ภาคเรียนที่ 2/2567 (28 ชั่วโมง 20 นาที ต่อสัปดาห์)
(1) ชั่วโมงสอนตามตารางสอน จำนวน 17 ชั่วโมง 20 นาที/สัปดาห์ ดังนี้
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชาการอ่านและพิจารณาหนังสือ
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิชาภาษาไทย
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชาหน้าที่พลเมือง
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชาการป้องกันการทุจริต
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนยุวกาชาด
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ชุมนุมเสนาะกรรณประชันโอ้เอ้
(2) งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 ชั่วโมง/สัปดาห์
(3) งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
(4) งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน - ชั่วโมง/สัปดาห์
ภาคเรียนที่ 1/2568 (29 ชั่วโมง 30 นาทีต่อสัปดาห์)
(1) ชั่วโมงสอนตามตารางสอน จำนวน 18 ชั่วโมง 50 นาที/สัปดาห์ ดังนี้
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชาการอ่านและพิจารณาวรรณกรรม
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิชาภาษาไทย
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 วิชาหน้าที่พลเมือง
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 วิชาการป้องกันการทุจริต
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนยุวกาชาด
สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชุมนุมติวไทยหัวใจศิลป์
(2) งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 ชั่วโมง/สัปดาห์
(3) งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
(4) งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน - ชั่วโมง/สัปดาห์
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้กําหนดคุณภาพของผู้เรียนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีไว้ว่าจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระวิชาภาษาไทยมีทักษะกระบวนการ มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาไทย มีความตระหนักในคุณค่าของวิชาภาษาไทยและสามารถนําความรู้ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
จากการศึกษาวิเคราะห์ทักษะการอ่านจับใจความสําคัญของผู้เรียนในรายวิชาภาษาไทยปีการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าผู้เรียนยังมีทักษะ การอ่านจับใจความสําคัญ รายวิชาภาษาไทยในสาระที่ 1 การอ่าน ต่ํากว่าเกณฑ์/ค่าเป้าหมายที่กําหนดไว้โดยเฉพาะในตัวชี้วัดที่ ม.2/2 จับใจความสําคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน ซึ่งเป็นทักษะที่จะนําไปต่อยอดในการเรียนรู้สาระอื่น ๆ ได้หากนักเรียนจับใจความสําคัญไม่ได้ก็จะส่งผลต่อการเรียนดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าสาระการอ่านและทักษะการอ่านมีความสําคัญต่อผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นอย่างมากและสมควร ได้รับการพัฒนาทักษะดังกล่าวให้สูงขึ้น ผู้จัดทําข้อตกลงได้พิจารณาความสําคัญและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน รวมถึงได้ปรึกษากับคุณครูผู้สอนในรายวิชาภาษาไทยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ปัญหาเกิดจากรูปแบบ วิธีการสอนที่ไม่มีเทคนิคในการอ่านจับใจความสําคัญให้กับนักเรียน ครูสอนโดยเน้นบรรยายมากจนเกินไป จนบางครั้งทําให้ผู้เรียนไม่มีส่วนร่วมในการเรียน ทําให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับ การแก้ไขหรือพัฒนาในด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอน วิธีการสอน จะก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวผู้เรียนเมื่อต้อง ใช้ความรู้ในตัวชี้วัดดังกล่าวเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดสําหรับการเรียนในตัวชี้วัดอื่น ๆ และการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น อีกทั้งยังจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในรายวิชาภาษาไทยรหัสวิชา ท22102 ของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทําให้คุณภาพผู้เรียนไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และค่าเป้าหมายในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่ได้กําหนดไว้
ผู้จัดทําข้อตกลง จึงขอเสนอประเด็นท้าทายที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามระดับ การปฏิบัติที่คาดหวังของตําแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสําคัญโดยใช้แบบฝึกทักษะสําหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รายวิชาภาษาไทย ท22102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองฉางวิทยา ในเรื่องของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของเนื้อหาการอ่านจับใจความสําคัญ ตามสาระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ตัวชี้วัด 2/2 จับใจความสําคัญ สรุปความและอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน ซึ่งผู้เรียนต้องเกิดองค์ความรู้ ทักษะคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนะที่สําคัญตามหลักสูตรเพื่อนําไปใช้ในการจับใจความสําคัญได้ดังตัวชี้วัดที่กําหนดไว้
2.2 ศึกษาแนวคิดและเทคนิคการสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสําคัญจากเอกสารตํารา งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนํามาปรับ ประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสําคัญในรายวิชาภาษาไทย
2.3 จัดทําหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การอ่านในชีวิตประจําวัน จัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 - 9 เรื่องการอ่านจับใจความสําคัญ จํานวน 9 แผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนานักเรียนเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสําคัญโดยใช้แบบฝึกทักษะ
2.4 ออกแบบและจัดทําสื่อการสอน แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านในชีวิตประจําวันที่สอดคล้องและช่วยสนับสนุนในการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับขั้นตอน กระบวนการของแผนการจัดการเรียนรู้
2.5 นําแผนการจัดการเรียนรู้ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบทของห้องเรียนและความแตกต่างระหว่างบุคคล
2.6 บันทึกผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดขึ้นจากจัดการเรียนรู้และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้ผู้เรียนตรวจสอบได้ตลอดเวลาโดยการเผยแพร่ใน Google Sheets ของแต่ละห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนติดตามความก้าวหน้าของการเรียน ภาระงานในการเรียนได้
ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จํานวน 5 ห้อง มีทักษะการอ่านจับใจความสําคัญสูงขึ้นหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ
3.2 เชิงคุณภาพ
ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จํานวน 5 ห้อง มีความพึงพอใจต่อการการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะอยู่ในระดับดี
ลงชื่อ........................................................................
(นางสาวญาณิกา เสนาธนศักดิ์)
ตำแหน่ง ครู
ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน
....................../.................../...................