Writer || กรวรรณ ไพผดุง, Editor || กวินธร เสถียร
May 20, 2018
ต้นจูนิเปอร์ ความทรงจำต่อหน่วยแกรนิตเมาแท่น [Dana Hollister, 2018]
30 มิถุนายน 2018 เป็นวันครบรอบ 5 ปี ของไฟป่าแห่งภูเขายาแนล (Yarnell Hill Fire) ซึ่งอยู่ตอนกลางของรัฐแอริโซน่า (Arizona) ถือเป็นโศกนาฏกรรมจากไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา เพราะได้พรากชีวิตนักผจญเพลิงหน่วยแกรนิตเมาแท่น (Granite Mountain Hotshots) ไปกว่า 19 นาย มีเพียง 1 นายหนีรอดมาได้ [1]...แต่หากย้อนไปช่วงต้นเหตุการณ์ ยังมีอีกหนึ่งชีวิตรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนั้น และกลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำต่อวีรบุรุษของชาติ...“ต้นจูนิเปอร์“ (Juniper)
สนจูนิเปอร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ “Juniperus deppeana“ อยู่ในวงศ์ Cupressaceae สูงประมาณ 10-15 เมตร (ไม่เกิน 25 เมตร) กระจายตัวอยู่ตอนกลาง (เมือง Oaxaca) และตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก จนถึงตะวันตกเฉียงใต้ (แอริโซน่า นิวแม็กซิโก และตะวันตกของเท็กซัส), สหรัฐอเมริกา เติบโตได้ในภูมิประเทศตั้งแต่ 750–2,700 เมตร เปลือกไม้จะมีลักษณะโดนเด่นคือ แตกเป็นแผ่นๆ เห็นเป็นร่องลึกคล้ายหนังจระเข้ (ภาพขวา) จึงเรียกในอีกชื่อว่า “จูนิเปอร์เปลือกจระเข้“ (Alligator Juniper) ส่วนใบมีสีเทา-เขียว [2] จูนิเปอร์โบราณต้นนี้ มีเพื่อนร่วมสายพันธุ์ทั่วโลกกว่า 60 สายพันธุ์ กระจายตัวตั้งแต่เขตหนาวทางเหนือของอารค์ติค (Arctic) จนถึงเขตร้อนของทวีปแอฟริกา และจากเมืองเซียรัต (Ziarat) ปากีสถานจนถึงตะวันออกของทิเบต [3]
จูนิเปอร์เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืน โตช้า กิ่งมีความเหนียวจนสามารถหักและบิดงอได้ง่ายโดยไม่ฉีกหรือปริแตก จึงนิยมนำมาทำไม้ประดับตกแต่ง เป็นการจำลองไม้ใหญ่ในกระถางขนาดเล็ก กลายเป็นศิลปะประจำชาติแขนงหนึ่งของคนญี่ปุ่นเรียกว่า “บอนไซ“ (Bonsai) [4] และพืชตระกูลสน ก็เป็นที่นิยมนำมาดัดตกแต่งมากที่สุด จนถูกจัดให้เป็นราชาแห่งบอนไซ (King of Bonsai)
ต้นจูนิเปอร์อาจเป็นที่รู้จักของผู้คนที่ชื่นชอบเทพนิยายกริมม์เรื่อง The Juniper Tree ซึ่งมีเนื้อเรื่องระทึกขวัญ ทั้งเนื้อเพลงก็ชวนสยองที่ว่า “My mother has killed me My father eating me” ซึ่งมีความหมายว่า “แม่ฆ่าฉัน และพ่อก็กินฉัน”
สำหรับชาวเมืองเพรสคอตต์ (Prescott) ต้นจูนิเปอร์ (Juniper) ถูกจดจำในฐานะ “ไม้มรดก“ (Heritage Trees) ของเมือง จูนิเปอร์โบราณนี้เติบโตท่ามกลางภูเขาหินแกรนิต (Granite Moutain) [5] มานานหลายศตวรรษทางใต้ของเมือง เป็นสัญลักษณ์ของความอดทน ความแข็งแกร่ง และภูมิปัญญาอันเก่าแก่ จูนิเปอร์ยืนต้นอยู่เพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชมและเอาใจใส่ดูแล ทั้งอาจเป็นจูนิเปอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีเส้นรอบวงลำต้นมากกว่า 26 ฟุต มีอายุราว 1,800 ปี และได้รับเกียรติในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ (Arbor Day) (วันศุกร์สุดท้ายของเดือนเมษายน) ว่าเป็น 1 ใน 7 ต้นไม้ที่มีค่า (Magnificent 7 trees) ของรัฐแอริโซน่าในปี 2018 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเมืองเพรสคอตต์ (Prescott National Forest) [6]
วอลท์ แอนเดอร์สัน (Walt Anderson) [7] เล่าเรื่องราวความประทับใจต่อไม้ต้นนี้ผ่านเว็บ Geolobo ว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2014 ผู้คน 30 คน รวมตัวกันอยู่ห่างออกไปกว่า 10 ไมล์ เพื่อเดินทางไปยังไม้อันเป็นตำนาน เขาถูกขอให้เป็นผู้นำในการปีนเขาเพื่อระลึกต่อหน่วยแกรนิตเมาแท่น เมื่อมาถึงบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบสงัด ซากโครงต้นไม้ที่ไหม้เกรียมตัดกันกับต้นกล้าสีเขียวสดที่อยู่ตรงฐานต้นไม้ที่สภาพเคยเป็นต้นโอ๊คมาก่อน ขณะที่เวอร์บีน่า (verbenas) สีม่วงอ่อน ผลิดอกงามตัดกับพุ่มสีเขียว ธรรมชาติสอนให้รู้ว่า เมื่อมีผู้ชนะก็ย่อมมีผู้แพ้
