💖ผู้รับการประเมิน
💖ผู้รับการประเมิน
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
สอนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ 1
สอนรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1
ครูที่ปรึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
💖ภาคเรียนที่ 1/2568💖
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 12.4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- วิชาการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ ม.4 จำนวน 9.96 ชั่วโมง/สัปดาห์
- วิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1 จำนวน 3.32 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรม PLC จำนวน 4.15 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูที่ปรึกษาประจำชั้น ม. 6/1 จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เจ้าหน้าที่กลุ่มบริหารงานบุคคล จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน -ชั่วโมง/สัปดาห์
💖ภาคเรียนที่ 2/2567💖
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 12.4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- วิชาการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ ม.4 จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี จำนวน 1.6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรม SLC จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูที่ปรึกษาประจำชั้น ม. 5/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เจ้าหน้าที่ กลุ่มบริหารงานบุคคล จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน - ชั่วโมง/สัปดาห
❤️องค์ประกอบที่ 1 การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานตามมาตฐานตำแหน่ง
💓ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนรู้
❤️ด้านที่ 2 ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
❤️ด้านที่ 3 ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ตอนที่ 2 ระดับความสำเร็จในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
1) สภาพปัญหาของผู้เรียน (Learners’ Problem)
1.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านต่ำ (Low Reading Achievement)
จากข้อมูลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 1/2567 พบว่านักเรียนจำนวนมากมีผลคะแนนในวิชาการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ต่ำ โดยเฉพาะในทักษะการอ่านจับใจความ การตีความ และการวิเคราะห์ข้อมูล นักเรียนจำนวนไม่น้อยยังขาดความสามารถในการทำความเข้าใจเนื้อหาเชิงลึกและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการอ่าน แม้ว่าบางส่วนอาจมีความสามารถด้านการอ่านออกเสียงหรือคำศัพท์ แต่ยังคงขาดความเข้าใจในเนื้อหาที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
1.2) ขาดแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ (Lack of Motivation in Learning English)
การเรียนภาษาอังกฤษในมุมมองของนักเรียนบางกลุ่มยังถูกมองว่าเป็นเรื่องยากและไม่น่าสนใจ ปัจจัยนี้ส่งผลให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจต่ำ ไม่มุ่งมั่นพัฒนาตนเอง และมองไม่เห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษในชีวิต ประจำวัน นักเรียนบางส่วนยังมีทัศนคติในเชิงลบต่อภาษาอังกฤษ เนื่องจากประสบการณ์การเรียนที่ผ่านมาที่ไม่ประสบความสำเร็จ
1.3) ความแตกต่างในศักยภาพของผู้เรียน (Differences in Learners' Capabilities)
นักเรียนในชั้นเรียนเดียวกันมีพื้นฐานความรู้และศักยภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก บางคนมีความสามารถในการอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาได้ดี ในขณะที่บางคนยังคงมีปัญหาในการทำความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานความแตกต่างนี้ทำให้การจัดการเรียนรู้ในลักษณะเดียวกันสำหรับนักเรียนทั้งหมดไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้
1.4) การขาดการฝึกฝนที่เพียงพอ (Insufficient Practice)
ในสถานการณ์ปัจจุบัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดโอกาสในการฝึกฝนทักษะการอ่านอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย วิธีการเรียนรู้ในห้องเรียนส่วนใหญ่มักเน้นการสอนแบบบรรยาย ซึ่งให้ผู้เรียนมีบทบาทที่ค่อนข้างจำกัด
