ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้กำหนดคุณภาพ ของผู้เรียนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ไว้ว่าจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระวิชาภาษาไทย มีทักษะกระบวนการ มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาไทย มีความตระหนักในคุณค่าของวิชาภาษาไทย และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผู้จัดทำข้อตกลงในฐานะที่เป็นครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในรายวิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ปฏิบัติการสอนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จากการศึกษาวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้งในระดับชั้นเรียน ระดับรายวิชา ระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดับสถานศึกษา และระดับชาติ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ โดยเฉพาะในสาระการเรียนรู้เรื่องการอ่านที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์/ค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้จากการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมายังพบว่าทักษะการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ ในภาพรวมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์/ค่าเป้าหมายที่กำหนด แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาการเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหาเรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ผู้จัดทำข้อตกลงได้พิจารณาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากนักเรียนขาดทักษะการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ ซึ่งหากปัญหาเช่นนี้หากไม่ได้รับการแก้ไขหรือพัฒนา จะก่อให้เกิดผลเสียต่อประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณภาพผู้เรียนไม่บรรลุเป้าหมายตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และค่าเป้าหมายในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่ได้กำหนดไว้
จากปัญหาข้างต้น ผู้จัดทำข้อตกลงได้ทำการศึกษาวิธีการแก้ปัญหาจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า การจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ โดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นแนวทางที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา คุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียนได้ เพื่อให้การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในรายวิชา ภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคุณภาพตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนนครสวรรค์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียน ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติหรือคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ รวมถึงสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามค่าเป้าหมายในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่ได้กำหนดไว้
ผู้จัดทำข้อตกลง จึงขอเสนอประเด็นท้าทายที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามระดับการปฏิบัติ ที่คาดหวังของตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ โดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
จากการที่ผู้จัดทำข้อตกลงได้เสนอประเด็นท้าทาย เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยวิธีการดำเนินการตามประเด็นท้าทายดังกล่าวให้บรรลุผลตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ผู้จัดทำข้อตกลงได้ดำเนินการตามกระบวนการคุณภาพ PDCA ดังนี้
ขั้นวิธีการดำเนินการระยะเวลา
Plan
1. สร้างและพัฒนาหลักสูตรรายวิชาโดยวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนนครสวรรค์เพื่อนำไปจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาการภาษาไทย2 และจัดทำหน่วยการเรียนรู้ อ่านไพเราะวิเคราะห์ความ เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาภาษาไทย 2 รหัสวิชา ท31102 ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา นักเรียนและท้องถิ่น
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามประเด็นท้าทาย ดังนี้
1) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
2) หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนนครสวรรค์
3) เอกสารความรู้และทฤษฎีเกี่ยวกับการอ่าน ทฤษฎีทางจิตวิทยา
4) เอกสารที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning
5) เทคนิควิธีการจัดกระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning
6) แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ
7) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
7.1) มันทนา อุตทอง (2560 : 51) ได้ศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้เทคนิคการสอน แบบActive Learning เพื่อความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียน บ้านเนินมะหาด จังหวัดจันทบุรีผลการวิจัยพบว่า นักเรียนความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านเนินมะหาด จังหวัดจันทบุรีด้วยการจัดการเรียนรู้โดย ประยุกต์ใช้เทคนิคการอ่านแบบ แบบActive Learning หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีเจตคติต่อการอ่านภาษาอังกฤษด้วยการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้เทคนิคการอ่านแบบActive Learning ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านเนินมะหาด จังหวัดจันทบุรีอยู่ในระดับมากที่สุด
7.2) ชลธิดา หงษ์เหม (2560 : 64) ได้ทำการวิจัยการพัฒนาความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบActive Learning ร่วมกับแผนที่ความคิด โดยเป็นการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการ จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอน แบบActive Learning ร่วมกับแผนที่ความคิด ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการ อ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลัง จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอน แบบActive Learning ร่วมกับ แผนที่ความคิดสูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความคิดเห็นของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบActive Learning ร่วมกับแผนที่ความคิด โดยภาพรวม อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก
