แม้ต้นยางใหญ่จะหยั่งรากมานับร้อยปี ก็ถึงคราวจะโค่นล้มในปี พ.ศ. 2533 เมื่อคำขอโค่นต้นไม้เก่าแก่นี้ถึงสำนักงานป่าไม้ได้รับการอนุมัติ โชคดีที่ผู้ทราบข่าวคนแรกก็คือคุณชัยยุทธ อภิวาทนสิริ หนึ่งวันก่อนถูกโค่น เขารีบนำความไปแจ้งแก่คุณปราสาท ตงศิริ ประธานหอการค้าในเวลานั้น คุณปราสาทได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้าน จัดประชุมชาวบ้าน ทำหนังสือ จากการร่วมมือร่วมใจของทุกคน คัดค้านพร้อมลงลายมือชื่อชาวบ้านส่งไปสำนักงานป่าไม้เขต จนสามารถยับยั้งการตัดโค่นได้ทันเวลา พลิกชะตากรรมต้นยางใหญ่ในวันเดียว หลังจากนั้นทางสโมสรโรตารี จ.สกลนคร จึงได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมทุนเพื่อจัดซื้อที่ดินและต้นยางต้นนี้ โดยมีผู้ร่วมสมทบทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ ในสมัยนั้น สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชาวบ้านดงหลวง หน่วยงานเอกชน และผู้มีปณิธานเดียวกันอีกมากมาย รวมเป็นเงินมากถึง 67,299 บาท มอบเป็นที่ดินแก่ อบต. ตำบลบึงทวาย เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะ แหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ อนุรักษ์สืบไปยังชนรุ่นหลัง
นอกจากความรู้ในเชิงธรรมชาติวิทยาแล้ว ชาวบ้านดงหลวง ต.บึงทวาย อ.เต่างอย ยังมีความเชื่อว่า หากมีต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะต้นยางนา ขึ้นและเติบโตในที่ดินของใคร ชาวบ้านเชื่อว่าจะมีเทวดาอารักษ์ มาปกปักรักษา และในหมู่บ้านดงหลวงก็มีต้นยางนาเกิดขึ้นและมีอายุมากกว่าสามร้อยปี คนที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเต่างอย ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกัน ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาหมู่บ้านมาอย่างยาวนาน
ในปัจจุบันแหล่งเรียนรู้ต้นยางใหญ่ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่ได้รับการทำนุบำรุงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี อยู่ในพื้นที่ กศน. ตำบลบึงทวาย ในทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีจะมีการจัดพิธีบวงสรวงรอบต้นยางใหญ่อย่างใหญ่โต ด้วยความเชื่อที่ว่า หากว่าใครอยากขอพร บนบานให้พบแต่ความสุข หรือขอโชคลาภ เพราะมีหลายคนที่มาขอพรแล้วได้สมปรารถนา เป็นกุศโลบายให้ทุกคนเห็นคุณค่าของยางต้นนี้ และระลึกถึงความสำคัญและความผูกพันธ์ระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ที่ฝังรากอยู่ด้วยกันอย่างมั่นคง