ขณะเดียวกัน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลและสื่อการเรียนรู้สำหรับการฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษยังคงเป็นปัญหาสำหรับนักเรียนในบางพื้นที่
2) สภาพการจัดการเรียนรู้ (Learning Management)
2.1) การสอนแบบดั้งเดิม (Traditional Teaching Methods)
แม้ว่าการสอนแบบดั้งเดิม เช่น การบรรยายหรือการให้ผู้เรียนอ่านเนื้อหาแล้วตอบคำถาม จะช่วยสร้างกรอบพื้นฐานบางอย่างสำหรับนักเรียน แต่ยังมีข้อจำกัดในแง่ของการกระตุ้นการเรียนรู้เชิงลึกและการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ วิธีการเหล่านี้ไม่ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบองค์รวม
2.2) ขาดการบูรณาการเทคโนโลยี (Lack of Technology Integration)
การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ยังคงเป็นสิ่งที่พบได้น้อยในหลายโรงเรียน แม้ว่าจะมีสื่อการเรียนรู้ออนไลน์และอุปกรณ์ที่ทันสมัย แต่การนำมาใช้ในกระบวนการสอนยังไม่แพร่หลายเพียงพอที่จะสร้างผลกระทบ เชิงบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
2.3) การประเมินผลไม่ครอบคลุม (Inadequate Assessment Coverage)
การประเมินผลที่ใช้ในปัจจุบันมักเน้นไปที่การสอบแบบเลือกตอบหรือการเขียนคำตอบที่จำกัด ทำให้นักเรียนขาดโอกาสในการแสดงความสามารถในการอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังไม่สามารถวัดผล การพัฒนาทักษะการอ่านในเชิงองค์รวมได้อย่างแท้จริง
2.4) ขาดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Lack of Interactive Learning)
การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันยังขาดการออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบกลุ่มหรือการทำงานร่วมกัน ผู้เรียนจำนวนมากจึงไม่ได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้จากเพื่อนหรือการแก้ไขปัญหาในลักษณะกลุ่ม
3) การจัดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ปัญหา (Learning Solutions)
Gpass 5steps เป็นขั้นตอนที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการทำความเข้าใจเชิงลึก (Critical Thinking) และการพัฒนาทักษะการอ่านในระดับต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ Goal, Purpose, Audience, Situation, and Strategy ซึ่งในที่นี้จะนำมาใช้ในการพัฒนาทักษะการอ่านโดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยในการจับใจความสำคัญของข้อความภาษาอังกฤษ
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
ขั้นตอนการออกแบบ
1. Goal (เป้าหมาย)
เป้าหมายการเรียนรู้:
• พัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนให้สามารถจับใจความสำคัญจากบทความภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
• นักเรียนจะสามารถเข้าใจและสรุปประเด็นหลักจากเนื้อหาภาษาอังกฤษได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยใช้ AI ช่วยในการตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะ
• เป้าหมายคือให้นักเรียนสามารถบรรลุคะแนนการจับใจความสำคัญในระดับ 80% ขึ้นไป
การใช้ AI เพื่อเสริมการตั้งเป้าหมาย:
• ใช้ AI tools เช่น GPT-3 หรือ Quillbot เพื่อช่วยสร้างคำแนะนำและตัวอย่างคำถามที่เกี่ยวข้องกับการจับใจความสำคัญจากเนื้อหาที่อ่าน เพื่อให้แนวทางการเรียนรู้มีความสอดคล้องและเฉพาะเจาะจง
2. Purpose (วัตถุประสงค์)
วัตถุประสงค์การเรียนรู้:
• ให้นักเรียนสามารถระบุประเด็นหลัก (Main Idea) และข้อมูลสำคัญในบทความภาษาอังกฤษ
• สามารถแยกแยะข้อมูลรองและข้อมูลสำคัญจากเนื้อหาที่อ่านได้
• ใช้ AI ในการตรวจสอบการสรุปและเสนอข้อเสนอแนะเพื่อให้การจับใจความสำคัญแม่นยำยิ่งขึ้น
การใช้ AI เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์:
• AI จะช่วยในขั้นตอนการอ่านโดยให้ข้อเสนอแนะในการสรุปเนื้อหาจากบทความ เช่น Socratic Method ที่ช่วยกระตุ้นการคิด วิเคราะห์ และสรุปประเด็นหลักในบทความ
• ใช้ AI ในการสร้างคำถามที่ทดสอบความเข้าใจ เช่น What is the main idea of this passage? หรือ Which point in the article supports the conclusion?
