มีความเหมาะสมตามหลักการ CPR และแนะนำวิธีการทำให้บทสนทนาดูเป็นธรรมชาติ
4. การพัฒนาเนื้อหาการสอน CPR ผ่านการจัดทำหนังสั้น
-การบูรณาการเนื้อหาการเรียนการสอน: ใช้เทคโนโลยี AI ในการนำเสนอเนื้อหาการสอน CPR ผ่านบทละครที่สามารถเข้าใจได้ง่าย โดยมีการแทรกแซงคำแนะนำและคำอธิบายในแต่ละขั้นตอนของการทำ CPR เช่น ในการทำการกดหน้าอก AI สามารถสร้างบทสนทนาหรือข้อความที่ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการกระทำเหล่านั้นในระหว่างการแสดง
- การใช้อินเทอร์เฟซ AI เพื่อสอนทักษะ CPR: AI สามารถใช้เพื่อสร้างสื่อการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟ (เช่น AR/VR) เพื่อฝึกทักษะ CPR ได้
5. การใช้ AI เพื่อการประเมินผล
-การประเมินการทำ CPR: สร้างเครื่องมือประเมินผลที่ใช้ AI ในการตรวจสอบว่าผู้เรียนสามารถทำ CPR ได้ถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ เช่น ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์การกดหน้าอกในเวลาที่ถูกต้องหรือการเปิดทางเดินหายใจ
- การใช้ AI ในการจำลองสถานการณ์: สร้างสถานการณ์จำลองการช่วยชีวิตโดยใช้ AI เช่น การจำลองเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นและให้ผู้เรียนทำ CPR ในสถานการณ์จำลองเหล่านั้น AI สามารถวิเคราะห์การทำ CPR โดยดูจากการเคลื่อนไหว, ความถี่ในการกด, และความลึกของการกดหน้าอกเพื่อให้การฝึกอบรมมีความถูกต้อง
6. การสร้างและเผยแพร่หนังสั้น
- การใช้ AI ในการผลิตหนังสั้น: ใช้เครื่องมือ AI เช่น ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ หรือ AI ที่ช่วยในการออกแบบกราฟิกและภาพเคลื่อนไหว เพื่อผลิตหนังสั้นที่มีคุณภาพสูง
- การเผยแพร่สื่อการเรียนรู้: แบ่งปันหนังสั้นในแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น YouTube, เว็บไซต์การศึกษา, หรือแอปพลิเคชันการเรียนรู้ที่สนับสนุนการศึกษา
7. การประเมินและปรับปรุงการเรียนรู้
- การเก็บข้อมูลจากผู้เรียน: ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเก็บข้อมูลผลการเรียนรู้ของผู้เรียนจากการดูหนังสั้นหรือการทำการฝึก CPR และทำการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ เช่น AI อาจช่วยในการวิเคราะห์คำตอบจากการสอบถามหรือทดสอบหลังการเรียนรู้เกี่ยวกับ CPR เพื่อปรับปรุงรูปแบบการสอน
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ได้รับการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ
1. ผู้เรียนร้อยละ 80 มีทักษะพื้นฐาน (Basic Skills) ตามวัยและลักษณะของผู้เรียนผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
2. ผู้เรียนร้อยละ 80 มีความสามารถในการเรียนรู้ (Cognitive Abilities) ตามวัยและลักษณะของผู้เรียน
3. ผู้เรียนร้อยละ 80มีการบูรณาการทักษะในการทำงาน (Cross-function Skills) ตามวัยและลักษณะของผู้เรียน ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู อยู่ในระดับมากขึ้นไป
แผนภูมิแสดงระดับความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู
รายวิชาสุขศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2568 มีจำนวนผู้เรียน 305 คน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ 4.59 อยู่ในระดับมาก
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา ตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป
แผนภูมิแสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา
ภาคเรียนที่ 1/2568
รายวิชาสุขศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2568 มีจำนวนผู้เรียน 305 คน มีค่าเฉลี่ยผลการเรียนตั้งแต่ 2.0 ขึ้นไป ร้อยละ 94.1
คลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้