7.3) สิริพร รัตนมุง (2559 : 52) ได้ศึกษาการพัฒนาความสามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยวิธีสอนแบบActive Learning โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนาความสามารถ การอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบActive Learning ผลการศึกษา พบว่า ความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยวิธีสอนแบบActive Learning หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบActive Learning โดย ภาพรวมอยู่ในระดับมาก
7.4) จิตวดี ทานะขันธ์. (2559 : 34) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจ การอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โดยการใช้วิธีการสอน แบบActive Learning และแบบปกติผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้(1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning มีผล การเรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning มีความพึงพอใจต่อวิธีการ จัดการเรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05
7.5) ธิดา บู่สามสาย (2559 : 54) ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ ด้วยเทคนิค การเรียนรู้แบบActive Learning โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการอ่านจับใจความ ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบActive Learning โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 2) ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อวิธีสอนแบบActive Learning โดยใช้ข้อมูล ท้องถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
7.6) จรรยา ศรีบัวหลวง (2558 : 54) ได้ศึกษาการศึกษาความสามารถในการอ่านเชิง วิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning ร่วมกับแผนผังความคิด ผลการศึกษา พบว่า 1) ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning ร่วมกับแผนผังความคิด ก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 13.87 คิดเป็นร้อยละ 46.24 หลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 25.68 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 85.59 ค่าความก้าวหน้า 11.81 คิดเป็นร้อยละ 39.35 2) ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากการจัดการเรียนรู้ แบบActive Learning ร่วมกับแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากการจัดการเรียนรู้แบบActive Learning ร่วมกับแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
7.7) กานต์ธิดา แก้วกาม (2557 : 54) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบActive Learning กับวิธีสอนแบบปกติผลการวิจัย พบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการ จัดการเรียนรู้โดยวิธีสอน แบบActive Learning สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผลสัมฤทธิ์การอ่านจับ ใจความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอน แบบActive Learning หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) นักเรียนมีความคิดเห็น ต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบActive Learning ระดับมาก
3. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้รายคาบ ตลอดจนสร้าง/พัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ และสร้าง/พัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลเพื่อการแก้ไขปัญหาการอ่าน เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102
4. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องเชิงเนื้อหาและจุดประสงค์ การเรียนรู้ ในด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรม และเครื่องมือการวัดและประเมินผล พร้อมทั้งนำข้อเสนอแนะจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาพัฒนาและปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้
Do
5. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ ในรายวิชาภาษาไทย2 ดำเนินการแก้ไขปัญหาการอ่าน เรื่องการอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ โดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาภาษาไทย 2 รหัสวิชา ท31102 ในรูปแบบ Onsite โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับผลที่ได้จากการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตลอดจนบริบทของโรงเรียนและเปิดชั้นเรียนให้สมาชิกในกลุ่ม PLC ได้เข้าร่วมสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันแล้วสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ของครู
Check
6. วัดและประเมินผลการเรียนรู้หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ โดยจัดทำสารสนเทศข้อมูล ให้ข้อมูลสะท้อนกลับ เพื่อให้นักเรียนปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเองให้นักเรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
Act
7. บันทึกผลการเรียนรู้ สรุปผลการวัดและประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน นำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้และพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ในภาคเรียน/ปีการศึกษาต่อไป
8. รายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 246 คน ที่เรียน วิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ได้รับการแก้ไขปัญหาเรื่อง การอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับ 3 ร้อยละ 80 ขึ้นไป
2. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 ห้อง ได้รับการแก้ไขปัญหาเรื่อง การอ่านแปลความ ตีความ ขยายความ โดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับ 3 ร้อยละ 80 ขึ้นไป
1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 246 คน
ที่เรียนวิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ได้รับการแก้ไขปัญหาเรื่อง การอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning มีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจำวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนะที่สำคัญตามหลักสูตรสูงขึ้น
2 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 246 คนที่เรียนวิชาภาษาไทย2 รหัสวิชา ท31102 ได้รับการแก้ไขปัญหาเรื่อง การอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning
3 ได้แนวทางในการแก้ปัญหาเรื่อง การอ่านแปลความ ตีความ ขยายความโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน 5 STEP ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Active Learning ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาภาษาไทย2 ท31102 ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดมีแรงบันดาลใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู อยู่ในระดับมากขึ้นไป
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย ตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป