การขยายพันธุ์พืช หมายถึง การเพิ่มหรือทวีจำนวนต้นพืชให้มีมากขึ้นหรือหมายถึงการเพิ่มจำนวนพืชจากที่มีอยู่ แต่ไม่รวมถึงการเพิ่มจำนวนต้นพืชด้วยวิธีที่นำมาจากที่อื่น การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่
การขยายพันธุ์พืชโดยอาศัยเพศ ( Seed or Sexual propagation)
การขยายพันธุ์พืชโดยไม่อาศัยเพศ หรือใช้ส่วนต่าง ๆ ของต้น (Asexual propagation)
การขยายพันธุ์พืชให้ประสบผลสำเร็จต้องมีความรู้ดังนี้คือ
ต้องมีทักษะในการขยายพันธุ์พืช ผู้ที่จะทำการขยายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตอนกิ่ง การต่อกิ่ง ติดตา และทาบกิ่ง จำเป็นที่จะต้องฝึกปฏิบัติหัดเพื่อให้เกิดความชำนาญ
ต้องรู้จักโครงสร้างภายในต้นพืชและนิสัยการเจริญเติบโตของพืชและควรมีความรู้พื้นฐานทาง ด้านพฤกษศาสตร์ พืชสวน พันธุศาสตร์ และสรีรวิทยาของพืช ความรู้พื้นฐานเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การขยายพันธุ์ประสบผลสำเร็จอย่างมาก
ต้องรู้จักชนิดของพืชและวิธีการขยายพันธุ์ที่ให้ผลแน่นอน ซึ่งพืชแต่ละชนิดมีความยากง่ายในการขยายพันธุ์แตกต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทราบถึงเทคนิคต่าง ๆ ในพืชแต่ละชนิด ซึ่งความรู้อาจได้จากการศึกษาจากเอกสารทางวิชาการหรือจากผู้ที่มีประสบการณ์หรืออาจทำการศึกษาทดลองค้นคว้าด้วยตนเอง
การขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศมักทำให้เกิดการ กลายพันธุ์ ดังนั้นการที่จะคงพันธุ์พืชที่ดีไว้จึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีการขยายพันธุ์โดยวิธีการอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ โดยการขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศเช่น ตัดชำ ตอนกิ่ง ต่อกิ่งและทาบกิ่งเป็นต้น
เช่น การขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศ หรือใช้เมล็ดเพาะปลูก ถึงแม้จะทำให้ มีโอกาสกลายพันธุ์ได้มาก แต่การกลายพันธุ์อาจได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะที่ดีกว่าเดิม เช่น ลำไยพันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกในภาคเหนือ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นำมาจากประเทศจีน ต่อมามีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นทำให้ได้ลักษณะพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าพันธุ์เดิม
อาชีพเกษตรมีความผูกพันกับการขยายพันธุ์พืชอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสาขาพืช ไม่ว่าจะมีอาชีพปลูกพืชชนิดใด จะต้องเกี่ยวข้องกับการขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มปริมาณอยู่ตลอดเวลา จึงควรอย่างยิ่งที่เกษตรกรสาขาพืชจะเรียนรู้หลักการและวิธีการขยายพันธุ์พืชที่ถูกต้อง และเหมาะสมเพื่อช่วยการประกอบอาชีพการเกษตรให้ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ การขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด กับการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์โดยการใช้ส่วนต่างๆ ของต้นพืช เช่น การปักชำ การตอนกิ่ง การติดตา การต่อกิ่ง รวมถึงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ เป็นการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนของเมล็ดที่เกิดจากการผสมเกสรระหว่างเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย โดยนำมาเพาะในวัสดุเพาะ เช่น ทรายหยาบ แกลบดำ ปุ๋ยคอก และดิน ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 : 0.5 โดยปริมาตร
วิธีการเพาะให้กดเมล็ดด้วยนิ้วมือลึกประมาณ 2-3 เท่าของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเมล็ด ดูแลรดน้ำให้วัสดุมีความชื้นพอเหมาะ ระวังอย่างให้แฉะ
การขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ หมายถึง การขยายพันธุ์พืชด้วยการใช้ส่วนต่างๆ ของพืช ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ โดยส่วนต่างๆ ของพืชเหล่าที่สามารถเกิดราก และเจริญเติบโตเป็นต้นพืชได้ การขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เช่น การปักชำกิ่ง การตอนกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การแยกหน่อ การต่อกิ่ง และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นต้น
