บุญเดือนสิบ แข่งเรือ ไหลเรือไฟ ไหว้พระแก้ว ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรม ประเพณีของชาวอำเภออากาศอำนวย ที่สืบทอดกันมาแต่เนิ่นนานจะมีมหรสพคบงันหลายคืน เช่น ดนตรี หมอลำ การประกวดภูมิปัญญาชาวบ้าน การประกวดสาวงามลุ่มน้ำยาม การประกวดสาวประเภทสอง มีชิงช้า ม้าหมุน ต่าง ๆเมื่อชมการไหลเรือไฟเสร็จก็จะไปนั่งชมดนตรี ชมการประกวด เป็นต้น แล้วเดินทางกลับบ้าน
จากการสืบค้นตามข้อมูลปูมิบ้านอากาศชาวอากาศอำนวย อพยพมาจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงคือ มาจากบ้านฮ่อมท้าวฮูเซ ในลักษณะการตั้งบ้านเรือนหรือหมู่บ้านมักจะตั้งอยู่ใกล้ลำน้ำ หรือแม่น้ำและได้ใช้ประโยชน์จากลำน้ำนั้น ทั้งการอุปโภค บริโภค บรรพบุรุษจึงได้นำเอาประเพณีดั้งเดิมจากถิ่นฐานเดิมที่อพยพมา โดยทั่วไปแล้วคนทั้งหลายในสมัยบรรพบุรุษ มีความเชื่อตรงกันว่าในน้ำจะมี ผีน้ำ คือ ผีเงือก ผีงู ที่ขึ้นมากับสายน้ำในฤดูน้ำหลาก ประกอบกับความเชื่อในทางพระพุทธศาสนาที่ต้องการลอยประทีป เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทในแม่น้ำนัมมะทาการไหลเรือไฟของอำเภออากาศอำนวย ได้รับอิทธิพลหรือประเพณีของชุมชนลุ่มน้ำเซบ้องไฟของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่การไหลเรือไฟของลุ่มน้ำเซบ้องไฟ นิยมกระทำกันปีละ 2 ครั้ง คือ เดือน 9 ดับ (วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 หรือบุญข้าวประดับดิน) บุญเดือน 10(วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ) คือบุญข้าวสากหรือสลากภัตต์ ที่ปฏิบัติกันก็คือ ในตอนบ่ายของวันดังกล่าวชาวบ้านส่วนหนึ่งจะนำต้นกล้วยไปทำเป็นแพลอยน้ำไว้ อีกส่วนหนึ่งจะนำเรือไฟหามแห่ไปตามคุ้มบ้านต่าง ๆ แล้วชาวบ้านจะนำ ข้าวต้ม กล้วย อ้อย พริก เกลือ ปลาแดก (ปลาร้า) ห่อด้วยใบตองแล้วนำมาแขวนใส่เรือไฟ เรียกว่า เครื่องกียาบูชา พอตอนค่ำจะแห่เรือไฟลงไปใส่แพต้นกล้วยที่เตรียมไว้ ใช้เรือ 2 ลำ ขนาบข้าง แล้วตีกลองแห่ไหลส่งไปตามน้ำเซ จนพ้นเขตบ้าน จึงพากันพายเรือกลับ ถือว่าเป็นการไหลเรือไฟเพื่อบูชา
ปัจจุบันประเพณีบุญเดือนสิบไหลเรือไฟ ถือเป็นประเพณีที่สำคัญและเชิดหน้าชูตาของชาวบ้านอากาศก็ว่าได้ ลูกหลานชาวบ้านอากาศที่อยู่ใกล้หรือไกลไปทำงานกรุงเทพ ฯ เมื่อถึงวันเพ็ญ เดือน 10 ก็จะพากันเดินทางกลับบ้านเพื่อมาชมการแข่งขันการไหลเรือไฟ หรือใครที่มีญาติพี่น้องที่อยู่ไกลก็ชวนกันมาเพื่อมาร่วมประเพณี ใครที่เคยได้มาเที่ยว พอถึงวันงานก็จะพากันมาชมมิได้ขาดทุกปี