โบราณสถานเสมาพันปี
เสมาพันปีแหล่งโบราณสถาน ตั้งอยู่บ้านเปือยหัวดง ตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเสมาสมัยทวาราวดี สร้างจากหินทรายขาวอายุประมาณ 1,000 ปี ราว พ.ศ. 1,200-1,300 ศิลปะขอมแบบไพรกเมง ลักษณะ เป็นเสมารูปเสมาทำจากหินทราย นับว่า เป็นสิ่งยืนยันว่า พุทธศาสนา ในอดีตเคยรุ่งเรืองอย่างไรและเป็นสิ่งล้ำค่าที่บรรพบุรุษในอดีตทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อที่อนุชนรุ่นหลังจะได้ใช้เป็นแนวทางศึกษา ด้วยความภาคภูมิใจ
อำเภอลืออำนาจ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอำนาจเจริญทางทิศใต้ (อำนาจเจริญ- อุบลราชธานี) ประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงสามแยกไฟแดงในอำเภอลืออำนาจเจริญเลี้ยวซ้ายถนนสายลืออำนาจ – พนา เข้าไปประมาณ 3กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านเปือยหัวดง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง เสมาพันปี
สำหรับแหล่งโบราณสถานเสมาพันปี สมัยก่อนบริเวณนี้ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เชื่อกันว่า เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าดอนปู่ตา คนในพื้นที่จะเกรงกลัว เมื่อเข้าถึงฤดูการก่อนทำนา ชาวบ้านจะเข้าไปกราบไหว้ บนบานพระพุทธที่ประดิษฐาน ณ ดอนปู่ตา เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูการ ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ ชาวตำบลเปือย รักสงบ เข้าวัดฟังธรรม จึงเป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ทางอำเภอยกให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบ และนับว่าเป็นตำบลเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งเสมาพันปีที่อยู่ในหมู่บ้านจะเป็นสิ่งยืนยันได้ดีที่สุด ทั้งนี้ เสมาพันปีที่หมู่บ้านมีด้วยกัน 3 แห่ง โดยอยู่ในดอนปู่ตา เนื้อที่ 200 ไรทั้งหมด แต่ปัจจุบันถูกชาวบ้านบางคนเข้าไปบุกรุกจนเหลือเนื้อที่เพียง 50 ไร่
โดยแหล่งที่ 1. เป็นกลุ่มเสมาในเขตวัดโพธิ์ เป็นเสมาแบบศิลา จำนวน 50 ใบ และเนินศาลาสถานที่ กลุ่มเสมาทรายปักอยู่ ชาวบ้าน เรียกว่า “ลานเสมา” แต่ละใบ มีการสลักเป็นรูปหม้อน้ำและคล้ายคลึงกันลวดลายเสากลม ที่ประดับกรอบประตูสมัยก่อนเมืองพระนคร ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 หรือ 1,400 ปีมาแล้ว สมัยทวาราวดี ศิลปะขอมแบบไพรกเมง พบเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2532
แหล่งที่ 2. เป็นกลุ่มเสมาวัดบ้านไร่ นับว่าเป็นกลุ่มเสมาที่มีความหนาแน่นมากที่สุด มีจำนวนถึง 74 ใบ เป็นกลุ่มเสมาที่ทำด้วยศิลาแลง ไม่มีการสลักลวดลายและมีการสลักฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มีสันนูนคล้ายยอดสถูปอยู่ตรงกลาง
แหล่งที่ 3. เป็นกลุ่มเสมาหลังโรงเรียนเปือย –หัวดง เป็นเสมาที่ทำด้วยหินทราย ลักษณะใบเสมาเรียบ ไม่มีลวดลาย แต่ตรงกลางเป็นที่เรียวไปถึงยอด แต่ละใบจะมีการแกะสลักเป็นรูปนกแก้ว จึงเรียกว่า “ลานนกแก้ว”มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 – 17
นอกจากนี้ ยังมีพุทธรูปปางสมาธิเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี สมัยทราวดี ประดิษฐานอยู่ ในสมัยก่อนหากปีไหนฝนแล้ง ชาวบ้านจะมาทำพิธีขอฝนจากท่าน บางคนก็มาขอให้ช่วยในด้านต่างๆ เป็นที่เคารพนับถือมาก ปัจจุบันก็ยังมีผู้เข้าไปสักการะทุกวัน แต่เป็นที่น่าเสียดายมีคนใจบาปตัดเอาเศียรไป ชาวบ้านจึงต้องทำเศียรขึ้นมาทดแทนให้ใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ข้อมูล เนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นายชรัชวิช สุระสาย
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นายชรัชวิช สุระสาย
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://shorturl.asia/n2BNJ