“บุญคูนลาน” สืบสานตามแนวฮีตสิบสองคลองสิบสี่
อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
“บุญคูนลาน” เป็นจารีตประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษของประชาชนชาวอีสาน โดยปฏิบัติกันมาตามแนวฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ เป็นการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยและเป็นการทำบุญเพื่อความกตัญญูแก่พระแม่โพสพ ที่ได้ประทานความอุดมสมบูรณ์ในการทำนากับชาวนาทั้งปวง
ชาวนาเมื่อทำนาเสร็จในฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว ก่อนที่จะขนข้าวขึ้นยุ้งฉาง มักจะทำบุญให้ทานเสียก่อน ความเชื่อมั่นในอานิสงส์ของการทำบุญคูณลาน เล่าไว้ในพระธรรมบทว่า เมื่อครั้งศาสนาของพระกิสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชาวพี่น้องสองคนทำนาในที่แห่งเดียวกัน เวลาข้าวเป็นน้ำนม น้องชวนพี่ ทำข้าวมธุปายาส ถวายแด่ พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ส่วนพี่ชายนั้นไม่ยอมทำ จึงตกลงแบ่งที่นากันคนละส่วน ครั้นน้องชายแบ่งที่นาเป็นสัดส่วนของตนแล้ว หมั่นถวายทานด้วยข้าว ที่ตนเองปลูกด้วยความพอใจ นับได้ที่ 9 ครั้ง คือ เมื่อข้าวเป็นน้ำนม เมื่อข้าวเป็นข้าวเม่า เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เมื่อถึงเวลาจักตอกมัดข้าว เมื่อถึงเวลามัดฟ่อน เมื่อข้าวกองอยู่ในลาน เมื่อเวลาทำลอมข้าว เมื่อถึงเวลาฟาดข้าว เมื่อเวลาเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งอานิสงส์ของการทำบุญนี้ ทำให้สำเร็จมรรคผล ชาวนาทั้งหลายเมื่อได้ทราบอานิสงส์เช่นนี้ จึงนิยมทำบุญโดยการให้ทานข้าวในนาเป็นประเพณีสืบมา
สำหรับพิธีทำบุญคูณลาน ก่อนที่ชาวอีสานจะทำบุญคูณลาน บรรพบุรุษได้ผูกกลอนชาวบ้านสอนให้เตรียมการทำบุญไว้ว่า “ เมื่อถึงฤดูเดือนยี่มาฮอดแล้ว ให้นิมนต์พระสงฆ์องคเจ้ามาตั้งสวดมุงบุญ เอาบุญคูณข้าวเข้าป่าหาไม้เห็ดหลัว อย่าได้หลงลืมทิ่มฮีตเก่า คองเดิทเฮาเดอ” หมายความว่า เมื่อฤดูเดือนยี่มาถึง ให้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดมงคลทำบุญคูณข้าว ให้ไปเก็บไม้ในป่า มาไว้ทำเชื้อเพลิง อย่างได้ละเลยต่อประเพณีดั้งเดิมของเรา
การเตรียมงานบุญคูณลาน ที่บรรพบุรุษกล่าวไว้คือ ให้จัดหาไม้มาไว้ทำฟืน สำหรับไว้ในการหุงต้มประกอบอาหารและใช้ก่อไฟผิงให้ความอบอุ่น ประมาณการใช้ฟืนในเดือนยี่ จะมากกว่าในฤดูอื่นๆ เพราะเดือนยี่เป็นเดือนที่หนาวมาก ประกอบกับมีภารกิจที่จะต้องเก็บเกี่ยวนวดข้าว ให้เสร็จทันฤดู ไม่มีเวลาว่างไปเก็บไม้มาทำฟืนตามสะดวกได้ จึงต้องเตรียมหาฟืนมาเก็บไว้ให้มากพอที่จะใช้ได้ตลอดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อชาวนาไม่แบกภาระหลายอย่าง ซึ่งเป็นงานบุญของคนทั้งหมู่บ้านมาร่วมกันทำ ทั้งนี้ การทำบุญคูณลานั้น ต่างคนต่างทำไม่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับการนวดข้าวของชาวนาแต่ละคนว่าจะนวดเสร็จเมื่อไหร่ และจะขนข้าวขึ้นยุ้งขึ้นเล้าวันไหน วันที่ขนข้าวขึ้นยุ้งนั่นแหละ คือ วันทำบุญคูณลาน
ก่อนที่จะขนข้าวขึ้นยุ้ง เจ้าภาพก็จะบอกบุญไปยังญาติพี่น้องให้มาร่วมฟังสวดมนต์เย็น ก่อนที่จะถึงงานบุญหนึ่งวัน การสวดมนต์เย็นในวันนั้น จะนิมนต์พระมาอย่างน้อย 5 รูป มาสวดมนต์เย็นที่ลานนวดข้าว โดยเจ้าภาพจะวางสายสิญจน์รอบๆ กองข้าวที่เป็นผลผลิตในปีนั้น โยงด้วยสายสิญจน์ ไปยังพระพุทธรูป หลังจากพระสวดมนต์เย็นแล้ว จะมีการฟังเทศน์ 1 กัณฑ์ ตอนกลางคืนหนุ่มสาวจะมาช่วยกันเตรียมอาหาร สำหรับเลี้ยงพระและเลี้ยงแขก ที่จะมาช่วยขนข้าวขึ้นยุ้ง และในงานก็จะมีการละเล่นพื้นเมืองระหว่างหนุ่มสาว ส่วนผู้สูงอายุก็จะตระเตรียมหมาก พลู บุหรี่ ไว้ถวายพระและที่สำคัญ ที่สุดคือ จัดเตรียมพานบายศรี เพื่อทำพิธีสู่ขวัญข้าว
