ใครบ้างที่ต้องยื่นโครงร่างการวิจัยต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน ?
Research Protocol Status Check
ใครบ้างที่ต้องยื่นโครงร่างการวิจัยต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน ?
บุคลากรของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล และ บุคคลภายนอกคณะแพทย์ฯ
ที่ดําเนินการวิจัยหรือเก็บข้อมูลในคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล
อ้างอิงตามประกาศ การทำวิจัยหรือเข้าเก็บข้อมูลในคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล พ.ศ. 2553
ก่อนเริ่มดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยไม่สามารถเริ่มดำเนินการวิจัย ก่อนที่ได้รับเอกสารการรับรองจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย
ลงทะเบียนงานวิจัยแบบทดลองทางคลินิกให้แล้วเสร็จ ก่อนเริ่มงานวิจัยทางคลินิก (Clinical Trial)
ผู้วิจัยทุกคนต้องมีหลักฐานการอบรม HRP กรณีเป็นงานวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก (Clinical trial) ต้องมีหลักฐานการอบรมทั้ง HRP และ GCP (กำหนดให้ใบรับรองมีอายุ 3 ปี)
งานวิจัยที่ไม่ได้ทำในมนุษย์ หรือ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการยกเว้นการพิจารณา จะต้องส่งเอกสารมาเพื่อขอใบรับรอง Certificate of Exemption: COE
การรายงานความก้าวหน้า ภายหลังได้รับการรับรอง
การดำเนินการวิจัย ต้องดำเนินการวิจัยตามที่กำหนดในโครงร่างการวิจัย โดยใช้เอกสารผ่านการอนุมัติที่มีตราประทับการอนุมัติของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนเท่านั้น
การต่ออายุการรับรอง (Renewal) ต้องต่ออายุล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนหมดอายุ
การขอปรับเปลี่ยนโครงการวิจัย (Amendment) ต้องยังไม่ได้ปิดโครงการวิจัย/ submit to journal/ การประชุมวิชาการ
การแจ้งเพื่อทราบเปลี่ยนชื่อโครงการ (Rename) ต้องไม่ได้ทำการแก้ไขเนื้อหาใด ๆ ของโครงการวิจัยที่ได้ผ่านการรับรองแล้ว และ เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้รับการตีพิมพ์
การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์รุนแรง (Serious adverse events) ต้องแจ้งรายงานความปลอดภัยภายใน 7 วันปฏิทิน และหากอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงนั้น เป็นเหตุให้อาสาสมัครถึงแก่ชีวิต ต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากผู้วิจัยทราบเหตุการณ์
การรายงานการเบี่ยงเบน (Deviation) ต้องรายงานภายใน 7 วันทำการหลังจากที่ตรวจพบ
การปิดโครงการวิจัย (Final Report) ให้ดำเนินงานภายหลังจากการตีพิมพ์เสร็จสิ้น ถ้าปิดโครงการแล้วจะไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้อีก
การเผยแพร่ผลงานและระบุภาระงานในเอกสารประกอบการยื่นขอตำแหน่ง
ชื่อผู้นิพนธ์ในผลงานที่ตีพิมพ์ต้องตรงกับใบ COA หรือ COE
ภาระงานที่ระบุในเอกสารงานวิจัยต้องตรงกับที่ระบุในผลงานที่ตีพิมพ์
อาจารย์ที่ปรึกษาสามารถนำผลงานวิจัยที่ควบคุมแพทย์ประจำบ้าน/แพทย์ประจำบ้านอนุสาขาไปใช้ยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการได้ โดยที่แพทย์ประจำบ้านฯ ควรมีชื่ออยู่ในลำดับแรก ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษามีรายชื่ออยู่ในลำดับถัดไป (ทำหน้าที่ corresponding author หรือ essentially intellectual contributor)
ในกรณีที่แพทย์ประจำบ้านฯ ไม่ได้ตีพิมพ์ผลงาน และอาจารย์ได้ทำการศึกษาต่อหรือดำเนินการเพิ่มเติมอย่างมีความสำคัญ อาจารย์อาจเป็นชื่อแรกได้โดยยังคงมีชื่อแพทย์ประจำบ้านฯ อยู่ และควรยื่นหลักฐานประกอบการดำเนินการเพิ่มเติมมาประกอบการยื่นขอตำแหน่ง