ประเด็นท้าทาย วPA
ประเด็นท้าทาย วPA
บันทึกข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA)
สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนนางรอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
ระหว่างวันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 เดือน กันยายน พ.ศ. 2568
ผู้จัดทำข้อตกลง
ชื่อ นางจารุณี นามสกุล การรัมย์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
รับเงินเดือนในอันดับ คศ. 3 อัตราเงินเดือน 51,850 บาท
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้
þ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน
¨ ห้องเรียนปฐมวัย
¨ ห้องเรียนการศึกษาพิเศษ
¨ ห้องเรียนสายวิชาชีพ
¨ ห้องเรียนการศึกษานอกระบบ / ตามอัธยาศัย
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 รวมทั้งสิ้นจำนวน 15 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำแนกเป็น
1.1.1 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ23102) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1.2 รายวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม (อ31201) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1.3 รายวิชาภาษาอังกฤษบูรณาการ (อ23306) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 9 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1.4 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชาชุมนุม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1.5 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมโฮมรูม ห้องที่ปรึกษาม. 5/2 จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมคณะสี จำนวน - ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 13 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานแผนงานและนโยบายของโรงเรียน จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงบประมาณ จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมทั้งสิ้นจำนวน 34 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2569
1.2.1 ชั่วโมงการสอน จำนวน....................ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้.................รายวิชา..................จำนวน..........ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้.................รายวิชา..................จำนวน..........ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้.................รายวิชา..................จำนวน..........ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ............. ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน……….. ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน………… ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมทั้งสิ้นจำนวน……………ชั่วโมง/สัปดาห์
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู(ให้ระบุรายละเอียดของงานที่จะปฏิบัติในแต่ละด้านว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยอาจระบุระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการด้วยก็ได้)
ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง
งาน (Tasks)
ที่จะดำเนินการพัฒนาตามข้อตกลง ใน 1 รอบการประเมิน(โปรดระบุ
ผลลัพธ์ (Outcomes)
ของงานตามข้อตกลงที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน(โปรดระบุ)
ตัวชี้วัด (Indicators)
ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้นหรือผลสัมฤทธิสูงขึ้น (โปรดระบุ)
1. ด้านการจัดการเรียนรู้
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึง การสร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร การออกแบบการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การสร้างและหรือพัฒนาสื่อนวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้วัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ การจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน และการอบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน การจัดทำออกแบบ พัฒนาหลักสูตรรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ บริบทของสถานศึกษา ท้องถิ่นและเหมาะกับผู้เรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นำไปสู่การพัฒนาความรู้ ทักษะ คุณลักษณะและสมรรถนะผู้เรียนให้สูงขึ้น และเป็นแบบอย่างที่ดีให้เพื่อนครูในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพและอื่นๆ
จัดการวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด นำไปจัดทำรายวิชาภาษาอังกฤษ และจัดทำหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
1. การสร้างและพัฒนาหลักสูตร และการออกแบบการจัดการเรียนรู้
จัดการวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด นำไปจัดทำรายวิชาภาษาอังกฤษ และจัดทำหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
2. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนตามแนวทาง active learning อย่างหลากหลาย โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น แบบอย่างให้ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มาร่วมนิเทศการจัดการเรียนรู้
3. การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ การสร้างแบบทดสอบ การสร้างแบบ ประเมิน แบบสังเกตฯลฯ แล้วนำมาไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้เหมาะสมกับความแตกต่างรายบุคคลและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้เพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ชุดกิจกรรม กิจกรรมบทบาทสมมุติ เกมส่งเสริมการเรียนรู้ PowerPoint เพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น
4. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับความแตกต่างรายบุคคล โดยใช้เทคนิควิธีการที่หลากหลาย มีการพัฒนารูปแบบที่สอดแทรกในรายวิชาที่สอน เพื่อให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1.ผู้เรียนสามารถอธิบายเรื่องที่เรียนรู้ได้
2.ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
3.ผู้เรียนสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อ
4.ผู้เรียนสามารถอธิบายเรื่องที่เรียนรู้ได้
5.ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
6.ผู้เรียนสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความจากเรื่องที่เรียนรู้ได้
7.ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดบรรยากาศการเรียนรู้
1. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าที่
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
3. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลสูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
4. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอด และแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ โดยการอ่านและเขียนสูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
5. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีการพัฒนาสรรถนะสำคัญของผู้เรียนสูงขึ้น
2. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึงการจัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา การดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน การปฏิบัติงานวิชาการ และงานอื่นๆ ของสถานศึกษาและการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ
1. จัดทำข้อมูลในระบบสารสนเทศผู้เรียนรายบุคคล ประจำวิชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และเป็นแบบอย่างได้
2. จัดเก็บข้อมูลตามระบบทำข้อมูลในรายวิชาที่ทำการสอน เอกสารงานประจำชั้น เช่น แบบ ปพ. ต่างๆ
3. รายงานผลการออกเยี่ยมบ้านนักเรียนการคัดกรองนักเรียนตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคอยติดตามช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
4.ปฏิบัติงานเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ได้แก่ โครงการค่ายบูรณาการทางภาษา งานโรงเรียนมาตรฐานสากลและงานพัฒนาระบบโปรแกรมงานแผน งบประมาณพัสดุ ให้งานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นแบบอย่างได้
5. ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง หน่วยงานรัฐ เอกชนและอื่นๆ เพื่อวางแผนจัดประสบการณ์และพัฒนานักเรียน ได้แก่ กิจกรรมฝึกประสบการณ์ทางภาษา การจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้/เผยแพร่ความรู้ของนักเรียน
1. นักเรียนได้รับการแก้ไขปัญหา ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการเรียนรู้จากการใช้ข้อมูลสารสนเทศ อย่างเป็นระบบ
2. ผู้เรียนได้รับการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนได้รับการแก้ไข ปัญหา ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา
4. นักเรียนได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง โดยครูประจำชั้นสามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศ และข้อมูลจากการรายงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในการนำส่งรายงานต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของผู้เรียนได้ตามกำหนด เช่น ทุนการศึกษานักเรียน
5. นักเรียนได้เรียนรู้ในกิจกรรมที่หลากหลายตามโครงการและกิจกรรมที่ทางโรงเรียนได้กำหนดขึ้นตลอดปีการศึกษา
6. นักเรียนได้รับความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องและมีข้อมูลในระบบสารสนเทศของโรงเรียน (DMC)
1. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการแก้ปัญหา ส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนร้อยละ 80 ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและตรงตามสภาพปัญหา และสัมพันธภาพระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี และอบอุ่น
4. ผู้เรียนร้อยละ 80 ได้รับการดูแลจัดสรรหาทุนการศึกษาทำให้นักเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ขึ้น และการเรียนของนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้น
3. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และการนำความรู้ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
1. พัฒนาตนเองโดยการเข้าอบรม/ประชุม/สัมมนาตลอดปีงบประมาณ 2566 เพื่อนำมาพัฒนาสื่อและการจัดการเรียนการสอนทั้งรูปแบบการอบรมแบบปกติ และ Online
2. เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนางานวิชาการและวิชาชีพนำความรู้ที่ได้มาสร้างสื่อและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหานักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3
3. นำความรู้ที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ พัฒนานวัตกรรม/วิธีการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ภาคเรียนละ 1 เรื่อง
1. นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ผู้สอน ได้ถ่ายทอดความรู้และทักษะกระบวนการจากการจัดประสบการณ์ของผู้สอนที่นำความรู้จากการพัฒนาตนเองวิชาชีพมาใช้อย่างเป็นระบบ
2. นักเรียนได้รับการพัฒนา จากสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ครูได้พัฒนาขึ้น และนำมาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพ
1. ครูรับการอบรม/สัมมนา ในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เช่น ด้านการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาสื่อนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา สมรรถนะทางวิชาชีพครู ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการถ่ายทอดความรู้และทักษะกระบวนการ จากการจัดประสบการณ์ของผู้สอนที่นำความรู้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้อย่างเป็นระบบ
3. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ
ที่สูงขึ้น
4. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีทักษะด้านการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี
การจัดทำออกแบบ พัฒนาหลักสูตรรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ บริบทของสถานศึกษา ท้องถิ่นและเหมาะกับผู้เรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นำไปสู่การพัฒนาความรู้ ทักษะ คุณลักษณะและสมรรถนะผู้เรียนให้สูงขึ้น และเป็นแบบอย่างที่ดีให้เพื่อนครูในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพและอื่นๆ
- จัดการวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด นำไปจัดทำรายวิชาภาษาอังกฤษ และจัดทำหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
1. การสร้างและพัฒนาหลักสูตร และการออกแบบการจัดการเรียนรู้
- จัดการวิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด นำไปจัดทำรายวิชาภาษาอังกฤษ และจัดทำหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
2. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-จัดกิจกรรมการเรียนตามแนวทาง active learning อย่างหลากหลาย โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น แบบอย่างให้ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มาร่วมนิเทศการจัดการเรียนรู้
3. การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ การสร้างแบบทดสอบ การสร้างแบบประเมิน แบบสังเกตฯลฯ แล้วนำมาไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้เหมาะสมกับความแตกต่างรายบุคคลและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้เพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ชุดกิจกรรม กิจกรรมบทบาทสมมุติ เกมส่งเสริมการเรียนรู้ PowerPoint เพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น
4. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับความแตกต่างรายบุคคล โดยใช้เทคนิควิธีการที่หลากหลาย มีการพัฒนารูปแบบที่สอดแทรกในรายวิชาที่สอน เพื่อให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ผู้เรียนสามารถอธิบายเรื่องที่เรียนรู้ได้
2. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
3. ผู้เรียนสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อ
4. ผู้เรียนสามารถอธิบายเรื่องที่เรียนรู้ได้
5. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
6. ผู้เรียนสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความจากเรื่องที่เรียนรู้ได้
7.ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดบรรยากาศการเรียนรู้
1. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าที่
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
3. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลสูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
4. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอด และแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ โดยการอ่านและเขียนสูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด
5. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีการพัฒนาสรรถนะสำคัญของผู้เรียนสูงขึ้น
2. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึงการจัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา การดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน การปฏิบัติงานวิชาการ และงานอื่นๆ ของสถานศึกษาและการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบก
1. จัดทำข้อมูลในระบบสารสนเทศผู้เรียนรายบุคคล ประจำวิชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และเป็นแบบอย่างได้
2. จัดเก็บข้อมูลตามระบบทำข้อมูลในรายวิชาที่ทำการสอน เอกสารงานประจำชั้น เช่น แบบ ปพ. ต่างๆ
3. รายงานผลการออกเยี่ยมบ้านนักเรียน
การคัดกรองนักเรียนตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และคอยติดตามช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
4.ปฏิบัติงานเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ได้แก่ โครงการค่ายบูรณาการทางภาษา งานโรงเรียนมาตรฐานสากลและงานพัฒนาระบบโปรแกรมงานแผน งบประมาณพัสดุ ให้งานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นแบบอย่างได้
5. ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง หน่วยงานรัฐ เอกชนและอื่นๆ เพื่อวางแผนจัดประสบการณ์และพัฒนานักเรียน ได้แก่ กิจกรรมฝึกประสบการณ์ทางภาษา การจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้/เผยแพร่ความรู้ของนักเรียน
1. นักเรียนได้รับการแก้ไขปัญหา ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการเรียนรู้จากการใช้ข้อมูลสารสนเทศ อย่างเป็นระบบ
2. ผู้เรียนได้รับการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนได้รับการแก้ไข ปัญหา ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา
4. นักเรียนได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง โดยครูประจำชั้นสามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศ และข้อมูลจากการรายงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในการนำส่งรายงานต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของผู้เรียนได้ตามกำหนด เช่น ทุนการศึกษานักเรียน
5. นักเรียนได้เรียนรู้
ในกิจกรรมที่หลากหลายตามโครงการและกิจกรรม
ที่ทางโรงเรียนได้กำหนดขึ้นตลอดปีการศึกษา
6. นักเรียนได้รับความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องและมีข้อมูลในระบบสารสนเทศของโรงเรียน (DMC)
1. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการแก้ปัญหา ส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนร้อยละ 80 ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและตรงตามสภาพปัญหา และสัมพันธภาพระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี และอบอุ่น
4. ผู้เรียนร้อยละ 80 ได้รับการดูแลจัดสรรหาทุนการศึกษาทำให้นักเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ขึ้น และการเรียนของนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้น
3. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และการนำความรู้ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
1. พัฒนาตนเองโดยการเข้าอบรม/ประชุม/สัมมนาตลอดปีงบประมาณ 2568 เพื่อนำมาพัฒนาสื่อและการจัดการเรียนการสอนทั้งรูปแบบการอบรมแบบปกติ และ Online
2. เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนางานวิชาการและวิชาชีพนำความรู้ที่ได้มาสร้างสื่อและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหานักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3
3. นำความรู้ที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ พัฒนานวัตกรรม/วิธีการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ภาคเรียนละ 1 เรื่อง
1. นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ผู้สอน ได้ถ่ายทอดความรู้และทักษะกระบวนการจากการจัดประสบการณ์ของผู้สอนที่นำความรู้จากการพัฒนาตนเองวิชาชีพมาใช้อย่างเป็นระบบ
2. นักเรียนได้รับการพัฒนา จากสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ครูได้พัฒนาขึ้น และนำมาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพ
1. ครูรับการอบรม/สัมมนา ในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เช่น ด้านการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาสื่อนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา สมรรถนะทางวิชาชีพครู ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
2. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ได้รับการถ่ายทอดความรู้และทักษะกระบวนการ จากการจัดประสบการณ์ของผู้สอนที่นำความรู้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้อย่างเป็นระบบ
3. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษที่สูงขึ้น
4. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีทักษะด้านการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่าน-เขียน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนางรอง โดยใช้เทคนิคการสอน KWL PLUS
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ ความสามารถของประชากรโลกปัจจุบัน
เนื่องจากตำราและข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ มักจะตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นการอ่านภาษาอังกฤษจึงจำเป็นต้องพัฒนาการศึกษาทุกระดับ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนเข้ากับชีวิตจริง และสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ให้มีความรู้อันเป็นสากล และมีความสามารถในการสื่อสาร การแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งที่ช่วยให้คนเรามีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้การเรียนในปัจจุบันยังประสบปัญหาในการอ่านภาษาอังกฤษหลายประการ ไม่สามารถจับใจความสำคัญของเรื่องได้และโครงสร้างของภาษา ตลอดจนขาดเทคนิควิธีการอ่านที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ความสามารถในการอ่าน-เขียน ต่ำลงในที่สุด จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมีการนำเทคนิคหรือวิธีการการสอนมาช่วยพัฒนาการอ่าน-เขียน ดังนั้นครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้และวิธีการสอนเพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 และศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2. วิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ คู่มือครู เพื่อกำหนดแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้และออกแบบและพัฒนากิจกรรม
3. ศึกษาและคัดเลือกเนื้อหาเพื่อนำมาทำกิจกรรมการอ่านโดยการใช้เทคนิค KWL Plus ซึ่งสืบค้นจากหนังสือแบบเรียน
ภาษาอังกฤษ New World 3 แล้วนำมาเขียนแผนการสอนโดยการใช้เทคนิค KWL Plus และนำผลสะท้อนในการพัฒนาทักษะการอ่าน-เขียน
4. เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปและอภิปรายผล แล้วนำข้อมูลที่ได้จากาการใช้มาปรับปรุง แก้ไขและพัฒนา
กิจกรรมการเรียนรู้ในด้านทักษะการอ่าน เขียน ต่อไป
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่าน-เขียน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนางรอง โดยใช้เทคนิคการสอน KWL มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
3.2 เชิงคุณภาพ
1. นักเรียนมีพัฒนาการด้านทักษะการอ่าน เขียนภาษาอังกฤษสูงขึ้น
2. เป็นกิจกรรมเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิค KWL-Plus ในระดับชั้น อื่น ๆ ได้ศึกษาต่อไป
ลงชื่อ........................................................................
( นางจารุณี การรัมย์ )
ตำแหน่ง วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน
วันที่ เดือน มกราคม พ.ศ. 2568
ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา
( ) เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน
( ) ไม่เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปแก้ไข และเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ดังนี้
.........................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ........................................................................
(นายนฤภพ ขันทับไทย)
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน
วันที่ เดือน มกราคม พ.ศ. 2568