ในตอนเช้าของวันขนข้าวขึ้นยุ้ง เจ้าภาพจะทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์แก่เจ้าภาพ น้ำมนต์ที่เหลือเจ้าภาพจะนำไปรดที่นา เพื่อให้ข้าวกล้างอกงาม ทำนาได้ผลทวีคูณสูงขึ้นเรื่อยไป นอกจากจะรดน้ำมนต์ที่นาแล้ว เจ้าภาพจะนำไปรดโคกระบือให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วย หลังจากนั้นจะเป็นการบายศรีสู่ขวัญข้าว เพื่อขอความเป็นสิริมงคลแก่ข้าวในนาในเล้าของตน ดังปรากฏในคำเรียกขวัญข้าวท่อนสุดท้ายว่า “มาเยอขวัญเอย มาอยู่เล้าเฝ้าชะนองเพียง เพิ่นตักเจ้าไปตำ อย่าหักสักกะลั่นเจ้าอย่าฟัง เทใส่ด้งเจ้าอย่าฟ้งหนี ให้เจ้าดึงกลับมา คือจั่งพันสาดให้เจ้ากลาดกันมา คือกล้าสาวหนุ่ม ให้เจ้าต้อนกันมาเหมือนต่อนเงินเลียง เม็ดหนึ่งหักไปทางทุกค่ำเช้าเหลือหลาย เม็ดหนึ่งหักไปซื้อถวายตัวเขาซ้องเม็ดหนึ่งตัดไปซื้อฆ้องแก้วลำ เม็ดหนึ่งตักไปซื้อคำเก้าหมื่น เม็ดหนึ่งตักไปซื้อเข่าได้เก้าหมื่นนาเยีย เม็ดหนึ่งตักไปสู่เมียได้เมียมาอยู่เฮือน ขายเข่าเม็ดหนึ่งตักไปซื้อผู้เฒ่าให้มาเล่าขายของมาเยอขวัญเอย เพิ่นตักใส่ด้งอย่าได้บินหนีให้เจ้ามาเลี้ยงชีวีอินทรีย์ทั่วโลกบริโภคเลี้ยงพระพุทธศาสนา ทุกค่ำเช้าตราบต่อเท่าห้าพันพระวัสสาก็ข้าเอย”
การทำบุญคูณลาน นอกจากจะกระทำเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ข้าวกล้าในนาแล้ว ยังมีการลงแขกช่วยกันขนข้าวขึ้นยุ้ง หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญข้าว เจ้าภาพก็จะเลี้ยงอาหารแขกที่มาร่วมงาน รับประธานอาหารเสร็จ ผู้ที่มาร่วมงานจะช่วยกันขนข้าวขึ้นยุ้งจนเสร็จ จึงจะกลับบ้าน นับว่า การทำบุญคูณลาน ได้ส่งเสริมความสามัคคีปรองดองมีน้ำใจต่อกันในหมู่บ้านและ ชุมชน ได้เป็นอย่างดี...
ประเพณี“บุญคูนลาน” เป็นฮีตที่สองหรือบุญเดือนยี่ ที่ชาวอำเภอลืออำนาจถือปฏิบัติและสืบสานจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทย และเป็นการทำบุญเพื่อแสดงความกตัญญูแด่พระแม่โพสพ ซึ่งชาวอำเภอลืออำนาจมีอาชีพส่วนใหญ่ คือการทำการเกษตรการปลูกข้าว โดยภายในงานจัดให้มีขบวนแห่พระแม่โพสพ วิถีชาวนา พิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ พิธีบายศรีสู่ขวัญกุ้มข้าวใหญ่ การประกวดกิจกรรมทางวัฒนธรรม การประกวดพานบายศรี 7 ชั้น การประกวดขับร้องสรภัญญะทำนองพื้นบ้าน การประกวดรำวงมาตรฐาน การแข่งขันหุ่นฟางข้าว การแข่งขันว่าวสะนู การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเสียงใสไมค์คูนลาน การประกวดขบวนแห่บุญคูนลาน การประกวดธิดาบุญคูนลาน และการจัดนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การแสดงวิถีชีวิตชุมชน ภายในบ้านจำลองจากองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลต่างๆ และการแสดงมหรสพให้ชมตลอดทั้งคืน
ตําแหนงที่ตั้ง : “บุญคูนลาน” สืบสานตามแนวฮีตสิบสองคลองสิบสี่ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ.
การเดินทาง : ใชเสนทางถนนสายอำนาจเจริญ-อุบลราชธานี ออกจากจังหวัดอำนาจเจริญมาประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะถึงอำเภอลืออำนาจ
ขอมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นายทรงกรต โมระศากย์
ภาพถาย/ภาพประกอบ โดย นายทรงกรต โมระศากย์
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.banmuang.co.th/news/region/267475