ศิลปวัฒนธรรมประเพณี

“คราม”

วัฒนธรรมการสวมใส่ สู่แฟชั่นประยุกต์

บ้านอ่างคำ ตำบลนาตาล อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร

เมื่อมีงานบุญ เทศกาล หรืองานที่เป็นพิธีต่าง ๆ ในอำเภอเต่างอยหรือในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร สิ่งที่สะดุดตาเป็นอย่างแรกเมื่อเดินเข้าไปในงานคือวัฒนธรรมการแต่งตัวของชาวบ้าน ที่พร้อมใจกันสวมใส่ผ้าครามโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดผ้าคราม ซิ่นผ้าคราม รวมไปถึงกระเป๋าและเครื่องประดับ “ผ้าคราม” ถือเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของผู้คนในอำเภอเต่างอย ที่แสดงถึงความให้เกียรติเจ้าภาพและแสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมการแต่งกายที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน

“คราม” เป็นพืชไม้พุ่มตระกูลถั่ว ชอบแดดจัด ใช้น้ำในการปลูกน้อย บริเวณที่เหมาะในการปลูกจึงมักเป็นที่ดอนโล่ง เช่น หัวไร่ ปลายนา คันคูของบ่อปลาและต้องดายหญ้าเสมอ เพื่อให้ต้นคราม ได้รับแดดจัดเต็มที่ ต้นครามสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ปลายใบเดี่ยว ใบย่อยรูปรี ดอกช่อออกตาม ซอกใบ ดอกย่อยรูปดอกถั่ว กลีบดอกสีชมพู ผลเป็นฝัก เพื่อให้ได้คราวเพียงพอใช้ตลอดปี ชาวบ้านต้องปลูกครามในพื้นที่ประมาณปีละ 5 - 6 ไร่ พอต้นครามอายุ 3 เดือน จะให้สีครามมากที่สุด

ในหมู่บ้านอ่างคำ ตำบลนาตาล อำเภอเต่างอย ชาวบ้านอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมการสวมใส่ผ้าคราม ผลิตและประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยจนกลายเป็นแฟชั่นผ้าครามสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น แปรรูปผลิตภัณฑ์ในชุมชนได้อย่างหลากหลายและสร้างสรรค์ อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่นผ้าคราม กระเป๋าเป้ผ้าคราม ย่ามผ้าคราม หมวกแก๊ป ผ้าคราม พวงกุญแจเต่าผ้าคราม เพิ่มมูลค่าให้กับผ้าย้อมคราม แสดงออกอย่างแตกต่างโดยอยู่บนพื้นผ้าครามอันเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นของตนเอง

วัฒนธรรมการถักทอผ้าครามนั้นมีสองลักษณะคือ ผ้าพื้น และผ้าลาย ผ้าพื้น จะเป็นผ้าที่ทอเป็นสีพื้นธรรมดาไม่มีลวดลาย สีน้ำเงิน สีกรมท่าและสีเทา ส่วนผ้าลายนั้นเป็นผ้าที่มีการประดิษฐ์ลวดลายเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม มีชื่อเรียกเฉพาะตามวิธีเช่น ถ้าใช้ทอ (เป็นลายหรือดอก) เรียกว่า “ผ้ายก” นอกจากนี้เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผ้าครามคือศิลปะการมัดย้อม รัด ผ้าจนเป็นลวดลายต่าง ๆ พัฒนาปรับให้เข้ากับกระแสนิยมสมัยใหม่ ด้วยสีฟ้าครามย้อมลงพื้นผ้าฝ้ายหรือผ้าที่สวมใส่สบายเคลื่อนไว้สะดวก ก็เป็นอีกจุดเด่นสำคัญส่งผลต่อการนิยมสวมใส่ผ้าคราม

ด้วยสัมผัสที่นุ่มสบาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากธรรมชาติของผ้าคราม ยังมีงานวิจัยค้นพบว่าผ้าครามนั้นสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต กรองแสงแดดให้กับผู้สวมใส่ได้อีกด้วย ยิ่งส่งผลให้ครามได้รับความนิยมและสร้างมูลค่าให้กับชาวบ้านอ่างคำเพิ่มขึ้น ปัจจุบันการสวมใส่ผ้าครามไม่ได้เจาะจงเฉพาะงานหรือพิธีสำคัญอีกต่อไป แต่กลายเป็นกระแสแฟชั่นที่สวยใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ประยุกต์เข้ากับสมัยนิยมได้ดย่างงดงามแต่คงซึ่งเอกลักษณ์ ที่สืบทอดต่อกันมา เป็นความภาคภูมิใจในชุมชน เมื่อใครผ่านมาพบเห็นก็ทราบได้ทันทีว่าแหล่งที่มานี้มีต้นกำเนินมาจากศิลปวัฒนธรรมในชุมชนของเรานี้เอง