by || กาญจน์ญาณ์ กุญชร ณ อยุธยา, Inerviewer || กวินธร เสถียร
Feb 26, 2016
บุกเบิกเส้นทางใหม่ในพื้นที่ป่ากับ พี่ศักดิ์ พี่ตั๋น พี่รักษ์ พี่โก๋ และ ไต่ (ซ้ายไปขวา), ภาพ: วิภาวรรณ งิ้วดี
ในภาคการศึกษา 2/2558 เป็นปีแรกที่นิสิตรหัส 55 สาขาพัฒนาสังคม จะเข้าฝึกสหกิจศึกษา (Co-operative Education) นิสิตทั้ง 117 คน จะเลือกหน่วยงานภายใต้คำแนะนำของที่ปรึกษาแต่ละท่าน และทั้งหมดจะอยู่ในการดูแลของ ผศ.อำนวย พิรุณสาร (อาจารย์ผู้รับผิดชอบสหกิจ) นิสิตส่วนใหญ่จะฝึกสหกิจในหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสากิจ หรือองค์กรเอกชน กระจายไปตามกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง เป็นต้น ในจำนวนนี้มีนิสิต 2 รายภายใต้การดูแลของผมลงสหกิจในพื้นที่สูงที่สุดและหนาวที่สุด เธอคือ “ไต่” กาญจน์ญาณ์ กุญชร ณ อยุธยา และ “ตา” วิภาวรรณ งิ้วดี สัมภาษณ์นี้ลองติดตามเรื่องราวของไต่กันครับ...
แนะนำตัวเล็กน้อยแล้วกัน ||
ชื่อ กาญจน์ญาณ์ กุญชร ณ อยุธยา หรือ ไต่ ค่ะ เป็นนิสิตชั้นปี 4 สาขาพัฒนาสังคม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เกิดที่กรุงเทพฯ แต่มาเติบโตที่นครสวรรค์ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนสตรีนครสวรรค์ เลือกสหกิจที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนน์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลา 4 เดือน (สิงหาคม-พฤศจิกายน 2558) ฝ่ายงาน สื่อความหมายธรรมชาติและนันทนาการ มีคุณจิระเดช บุญมาก เป็นหัวหน้าฝ่าย และคุณสุรีพร ผูกพันธ์ เป็นผู้ควบคุมสหกิจค่ะ
ทำไมเลือกสหกิจที่นี่ ||
เคยมีโอกาสไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์กับเพื่อนครั้งหนึ่ง ราวเดือนธันวาคมปี 2557 ตอนนั้นประทับใจมาก สภาพอากาศของอุทยานฯ เทียบกับพิษณุโลกหรือนครสวรรค์แล้วต่างกันมาก ที่นั่นอากาศดี สดชื่น เลยอยากลงสหกิจที่นี่ ตอนแรกตั้งเงื่อนไขว่า ขอให้เป็นที่ที่มีต้นไม้ร่มรื่น ไม่อยากรีบออกจากที่พักช่วงเช้าไปเจอรถติด คนแออัด หลังเสร็จงานแต่ละวันก็อยากใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ได้บ้าง ตอนนั้นเลยคุยกับ “ตา” เพื่อนสนิทว่า ลองโทรประสานยื่นเอกสารไว้ก่อนไหม จากนั้นจึงส่งเอกสารมาที่อุทยานฯ และพี่ที่นี่ก็ตอบรับค่ะ
อยากให้แนะนำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนน์ ||
ดอยอินทนนท์ ถือเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทย ความสูง 2,565 เมตร (รทก.) ครอบคลุม 4 อำเภอคือ จอมทอง แม่แจ่ม แม่วาง และดอยหล่อ พื้นที่ประมาณ 301,500 ไร่ ทั้งยังเที่ยวได้ตลอดทุกฤดูกาลเนื่องจากอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ราวๆ 5-6 องศา แหล่งท่องเที่ยวที่นิยมกันมากคือ ยอดดอย อ่างกา พระมหาธาตุฯ กิ่วแม่ปาน และน้ำตกวชิรธาร แต่ละแห่งจะมีความสวยงามแตกต่างกันไป
ยอดดอยอินทนนท์ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (ระยะทาง 300 เมตร) จะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ความพิเศษบริเวณอ่างกาคือพบระบบนิเวศป่าพรุ (Swamp Forest) หรือ "พรุน้ำจืดอ่างกาหลวง" ซึ่งโดยทั่วไปป่าพรุจะพบในพื้นที่ภาคใต้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน (ระยะทาง 3 กิโลเมตร) จุดเด่นของเส้นทางนี้คือกุหลาบพันปี และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่น่าเฝ้าชมอีกแห่งหนึ่ง ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมคือ ธันวาคม-มกราคม
