ที่ตั้ง อบต.หลังเก่า บ้านไค้นุ่น หมู่ที่ 2
ต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์
“กศน.ตำบลไค้นุ่น ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างต่อเนื่อง ให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับการเรียนรู้ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างทั่วถึง
๑.จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มีคุณภาพและบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง
๒. จัดและส่งเสริมการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำเพื่อพัฒนาสมรรถนะของประชาชนและชุมชนให้สามารถสร้างรายได้ สร้างสรรค์และแข่งขันด้านอาชีพได้อย่างยั่งยืน
๓. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ
๔. พัฒนาและส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพต่อการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ
๕. พัฒนาบุคลากรและระบบการบริหารจัดการให้สามารถดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในอดีตกาลมี ๓ พรานเดินทางมาล่าเนื้อซึ่งแต่ละคนนั้นเดินทางมาจากคนละจังหวัดโดยมิได้นัดหมายนายพรานทั้ง ๓ คนนั้นได้แก่ พรานไหล มาจากไค้นุ่นเวียงจันทร์ พรานเดชมาจากอุบลราชธานี และพรานราชมุม มาจากหนองน้ำขุ่นเมืองยโสธร เมื่อทั้ง ๓ ได้พูดคุยกันจึงมีความเห็นตรงกันว่าพื้นที่นี้เหมาะแก่การตั้งบ้านเรือนเนื่องจากเป็นที่ลุ่มอุดมสมบูรณ์จึงพากันกลับไปอพยพลูกหลานมาตั้งเป็นหมู่บ้าน โดยใช้ชื่อว่า บ้านไค้นุ่นหรือบ้านหนองไค้นุ่น เพราะว่ามีต้นไค้นุ่นเกิดเรียงรายอยู่มากมาย และตั้งให้พรานลาดมุม เป็นผู้นำหมู่บ้านอยู่ต่อมามีพระสงฆ์ ๑ รูป ชื่อหลวงปู่ศรีธรรม เดินทางมาจากไค้นุ่นเวียงจันทร์ มาเยี่ยมลูกหลานที่อพยพมาอยู่ที่บ้านไค้นุ่น
ซึ่งต่อมาท่านก็ได้ร่วมกับชาวบ้านลูกหลานสร้างวัดขึ้น ชื่อวัดไค้นุ่น ปัจจุบันคือ วัดปิยะมงคล โดยที่ชาวบ้านได้ขอให้หลวงปู่ศรีธรรมเป็นเจ้าอาวาส หลายปีต่อมาบ้านไค้นุ่นมีผู้นำหมู่บ้านคนใหม่ชื่อผู้ใหญ่โสมท่านได้แยกหมู่บ้านออกเป็น ๒ คุ้ม คือ คุ้มไค้นุ่นเก่าและคุ้มไค้นุ่นคำไฮ เมื่อหมู่บ้านเจริญขึ้นทางราชการจึงยกฐานะให้หมู่บ้านไค้นุ่นเป็นตำบลไค้นุ่น ขึ้นตรงต่อเมืองภูแล่นช้าง จังหวัดมหาสารคามซึ่งขณะนั้นตำบลไค้นุ่นมีนายธรรมกษร เป็นกำนันคนแรกอยู่ต่อมาเมืองภูแล่นช้างถูกลดฐานะเป็นตำบลเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าหัวเมืองตำบลไค้นุ่นจึงถูกลดฐานะให้เป็นหมู่บ้านตามเดิมซึ่งในระหว่างนี้มีผู้ใหญ่บุญมาเป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นกับตำบลภูแล่นช้าง ซึ่งมี นายขุนคต สนาวัน เป็นกำนัน ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๕๕ บ้านไค้นุ่นได้มีผู้นำคนใหม่คือผู้ใหญ่วรจักร์ มองเพชร ท่านได้พาชาวบ้านจากคุ้มไค้นุ่นคำไฮ กลับเข้ามารวมกับคุ้มไค้นุ่นเก่า เนื่องจากชาวบ้านล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้บ้านไค้นุ่นมีเพียงคุ้มเดียวและท่านได้ไปขอแบ่งหลักบ้านจากเมืองภูแล่นช้างมาไว้สักการะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจโดยนำมาไว้ที่ต้นขามใหญ่ที่ดินของพ่อใหญ่สิงห์ ระบาเลิศ ต่อมาได้ย้ายไปไว้ที่ดอนเจ้าปู่จนถึงปัจจุบันเจ้าปู่ไค้นุ่นคือท่านอุปราดจนเมื่อทางราชการให้ตัดถนนจากอำเภอสมเด็จผ่านบ้านไค้นุ่นไปยังอำเภอกุฉินารายณ์ ชาวบ้านจึงย้ายบ้านเรือนออกมาตามแนวถนนและแยกเป็นคุ้มๆได้แก่คุ้มโนนจันทร์ปัจจุบันคือ บ้านไค้นุ่น หมู่ ๒คุ้มกากซาก (ปัจจุบันคือ บ้านไค้นุ่น หมู่ ๑๑) คุ้มโนนขี้แร้ง (ปัจจุบันคือ คุ้มโรงเรียนและ อบต.เก่า) คุ้มโสกโนนขาวและต้นทุ่ม (ปัจจุบันคือบ้านไค้นุ่นหมู่ ๘) โดยมีคุ้มไค้นุ่นเก่า (ปัจจุบันคือ บ้านไค้นุ่น หมู่ ๒ , ๑๒) เป็นศูนย์รวม
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ผู้ใหญ่วรจักร์ มองเพชร ได้เล็งเห็นความสำคัญด้านการศึกษาจึงร่วมกับชาวบ้านได้ก่อตั้งโรงเรียนขึ้น โดยมีนายประเวก อุธรขันธ์ นายอำเภอกุฉินารายณ์คนแรก เดินทางมาเป็นประธานเปิดและตั้งชื่อให้ว่าโรงเรียนไค้นุ่นวิทยาพูนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาโดยมอบหมายให้นาแว่น มองเพชร ซึ่งเป็นอดีตเสมียนตราจังหวัดร้อยเอ็ด/มหาสารคาม และเป็นบุตรของผู้ใหญ่วรจักร์ ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่และครูผู้สอนคนแรกในโรงเรียน และให้นายบุ พลนาดี เป็นนักการภารโรง จนต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ ครูใหญ่แว่น ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างวัดเล็กๆ ขึ้นในที่ดินว่างเปล่าซึ่งตรงข้ามกับโรงเรียนไค้นุ่นวิทยาพูน ชื่อวัดประจำไค้นุ่นใต้ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ นายสมคิด ภูมิหวา ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๑ และได้รับเลือกตั้งเป็นกำนันตำบลไค้นุ่นในปีเดียวกันซึ่งในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนั้นกำนันสมคิด ภูมิหวา ได้ร่วมกับชาวบ้านบูรณะซ่อมแซมหอประชุมหมู่บ้าน สร้างรั้วและพัฒนาปรับปรุงดอนเจ้าปู่ไค้นุ่นร่วมกับชาวบ้าน สร้างเมรุที่วัดป่ามุจรินทร์ รวมทั้งสร้างเสริมสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์มากมาย จนเป็นที่ประจักษ์ ปัจจุบันชุมชนของชาวบ้านไค้นุ่น ได้แยกกระจายอยู่ในพื้นที่รวม ๑๓ หมู่บ้าน จนได้รับการจัดตั้งเป็นตำบลไค้นุ่นในอำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์
ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศกำหนดยกฐานะให้สภาตำบลไค้นุ่น เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลไค้นุ่น ในที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๓๙ และมีผลได้รับการยกฐานะเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๐