เมื่อถึงที่หมายพิธีการเริ่มขึ้นโดย คอนนีร์ บาร์โรว (Connie Barlow) และ Michael Dowd (นักธรรมชาติวิทยาวิวัฒนาการและผู้เขียน Thank God for Evolution) พวกเขาต่างวาดชื่อของพืชพรรณใน United States ที่สูญพันธ์ไปเพราะน้ำมือของมนุษย์และชื่อของ hotshots ที่ล่วงลับไปลงบนการ์ดสองใบแล้วพวกเขาจึงเดินทีละคนไปที่ต้นไม้พร้อมกับอ่านชื่อบนการ์ดของพวกเขาอย่างตั้งใจ Michael เคาะลงไปที่กระดิ่งหลังชื่อแต่ละชื่อ พวกเขาต่างฟังและเศร้าหมองพร้อมกับจดจำมันเอาไว้
พิธีในครั้งนี้เป็นหนึ่งในพิธีที่มีพลังมากที่สุดพิธีหนึ่งที่วอลท์เคยประสบมา พวกเขาเข้าไปใกล้ลำต้นขนาดใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขาใหญ่ๆงอกมาตามด้านข้างที่มีขนาดไกลกว่าความสูงของต้น พวกเขาสัมผัสเปลือกขรุขระของมันและเห็นแผลเป็นของมันมากมาย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็โอบกอดลำต้นนั้นด้วยความรัก Joan Dukes กำลังระลึกถึงความทรงจำ เธอมาเยี่ยมชมต้นไม้แห่งนี้ครั้งแรกเมื่อ 40 ปีก่อน เวลา 40 ปีสำหรับมนุษย์นั้นมันสำคัญมากนัก แต่สำหรับช่วงอายุของต้นไม้ต้นนี้แล้ว 40 ปีนั้นผ่านไปแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น
ต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้ถูกโจมตีด้วยสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะผลเบอร์รี่ส่วนใหญ่ที่มาจากต้นนั้นถูกกินโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหรือนก หรือร่วงลงในที่ที่ไม่มีความหวังว่ามันจะงอกขึ้นมาหรืออยู่รอดในระยะยาว ไฟนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้และไม้ก็ทำให้ติดไฟได้ง่าย ต้นจูนิเปอร์ต้นนี้ที่ทำให้วอลท์ประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเป็นอย่างมาก ต้นจูนิเปอร์ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่รอดชีวิตหนึ่งในล้านเท่านั้น จะมีต้นไม้สักกี่ต้นกันที่อายุน้อยกว่าและพวกต้นกล้าที่อยู่ใกล้ๆต้นที่เป็นลูกหลานของมัน ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็จะตายลงและมรดกทางพันธุกรรมของมันจะอยู่ในลูกหลานของมัน ตราบใดที่สภาพอากาศยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก มรดกทางวัฒนธรรมของต้นจูนิเปอร์อันเก่าแก่ที่น่าประทับใจนี้ขึ้นอยู่กับพวกเรา พวกเราจำเป็นต้องถ่ายทอดเรื่องราวนี้ไปสู่คนรุ่นหลังหรือจะปล่อยให้มันหายไปเช่นเดียวกับต้นสนที่ผุลงพื้นดินและเรื่องราวของเหล่าผู้กล้า Granite Mountain Hotshots ก็ด้วย เรื่องราวของพวกเขาขึ้นอยู่กับพวกเรา ขอเราจงอย่าลืม”
แม้ต้นจูนิเปอร์ จะเป็นความทรงจำอันแสบเจ็บปวด แต่อีกด้านหนึ่งคือตำนานของวีรบุรุษ ที่ต้องจดจำและบอกเล่าไปอีกหลายชั่วอายุคน ไม่เฉพาะแต่ชาวเมืองเพรสคอตต์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงชาวอเมริกันทั่วประเทศ...
-- อุทิศแด่ นักผจญเพลิงหน่วยแกรนิตเมาแท่น --
|| อ้างอิง
[1] กวินธร เสถียร. (27 มีนาคม 2561). เปิดรายงานการสอบสวนไฟป่าแห่งยาแนล (Yarnell Hill Fire).
[2] Wikipedia. (May 2, 2018). Juniperus deppeana.
[3] Wikipedia. (May 14, 2018). Juniper.
[4] JNTO. (ม.ป.ป). บอนไซ ศิลปะการย่อส่วนต้นไม้ใหญ่.
[5] Walt Anderson. (June 21, 2013). Granite Mountain Ablaze. GEOLOBO.
[6] Joanna Dodder. (April 17, 2015). Hotshots tree earns Magnificent 7 honor. The Daily Courier.
[7] Walt Anderson. (July 1, 2014). The Hotshots&The Juniper. GEOLOBO.