น้ำตกวชิรธาร หรือชื่อเดิมคือ น้ำตกตาดฆ้องโยง มีความสูง 1 ชั้น ราวๆ 70 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นรุ้งพาดผ่านน้ำตกได้อย่างชัดเจน
งานที่รับผิดชอบมีอะไรบ้าง ||
งานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ชุมชนพบปะชาวบ้าน จัดกิจกรรมนอกพื้นที่ อย่างเมื่อวันที่ 2-4 ตุลาคม 2558 รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง พี่ฐาน จัดค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติให้แก่โรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพฯ ซึ่งกิจกรรมนี้จะมีส่วนช่วยสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแก่เยาวชน และถัดมาวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ได้รับมอบหมายให้จัดประชาคม ณ บ้านเมืองอาง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย โดยมีอัยการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ให้ความรู้และเปิดโอกาสให้ชาวบ้านซักถามข้อสงสัยทางกฎหมาย ทำให้ทราบถึงปัญหาของชาวบ้าน และการดำเนินการที่ขัดกับข้อกฎหมาย นอกจากนั้นการเข้าร่วมประชุมกับพี่ๆ ที่ทำงานทำให้ได้ความรู้ในส่วนงานวิชาการ รู้จักการแก้ปัญหา การจัดการงานอย่างเป็นระบบ ประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายช่วยให้เราได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น
ผืนนายามตะวันลับขอบฟ้า @บ้านป่าบงเปียง, ภาพ: กาญจน์ญาณ์
ประสบการณ์ที่ได้รับ ||
ประสบการณ์ที่ได้จากการไปสหกิจมีหลายด้าน เช่น การพูด การปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ การลงมือปฏิบัติจริงมากกว่าเรียนรู้จากหนังสือ ส่วนที่ได้ประสบการณ์มากที่สุดคือ การลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งจากที่เรียนในสาขาพัฒนาสังคม ก็มีกิจกรรมลงชุมชนอยู่แล้วในหลายรายวิชา แต่การลงพื้นที่อย่างเต็มตัว ไม่ใช่การฝึกจากภาคสนามนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะที่นี่ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง และชาวปกาเกอญอ สำหรับเขาเรากลับเป็นคนแปลกหน้า เราต้องเรียนรู้ สังเกต และหาวิธีต่างๆ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน อย่างครั้งที่เข้าไปเก็บข้อมูลงานวิจัยเรื่อง การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบเกษตรอินทรีย์ของชาวบ้านเมืองอาง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ การลงพื้นที่ครั้งแรกชาวบ้านส่วนใหญ่แทบไม่ยอมให้ข้อมูลเลย ทีมวิจัยจึงไปติดต่อกับ คุณวัชรินทร์ พจนบัณฑิต หรือพ่อหลวงแม็ก ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยประกาศแจ้งแก่ลูกบ้านในชุมชน และขออนุญาตเข้าศึกษาวิจัย เมื่อเข้าไปในพื้นที่บ่อยครั้งขึ้น ชาวบ้านเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ การเก็บข้อมูลจึงทำได้อย่างราบรื่น
ระหว่างเรียนในชั้นกับการลงสหกิจแตกต่างกันอย่างไร ||