3. Audience (กลุ่มเป้าหมาย)
กลุ่มเป้าหมาย:
• นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ซึ่งมีระดับความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน
• นักเรียนที่มีปัญหาในการจับใจความสำคัญและการแยกแยะข้อมูลที่สำคัญในบทความ
• นักเรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะการอ่านและการวิเคราะห์ภาษาอังกฤษเชิงลึก
การใช้ AI เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย:
• ใช้ AI ในการปรับระดับความยากง่ายของบทความให้เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
• AI สามารถสร้างบทความที่มีระดับยากง่ายแตกต่างกันเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนในระดับที่เหมาะสม
4. Situation (สถานการณ์)
สถานการณ์การเรียนรู้:
• นักเรียนต้องอ่านบทความภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาซับซ้อนและสรุปใจความสำคัญ
• การใช้ AI เช่น GPT-3 เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถทบทวนเนื้อหาและประเมินความเข้าใจจากบทความที่อ่าน
• การทำแบบฝึกหัดออนไลน์ที่ AI สามารถตรวจสอบคำตอบและให้ข้อเสนอแนะทันที
• ใช้การเรียนรู้แบบ flipped classroom ที่นักเรียนเรียนรู้บทความที่บ้าน และนำมาประยุกต์ใช้ในห้องเรียน
การใช้ AI ในสถานการณ์เรียนรู้:
• AI จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำแบบฝึกหัดโดยอัตโนมัติ เช่น การให้คะแนนคำตอบจากนักเรียน การให้ฟีดแบคเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการจับใจความ
• AI สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อนักเรียนไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ เช่น การแนะนำบทความที่เข้าใจง่ายกว่าหรือคำแนะนำในการปรับปรุงการสรุปเนื้อหา
5. Strategy (กลยุทธ์)
กลยุทธ์ในการพัฒนาทักษะการอ่าน:
• การฝึกฝนกับบทความที่หลากหลาย: ให้เลือกบทความที่มีหลายประเภท เช่น ข่าว, บทความวิจัย, หรือบทความวิทยาศาสตร์ ที่มีเนื้อหาหลายมิติ เพื่อฝึกการจับใจความสำคัญในบริบทต่างๆ
• การใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างคำถาม: ใช้ AI ในการสร้างคำถามเพื่อทดสอบการเข้าใจเนื้อหา โดย AI จะสามารถปรับคำถามให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจของนักเรียน
• การใช้ AI เพื่อเสนอแนะในการพัฒนา: หลังจากนักเรียนทำแบบฝึกหัดเสร็จ AI จะให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาทักษะการจับใจความ เช่น การอธิบายสาเหตุที่การสรุปไม่ถูกต้องหรือการแนะนำวิธีการอ่านบทความให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้ AI ในกลยุทธ์:
• สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น การทำแบบฝึกหัดที่ต้องใช้การอ่านบทความเพื่อสรุปประเด็นหลัก โดยใช้ AI tools ที่ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของการสรุปประเด็นหลัก
• ใช้ AI-based adaptive learning ที่สามารถปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมตามความสามารถของนักเรียน (AI สามารถปรับให้กิจกรรมมีความท้าทายขึ้นตามการพัฒนา)
กระบวนการเรียนรู้แบบเต็มรูปแบบ
1. ขั้นตอนที่ 1: การตั้งเป้าหมายและวางแผนการเรียนรู้
o นักเรียนตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ในการจับใจความสำคัญ
o ใช้ AI เพื่อประเมินระดับความสามารถของนักเรียนและตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม
2. ขั้นตอนที่ 2: การอ่านบทความและสรุปประเด็นหลัก
o ให้นักเรียนอ่านบทความภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาซับซ้อน
o ใช้ AI ในการแนะนำและช่วยในการจับใจความสำคัญจากบทความ
3. ขั้นตอนที่ 3: การทำแบบฝึกหัดจับใจความสำคัญ
o นักเรียนทำแบบฝึกหัดทดสอบการจับใจความสำคัญจากบทความ
o AI ตรวจสอบคำตอบและให้ข้อเสนอแนะทันที
4. ขั้นตอนที่ 4: การทบทวนและปรับปรุง
o ใช้ฟีดแบคจาก AI เพื่อทบทวนการจับใจความสำคัญและปรับปรุงการเรียนรู้
o AI แนะนำวิธีการที่สามารถทำให้การจับใจความสำคัญมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ขั้นตอนที่ 5: การประเมินผลและติดตามความก้าวหน้า
o นักเรียนทำการทดสอบซ้ำเพื่อประเมินพัฒนาการ
o AI ติดตามความก้าวหน้าและให้คำแนะนำในการพัฒนาต่อไป
การใช้ Gpass5steps ร่วมกับ AI จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการฝึกฝนที่เป็นระบบและได้รับฟีดแบคที่มีคุณภาพ
จากวิธีการดำเนินการให้บรรลุผลดังกล่าวข้างต้นสามารถสรุปเป็นวงจร GPASS 5steps ได้ดังภาพ
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1
โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม ร้อยละ 70 ที่เรียน
ในรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1
โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม มีความสามารถใน
การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาผ่านการอ่าน
ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น พร้อมทั้งได้รับประสบการณ์
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพผ่านกระบวนการ
เรียนรู้ขั้นสูง แบบ GPASS5Steps และการใช้สื่อ
ที่ทันสมัย (AI)
💞ตอนที่ 2 ระดับความสำเร็จในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทาย
ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
✨องค์ประกอบที่ 2
การประเมินการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา
❤️องค์ประกอบที่ 3
การประเมินผลการปฏิบัติตนในการรักษาวินัยคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