สภาพปัญหาของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ยังอยู่ในช่วงพัฒนาการทางความคิดที่มักเน้นสิ่งที่สามารถเห็นและสัมผัสได้ เช่น ตัวเลข รูปร่าง หรือวัตถุ ซึ่งทำให้การเข้าใจแนวคิดเชิงนามธรรม เช่น สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ หรือทฤษฎีในวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขา การขาดการเชื่อมโยงกับชีวิตจริง ความยากในการใช้สัญลักษณ์และเครื่องหมาย

ขาดทักษะการคิดเชิงระบบและการวิเคราะห์ จุดอ่อนของนักเรียน เสนอแนวทางปรับปรุงที่เหมาะสมได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้ google classroom ร่วมกับเกมส์(Kahoot) มาช่วยในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าศึกษาหาความรู้ได้ตลอดเวลาเท่าที่นักเรียนต้องการ ซึ่งช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาของผู้เรียนได้

การจัดการเรียนรู้ในรายวิซาวิทยาการคำนวณที่ผ่านมา ในเรื่อง แนวคิดเชิงนามธรรม ความยากในการเข้าใจแนวคิดที่ไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสได้ เช่น ตัวเลขหรือแรงในวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องใช้การคิดและการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน นักเรียนอาจจะพบปัญหากับการเชื่อมโยงแนวคิดเหล่านี้กับประสบการณ์ในชีวิตจริง รวมถึงการใช้สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายในคณิตศาสตร์ที่อาจทำให้สับสน ดังนั้น ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้าย โดย การปรับประยุกต์รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วย google classroom ร่วมกับเกมส์(Kahoot) เพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษาหาความรู้และมีความสนุกสนานจากเกมส์ ที่ประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน นักเรียนสามารถเข้าศึกษาได้ตลอดเวลา เพื่อให้ผู้เรียน มีความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะกระบวนการในราย วิชาวิทยาการคำนวณ รหัสวิชา ว21104 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 35 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 

                    การพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะ การทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพมีการประยุกต์ใช้กระบวนการตามแนวเดมมิ่ง (Demming Approach) คือ PDCA ร่วมกับกระบวนการ PLC ดังนี้

การวางแผน (Plan)

1) วิเคราะห์สภาพปัญหาและสาเหตุการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม เพื่อวางแผนแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันสู่เป้าหมายตามมาตรฐานการเรียนรู้ของผู้เรียน และนำไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามความแตกต่าง ความถนัด ความสนใจ ความต้องการจำเป็นในปัจจุบันและอนาคต

2) วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560)  เพื่อพัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้ตามศักยภาพ แล้วนำไปพัฒนาโครงสร้างรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ หลักสูตรสถานศึกษาและบริบทของสถานศึกษาผู้เรียน       และท้องถิ่น

3) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน

4) พัฒนานวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียนผ่านกระบวนการชุมชุนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

5) พัฒนาวิธีการวัด เครื่องมือวัด และเกณฑ์ที่คาดหวัง ในการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ และมีความคลอบคลุมและสะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง เช่น ชิ้นงาน/ภาระงานของผู้เรียน แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกต เป็นต้น

การลงมือปฏิบัติ (Do)

6) นำหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาการคำนวณ โดยใช้นวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน ไปใช้กับผู้เรียนในระดับชั้นเรียนต่างๆ ตามสภาพความแตกต่าง ความถนัด ความสนใจ และศักยภาพของผู้เรียน ดังนี้

ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1  หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง การโปรแกรมด้วย Scratch จำนวน 8 ชั่วโมง

7) จัดกิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกเทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างความสนุกสนาน เร้าใจและช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรม ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสนำเสนอความคิดเห็น และออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนเป็นประจำ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าในการเรียนและประโยชน์จากการเรียนรู้ และจัดกิจกรรมกลุ่มส่งเสริมการทำงานร่วมกัน กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน ความรับผิดชอบในการส่งงาน และมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง

8) ร่วมกิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โดยทำหน้าที่เป็นครูผู้วางแผน (Model teacher) เป็นผู้ร่วมวางแผน (Buddy Teacher) และเป็นผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้

9) พัฒนาวิธีการจัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนในรายวิชาที่รับผิดชอบ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บข้อมูล และสรุปผลในรูปแบบกราฟ เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน

10) การจัดกิจกรรมประชุมผู้ปกครอง และการออกเยี่ยมบ้านในทุกภาคเรียนมีกลุ่มไลน์ครูประจำวิชา และครูที่ปรึกษา เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารและร่วมกัน เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน

11) เข้าร่วมการ อบรม เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะพื้นฐานของผู้เรียน พัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียนการพัฒนาทักษะการทำงานของผู้เรียน        การจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ  ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และการบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน

การตรวจสอบ (Check)

12) วัดและประเมินผล ด้วยวิธีการวัด เครื่องมือวัด และเกณฑ์ที่คาดหวัง ในการวัดและประเมินผล ตามสภาพจริงโดยใช้วิธีการ เครื่องมือและเกณฑ์ที่คาดหวังตามที่ได้ออกแบบไว้และรายงานผลสะท้อนกลับให้ผู้เรียนได้รู้และตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ และดำเนินการพัฒนาผู้เรียนที่ยังมีปัญหาการเรียนรู้ จนผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และบรรลุผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง

การปรับปรุง (Act)

                        13) นำผลการจัดการเรียนรู้มาศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น เพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ความสามารถในการเรียนรู้ และ      การบูรณาการทักษะการทำงานตามวัยและลักษณะของผู้เรียน ระหว่างเรียนและหลังเรียน ให้บรรลุผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง 

แผนภูมิแสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณ ภาคเรียนที่ 2/2567

รายวิชาวิทยาการคำนวณ ภาคเรียนที่ 2/2567 มีจำนวนผู้เรียน 304 คน มีค่าเฉลี่ยผลการเรียนตั้งแต่ 2.0 ขึ้นไป ร้อยละ 94.1