นครแห่งคราม...วัฒนธรรมงามบ้านถ้ำเต่า
นครแห่งคราม...วัฒนธรรมงามบ้านถ้ำเต่า
จังหวัดสกลนครถือเป็น นครแห่งคราม หรือ สกลนครแห่งคราม มีกลุ่มทอผ้าย้อมครามที่มีชื่อเสียงกระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ โดยจังหวัดสกลนครก็ได้ส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ผลิตผ้าย้อมคราม พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพและรักษามาตรฐาน ส่งผลให้ธุรกิจผ้าย้อมครามเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดอีกชนิดหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ในชุมชน
1.ผ้าฝ้ายย้อมคราม
การทอผ้าย้อมครามและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าย้อมคราม การย้อมครามเป็นภูมิปัญญาที่เกิดมาพร้อมกับหมู่บ้าน ซึ่งในอดีตจะมีการทำน้ำครามและทอผ้าครามเพื่อใช้ในครอบครัวเท่านั้น ต่อมาได้มีการพัฒนา / ศึกษาค้นคว้า / ทดลอง และทำในปริมาณมากจนกลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน มีการถ่ายทอดความรู้สู่รุ่นลูก รุ่นหลานและประชาชนผู้สนใจทั่วไปหมู่บ้านมีการทอผ้าย้อมครามเกือบทุกหลังคาเรือน มีการปลูกครามและทำน้ำครามเอง มีการทอผ้าครามหลังฤดูกาลทำนา
2.ผ้าฝ้ายมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ
การทอเสื่อกก ราษฎรมีการทอเสื่อกกเพื่อไว้ใช้ในครัวเรือนเกือบทุกครัวเรือน จึงได้จัดตั้งกลุ่มทอเสื่อกกขึ้นเพื่อให้ราษฎรมีรายได้ / อาชีพเสริม โดยนำวัสดุมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
3.ผ้าไหม
การจักสานจากไม้ไผ่ ถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ราษฎรบ้านถ้ำเต่าโดยเฉพาะผู้สูงอายุจะมีความชำนาญในการจักสานอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อใช้ในครัวเรือน และได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มจักสานเพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้
4.ผลิตภัณฑ์การจัดสานจากไม้ไผ่และจากต้นกก
5.ปลาร้า
6.การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าคราม
สีครามเป็นสีย้อมธรรมชาติที่เก่าแก่มาก ซึ่งมนุษย์รู้จักกันมามากกว่า 6000 ปี ประชากรที่อาศัยในเขตร้อนของโลกล้วนเคยทำสีครามจากต้นไม้ชนิดต่างๆตามภูมิภาคนั้นๆ แต่สีครามคุณภาพดีผลิตจากเอเชีย ดังเช่น สีครามจากอินเดียเป็นที่นิยมของคนอังกฤษมากกว่าสีครามจากเยอรมันและฝรั่งเศส แต่การใช้สีครามลดลงเหลือเพียง 4 % ของทั่วโลกในปี 2457 ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2535 ประเทศของเราพบกับปัญหา มลพิษจากสิ่งแวดล้อม สาเหตุหนึ่ง เกิดจากสารเคมีสังเคราะห์ซึ่งรวมถึงสีย้อมด้วย สีย้อมผ้าส่วนใหญ่เป็นออกไซด์ของโลหะหนัก ซึ่งโลหะหนักหลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง ใส่แล้วรู้สึกร้อน ดังนั้น จึงหันมานิยมสีย้อมธรรมชาติ ซึ่งในขณะ เดียวกันก็ได้นำภูมิปัญญาเก่า ๆ ที่ได้สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณจากเดิมเกือบลือหายไปแล้วนั้น กลับมาพัฒนาเป็นอาชีพหลักของลูกหลานในทุกวันนี้
บรรพบุรุษของชาวบ้านถ้ำเต่าได้อพยพมาจากฝั่งลาว และได้นำเมล็ดครามมาด้วย โดยคุณยายป้าน คุณบุราณ เป็นผู้นำมาและสืบทอดการทอผ้าย้อมครามให้กับลูกหลานในหมู่บ้าน การทอผ้าย้อมครามในอดีตจะทำสีครามและย้อมผ้าครามเพื่อใช้ในการนุ่งห่ม โดยมีการปลูกต้นครามบริเวณหัวไร่ปลายนา ต่อมาเมื่อปี 2541 ได้มีการรวมกลุ่มกันทำโดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลสามัคคีพัฒนา และการให้คำแนะนำการบริหารจัดการกลุ่มโดยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน มีสมาชิกก่อตั้งทั้งหมด 46 คน มีพื้นที่ปลูกครามในที่สาธารณะหมู่บ้าน จำนวน 49 ไร่ 2 งาน และปัจจุบันการสวมใส่ผ้าย้อมครามกำลังได้รับความนิยม รวมถึงการส่งเสริมให้มีการสวมใส่ผ้าที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ ทำให้กลุ่มได้ขยายผลการทอผ้าด้วยครามอีก 3 หมู่บ้าน คือ บ้านโนนจำปา หมู่ที่ 2 ,หมู่ที่ 10 และบ้านสามัคคีพัฒนา หมู่ที่ 9 ผ้าทอย้อมครามบ้านถ้ำเต่า ได้รับคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เด่นของตำบล และได้เสนอให้คณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของอำเภอพิจารณา และได้รับคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์