ชื่อ : นางสาวญาณินี สอาด
ตำแหน่ง : ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
การศึกษา : ปริญญาตรี ค.บ.คณิตศาสตร์ สถาบันราชภัฏนครสวรรค์
ปริญญาโท กศ.ม.คณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
สถานที่ทำงาน : กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
โรงเรียนหนองฉางวิทยา อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์
เรื่องความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ให้มีคุณภาพนั้นจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาความสามารถของนักเรียนในการคิดคำนวณและแก้โจทย์ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Problem Solving) เป็นความสามารถหนึ่งในทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่ผู้เรียนควรจะเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาให้เกิดทักษะขึ้นในตัวนักเรียน เพราะการเรียนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จะช่วยให้นักเรียน มีแนวทางการคิดที่หลากหลาย มีนิสัย กระตือรือร้น ไม่ย่อท้อ และมีความมั่นใจในการแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน ตลอดจน เป็นทักษะพื้นฐานที่นักเรียนสามารถนําไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้
จากการพิจารณาผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) วิชาคณิตศาสตร์ (04) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของนักเรียนโรงเรียนหนองฉางวิทยา การทดสอบในภาพรวมทุกมาตรฐานการเรียนรู้ และมาตรฐานการเรียนรู้บูรณาการทั้ง 3 ปีการศึกษา ของนักเรียน ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ถึงร้อยละ 50 ของคะแนนเต็มจำนวน 100 คะแนน ในฐานะครูผู้สอน วิชาคณิตศาสตร์ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญที่จะต้องเร่งพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในรายวิชาคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนควรจะเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาให้เกิดทักษะขึ้นใน ตนเอง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ รู้จักประยุกต์และปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาให้เหมาะสม รู้จักตรวจสอบและสะท้อน กระบวนการแก้ปัญหา (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2560)
แบบฝึกทักษะเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาอย่างหนึ่ง ที่เป็นเครื่องมือช่วยครูผู้สอน ในการถ่ายทอดความรู้ด้านเนื้อหาและทักษะกระบวนการต่าง ๆ เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่นักเรียนสามารถเรียนรู้และฝึกทำเพื่อให้เกิดความชำนาญด้วยตนเอง โดยมีครูคอยให้คำแนะนำในกรณีที่นักเรียนเกิดปัญหาไม่เข้าใจในเนื้อหาที่ทำ โดยวิธีการฝึกบ่อย ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนและครูผู้สอนได้มีโอกาสปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และทักษะกระบวนการดังกล่าว องค์ประกอบที่สำคัญของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ประกอบไปด้วย คำชี้แจง คำสั่ง ใบความรู้ แบบฝึกทักษะ เฉลยแบบฝึกทักษะ สรุปเนื้อหากิจกรรมชวนคิดพิชิตโจทย์เฉลยกิจกรรมชวนคิดพิชิตโจทย์ แบบทดสอบแต่ละหน่วย และเฉลยแบบทดสอบ ทำเป็นขั้นตอนย่อย ๆ จากง่ายไปหายาก สื่อการเรียนการสอนที่อยู่ในแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียน และเสริมแรงให้ผู้เรียนต้องการเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดความเบื่อหน่ายหรือท้อแท้ใจ และจากการประเมินผลนักเรียนจะได้ทราบความก้าวหน้าในการเรียนของตัวผู้เรียนเอง และนักเรียนสามารถที่จะเรียนรู้ด้วยวิธีการของตนเองตามความสามารถ และความสนใจตามอัตราที่ต้องการ ดังนั้น ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้าย โดยการพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1) กำหนดสาระการเรียนรู้ที่จะนำมาสร้างเป็นแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ซึ่งได้เลือกสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
2) นำสาระการเรียนรู้ เรื่องความน่าจะเป็น มาแบ่งเป็นหน่วยได้ 2 หน่วย
3) นำตัวชี้วัด เรื่อง เรื่องความน่าจะเป็น มาเขียนเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้แล้วนำไปออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
4) ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้
5) กำหนดสื่อการเรียนรู้ และการวัดผลประเมินผลให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
2. สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 4 แผน แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 หน่วย และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 30 ข้อ
3. หาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำแนกดังนี้ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องความน่าจะเป็น หาคุณภาพโดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะ หาคุณภาพโดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์ประเมินแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น แล้วนำข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ แล้วนำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ไปทดลองกับนักเรียนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แบบกลุ่ม และภาคสนาม ในส่วนของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องความน่าจะเป็น ได้หาความตรงเชิงเนื้อหา ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ
4. ดำเนินการทดลองดังนี้ ทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องความน่าจะเป็น และดำเนินการทดลองโดยสอนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น ที่ได้พัฒนาขึ้น เมื่อเรียนครบทุกหน่วย ในแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์แล้วให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนซึ่งเป็นฉบับเดียวกับทดสอบก่อนเรียน และเว้นระยะห่าง 3 สัปดาห์ ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
เชิงปริมาณ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 40 คน
ได้รับการพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค31102 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังนี้
1) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตาม ค่าเป้าหมายของสถานศึกษา (ผลการเรียนไม่ต่ำกว่าระดับ 2.0)
2) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ เมื่อเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็มจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่เน้นทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น
3) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีทักษะการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึง ความสมเหตุสมผล ของคำตอบพร้อมทั้งตรวจสอบ ความถูกต้อง
4) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีทักษะการการสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ สรุปผล และนำเสนอ ได้อย่างถูกต้องชัดเจน
5) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีการเชื่อมโยงในการใช้ความรู้ ทางคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เนื้อหาต่าง ๆ หรือศาสตร์อื่น ๆ และนำไปใช้ในชีวิตจริง
6) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด รับฟังและให้เหตุผล สนับสนุนหรือโต้แย้งเพื่อนำไปสู่ การสรุป โดยมีข้อเท็จจริงทาง คณิตศาสตร์รองรับ
7) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีการคิดสร้างสรรค์ ในการขยายแนวคิดที่มีอยู่เดิม หรือสร้างแนวคิดใหม่ เพื่อปรับปรุงพัฒนาองค์ความรู้
เชิงคุณภาพ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 40 คนได้รับการพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา
ค31102 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนา ดังนี้
1) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ อยู่ในระดับดี
2) นักเรียนร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีความสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความอยู่ในระดับดี
3) นักเรียนมีความพึงพอใจในกิจกรรมการเรียนการสอน อยู่ในระดับมาก
4) นักเรียนมีความคงทนด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ.05