ที่เห็นได้ชัดคือการปฏิบัติตัว ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย จะเจอกลุ่มเพื่อนในคณะ เราก็ปฏิบัติตัวง่ายๆ เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว แต่สังคมบนดอยมันแตกต่างไป เพราะเจอคนหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเป็นคนทำงาน กลุ่มเด็กและชาวบ้านที่เป็นคนในพื้นที่ บ่อยครั้งที่รู้สึกขัดๆ เขินๆ เวลาพบกับเขา โดยเฉพาะช่วงเดือนแรกซึ่งต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
เวลาเรียนบางครั้งถ้าอาจารย์สอนตรงไหนไม่เข้าใจ เราไม่ถามอาจารย์ก็อาจถามเพื่อนทีหลังได้ แต่ถ้าเป็นการทำงานเราปล่อยผ่านไม่ได้ ส่วนไหนไม่เข้าใจต้องถามเลย เพราะหากผิดพลาดไปก็อาจเสียหายได้ ที่สำคัญมากคือการตรงต่อเวลาและความรับผิดชอบ เวลาเรียนก็มีที่เข้าสายบ้าง ส่งงานไม่ตรงเวลาบ้าง อาจารย์บางท่านก็ยืดหยุ่นให้ แต่พอไปทำงานจริงๆ มันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะสังคมมันคนละแบบกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ต้องจริงจังมาก
หลังจากสหกิจเราเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรบ้าง ||
รู้สึกว่านิสัยของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งแรกค่ะ เดิมเป็นคนใจร้อน พูดจาโผงผาง ไม่ค่อยนึกถึงใจใคร แต่หลังกลับมารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อนคือ ใจเย็นลง พยายามคิดก่อนพูด มีหลายเรื่องที่คิดได้ แต่พูดไม่ได้ ต้องเก็บอารมณ์เก็บคำพูดบ้าง เมื่ออยู่ในสังคมการทำงานเราต้องมองเพื่อนร่วมงานเหมือนคนในครอบครัว ต้องถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่สองคือ การปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น ต้องสนใจคนรอบข้างไม่ใช่สนใจแต่ตัวเรา และสุดท้ายคือ การใช้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหามากกว่าใช้อารมณ์
|| มีคำแนะนำสำหรับน้องๆ ที่สนใจฝึกสหกิจที่นี่อย่างไร
สิ่งแรกเลยคือ การขวนขวายหาความรู้ให้แก่ตนเอง เพราะมันไม่เหมือนในห้องเรียนที่อาจารย์จะบอก ก ข ค ง แล้วเราท่องตาม การทำงานต้องเรียนรู้ ลงมือทำ และแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน สำหรับที่กินที่อยู่ค่อนข้างสะดวก เพราะมีร้านอาหาร มีที่พักสำหรับนิสิตฝึกงานหรือสหกิจ หากอยากจะเดินตลาด ดูหนัง ซื้อเสื้อผ้า กินอาหารอร่อยๆ ซึ่งมีแต่รายจ่ายเลิกคิดไปเลย เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่ป่ากับป่า ที่อาจเป็นปัญหาหน่อยคือ การเดินทาง เนื่องจากระยะทางจากเขตอุทยานฯ เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างไกล หากจะมาสหกิจและคิดกลับบ้านเสาร์ อาทิตย์ ที่นี่คงไม่ใช่ตัวเลือกของน้องๆ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณสุรีพร ผูกพันธ์ และคุณ ประทีป กิวัฒนา ที่ดูแลช่วยเหลือและให้คำแนะนำระหว่างสหกิจที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และขอบคุณครอบครัว “ไทยเจริญรัตน์” ที่เป็นกำลังใจในทุกๆ สถานการณ์อันยากลำบากให้ผ่านพ้นไปได้ ขอบคุณมากค่ะ
หมายเหตุ: อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 119 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่, 50160
โทรศัพท์ 053-286-728, โทรสาร 053-286-727