ชาวบ้านจะเลือกสายพันธุ์กบที่เหมาะสม ได้แก่ กบนา โดยลักษณะของกบนานั้น ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่ากบตัวเมีย กบตัวผู้เมื่อจับพลิกหงายขึ้นจะเห็นมีกล่องเสียงอยู่ใต้คางแถว ๆ มุมปากล่าง ทั้งสองข้าง ส่วนตัวเมียนั้นจะมองไม่เห็นส่วนของกล่องเสียงดังกล่าว ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กบตัวผู้จะเป็นผู้ส่งเสียงร้อง ส่วนของกล่องเสียงจะพองโตและใส เป็นกบที่มีความเจริญเติบโตเร็วใช้เวลาเลี้ยงเพียง 4-5 เดือน ทั้งยังเป็นกบที่มีผู้นิยมนำไปประกอบอาหารบริโภคกันมากกว่ากบพันธุ์อื่น ๆ กบอีกสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมนำมาเลี้ยง คือ กบบลูฟร๊อก ซึ่งกบบลูฟร๊อก จะแตกต่างไปจากกบนาอย่างเห็นได้ชัด ลักษณะเด่นเห็นชัดคือมีส่วนหัวที่เป็นสีเขียวเคลือบน้ำตาลและที่ข้างท้องมีลายน้ำตาล ใต้ท้องเป็นสีขาว ขาทั้งเป็นลายน้ำตาลดำ ลำตัวอ้วนโดยเฉพาะส่วนท้องใหญ่กว่ากบนา

ในการเลี้ยงกบนั้นใช้ต้นทุนน้อย ประมาณกิโลกรัมละ 25 ถึง 30 บาท ทั้งยังใช้พื้นที่การเลี้ยงไม่มาก สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดินและบ่อซีเมนต์ขนาดเล็กประมาณ 6-12 ตารางเมตร จุกบได้ประมาณ 400-800 ตัวต่อบ่อ โดยสถานที่เลี้ยงกบจะต้องไม่ควรอยู่ไกลจากที่อยู่อาศัยมากนัก เพราะศัตรูของกบมีมาก ได้แก่ งู นก หนู หมา แมว รวมถึงมนุษย์ด้วย ดังนั้น ชาวบ้านมักสร้างบ่อเลี้ยงหรือคอกเลี้ยงกบห่างจากที่อยู่อาศัยไม่มาก ใช้เวลาในการเลี้ยงนาน 34 เดือน ด้วยอาหารเม็ดสำเร็จรูป จะได้กบที่มีขนาดประมาณ 200-250 กรัมต่อตัว ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถจับขายได้