ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด (ภาคเรียนที่ 1 / 2568)
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน จำนวน 14 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
วิชาภาษาไทยพื้นฐาน (ท33101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 14 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
กิจกรรมชุมนุม จำนวน 1 ฃั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ฃั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมแนะแนว/สาธารณะ/สวดมนต์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/15 จำนวน 1 ฃั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนางานด้านวิชาชีพ (PLC) จำนวน 2 ฃั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ประชุมหัวหน้ากลุ่มสาระเพื่อพัฒนาการสอนในสถานศึกษา จำนวน 2 ฃั่วโมง/สัปดาห์
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทาย
การพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และและคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การพูดถือว่าเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากทักษะหนึ่ง สามารถช่วยกระตุ้นนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้
ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ตลอดจนช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ ให้นักเรียนมีความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลินในการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่คงทน มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาไทย สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
ในการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมา นักเรียนบางคนมีปัญหาในการพูดเพื่อสื่อสาร ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนไม่สามารถพูดเพื่อโน้มน้าวใจได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนจึงจัดทำแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ และออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้น่าสนในยิ่งขึ้น
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนนางรองพิทยาคม ในเนื้อหารายวิชาภาษาไทยที่มีเนื้อหาพัฒนาการพูดที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และเนื้อหาของรายวิชา
2. ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Active Learning) พร้อมทั้งจัดทำ
1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริม พัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
2) เนื้อหาในแต่ละชุดฝึกกิจกรรมการพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
3. จัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) กับครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย เพื่อร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องด้านเนื้อหา เป้าหมายในการพัฒนา ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการวัดประเมินผล
ด้านสื่อการเรียนรู้
4. ครูผู้สอนนำชุดกิจกรรมมาพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขตามกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โดยนำไปทดลอง
ใช้กับผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เคยเรียนเนื้อหาการพูดโน้มน้าวใจ เพื่อศึกษาจุดเด่น จุดด้อย ก่อนนำไปใช้จริง
5. นำชุดฝึกกิจกรรมการพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ รายวิชาภาษาไทยไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับผู้เรียน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ทั้งในรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ On-site หรือ On-line โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อปรับให้เหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
6. บันทึกผลการเรียนรู้ ผลการวัดและประเมินผล สรุปสารสนเทศของผู้เรียนแล้วแจ้งให้ผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์และไม่ผ่านเกณฑ์
ทราบ ในกรณีผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดจะดำเนินการซ่อมเสริมในส่วนที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์
7. ประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน ผู้ปกครอง เเละเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้
ทางวิชาชีพเพื่อนำไปปรับปรุง และพัฒนาต่อไป
6. ให้ผู้เรียนทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้การสอนแบบสร้างสรรค์
7. รวบรวมข้อมูลของแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไข
ในประเด็นต่าง ๆ
8. นำผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของกลุ่มสาระฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาแนวทางการพัฒนา
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนางรอง ที่เรียนรายวิชาภาษาไทยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
3.2 เชิงคุณภาพ
ได้นวัตกรรมที่ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนรู้
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีทักษะการพูดโน้มน้าวใจที่สูงขึ้น สังเกตได้ดังนี้
1) พูดโน้มน้าวโดยนำเสนอหลักฐานตามลำดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผลและน่าเชื่อถือ ปรากฎว่ามีนักเรียนที่ผ่านการทดสอบจากการเรียน จำนวน 65 คน คิดเป็นร้อยละ 77.38
2) นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการซ่อมเสริมเเละปรับปรุงให้ดีขึ้น นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 19 คนคิดเป็น ร้อยละ 22.62 โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการสอนซ่อมเสริมจากครูผู้สอนหรือใช้รูปแบบกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนตามความเหมาะสม
ด้านที่ 2 ด้านการส่งเสริมเเละสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
1) ผู้เรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ได้รับการซ่อมเสริม และปรับปรุงให้ดีขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของผู้เรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ตามกระบวนการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน
2) ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ไม่ต่ำกว่าระดับ มาก จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผลปรากฎว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับ มาก ด้วยค่าร้อยละ 70.83
ด้านที่ 3 ด้านการพัฒนาตนเองเเละวิชาชีพ
1) ผู้เรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ได้รับการซ่อมเสริม และปรับปรุงผลการเรียนให้ดีขึ้น จากการเข้าร่วมในการพัฒนาตนเองและการเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จากการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
ผลปรากฎว่ามีนักเรียนจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 22.62 ของนักเรียนทั้งหมด นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการสอนซ่อมเสริมหรือวิธีการอื่น ๆ ที่เหมาะสมตามลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียนรายบุคคล โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนรู้
1) ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการพูด การลำดับความ การวิเคราะห์ และสามารถนำทักษะการพูดไปใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้อาจสังเกตได้จากการเรียน ที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมในวิชา
2) ผู้เรียนได้รับการแก้ปัญหาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ ด้วยชุดฝึกกิจกรรม
ด้านที่ 2 ด้านการส่งเสริมเเละสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
1) ผู้เรียนได้รับการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ครูผู้สอนวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลจากการทดสอบการอ่าน การเขียนภาษาไทย
2) ผู้เรียนทราบถึงสภาพปัญหาที่ส่งผลให้ผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ก่อนการได้รับการแก้ปัญหา โดยจัดทำสภาพปัญหาในรูปแบบสารสนเทศของผู้เรียน
3) ผู้เรียนได้รับการแก้ปัญหาด้วยข้อมูลสารสนเทศและชุดฝึกกิจกรรมพัฒนาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ จากการจัดกิจกรรมนั้นพบว่า นักเรียนสามารถพูดได้ดีขึ้น มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ด้านที่ 3 ด้านการพัฒนาตนเองเเละวิชาชีพ
1) ผู้เรียนได้รับการแก้ปัญหาทักษะการพูดโน้มน้าวใจ จากการเข้าร่วมการพัฒนาตนเอง และการเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การแก้ปัญหาของผู้เรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพมาเเลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาของผู้เรียน