เลือกใช้กิ่งชนิดกึ่งแก่กึ่งอ่อนลักษณะสีเขียวปนน้ำตาล ความยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร ตัดส่วนโคนกิ่งใต้ข้อห่าง 1 เซนติเมตร เป็นรูปปากฉลามเอียงทำมุม 45 องศา แล้วนำมาจุ่มในสารละลายเร่งการเกิดราก ผึ่งให้แห้งเล็กน้อย นำกิ่งไปปักในถุงขี้เถ้าแกลบให้กิ่งเอียงทำมุม 30 องศา จากแนวตั้งฉากประมาณ 20-30 วัน กิ่งปักชำมีการเกิดราก จากนั้นนำไปย้ายเลี้ยงในดินผสมบรรจุในถุงดำประมาณ 1-2 เดือน จนกิ่งปักชำมีการแตกใบใหม่ออกมา แล้วจึงนำลงปลูกในแปลง
เป็นการทำให้กิ่งพืชเกิดใหม่ในขณะที่ยังอยู่บนต้นแม่ข้อดีคือมีอาหารจากต้นแม่มาเลี้ยงในช่วงที่รอให้เกิดรากนิยมทำในฤดูฝน โดยเลือกตอนกิ่งที่แข็งพอสมควร มักนิยมใช้กิ่งที่ตั้งตรง เพราะออกรากง่ายกว่ากิ่งที่อยู่ในแนวนอน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 0.5 ซม. ขึ้นไป มีวิธีการดังนี้
ก) การเลือกกิ่ง เลือกกิ่งตอนที่มีความสมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกิ่งตั้งแต่ 0.5 เซนติเมตรขึ้นไป มักใช้กิ่งตั้งตรงมากกว่ากิ่งที่อยู่ในแนวนอน เช่น กิ่งกระโดง เพราะมีการเกิดรากดีกว่า
ข) การควั่นกิ่ง เพื่อให้เกิดการสะสมอาหารบริเวณตอนบนของรอยควั่น ความยาวแผลที่ควั่นกิ่งประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นใช้มีดขูดเนื้อเยื่อด้านนอกออก
ค) การใช้สารเร่งราก นำเซราดิกซ์ (IBA ความเข้มข้น 3,000 ppm) ละลายด้วยน้ำ ใช้พู่กันทาบริเวณรอยแผลด้านบน ทิ้งให้แห้งพอหมาดๆ
ง) การหุ้มกิ่งตอน ใช้ขุยมะพร้าวเป็นตุ้มตอน โดยนำมาแช่น้ำแล้วบีบพอหมาดๆ บรรจุใส่ถุงพลาสติกขนาดประมาณ 2 x 4 นิ้ว แล้วนำไปหุ้มกิ่งตอน
การดูแลรักษากิ่งตอนขณะออกราก ต้องรักษาความชื้นให้เหมาะสม ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งต้องมีการให้น้ำตุ้มตอนเพิ่มขึ้น หลังจากตอนประมาณ 1-2 เดือน ตัดกิ่งตอนลงถุง และเลี้ยงไว้ในโรงเรือนเพาะชำประมาณ 1-2 เดือน แล้วจึงนำปลูกในแปลงได้
การต่อกิ่ง คือ การนำกิ่งพันธุ์ดีมาต่อบนต้นตอ มักใช้สำหรับการเปลี่ยนพันธุ์พืชมากกว่าการขยายพันธุ์ นิยมใช้แพร่หลายและได้ผลดีกับทั้งไม้ผลและไม้ประดับ เช่น มะม่วง ขนุน เฟื่องฟ้า ชบา โกศล เป็นต้น ปัจจัยสำคัญที่สุดในการต่อกิ่งคือ ต้นตอและต้นพันธุ์ดีเมื่อต่อแล้ว เนื้อเยื่อเจริญของต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีต้องเชื่อมต่อกันได้ สามารถเจริญเติบโต ออกดอก และติดผลได้
การเตรียมต้นตอ เลือกต้นตอขนาดใกล้เคียงกับกิ่งพันธุ์ดี ตัดต้นตอบริเวณที่ไม่มีข้อหรือตาให้เป็นมุมฉาก ผ่าต้นตอตามยาวให้ลึกประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของกิ่ง
การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี เลือกกิ่งพันธุ์ดีให้มีขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ เฉือนโคนกิ่งพันธุ์ดีให้เฉียงลงทั้งสองข้างเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 1-1/2 นิ้ว
การเสียบกิ่งพันธุ์ดีบนต้นตอ เผยรอยผ่าบนต้นตอโดยใช้ใบมีดสอดเข้าไป บิดมีดให้รอยผ่าเผยออก สอดโคนกิ่งพันธุ์ดีให้แนวเนื้อเยื่อเจริญของต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีทับกัน พันด้วยเทปพลาสติกให้แน่น
การทาบกิ่ง คือ การนำพืชสองต้นมาทำการต่อเชื่อมให้เป็นต้นเดียวกัน โดยมีเซลล์เนื้อเยื่อเป็นตัวเชื่อมติดกัน การทาบกิ่งประกอบส่วนที่เป็นต้นตอ (Stock) ทำหน้าที่เป็นระบบรากของต้นพืชใหม่ และส่วนของกิ่งพันธุ์ดี (Scion) อยู่เหนือรอยต่อ ทำหน้าที่เป็นส่วนยอดหรือกิ่งก้านลำต้นของพืชต้นใหม่
เลือกต้นตอขนาดใกล้เคียงกับกิ่งพันธุ์ดี เฉือนกิ่งต้นตอให้เป็นปากฉลามยาวประมาณ 2 นิ้ว แล้วเฉือนปลายเป็นรูปลิ่ม
เลือกกิ่งพันธุ์ดีให้ขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้เข้าในเนื้อไม้เฉียงขึ้นไปยาวประมาณ 2 นิ้ว ตัดส่วนปลายของเปลือกไม้ที่เฉือนไว้เหลือประมาณ ½ นิ้ว
นำต้นตอประกบเข้ากับกิ่งพันธุ์ดี จัดให้แนวเนื้อเยื่อเจริญสัมผัสกันมากที่สุด แล้วพันด้วยเทปพลาสติกให้แน่น เมื่อรอยแผลต่อเชื่อมกันสนิทดีแล้วให้ตัดที่โคนกิ่งพันธุ์ดีใต้รอยต่อ และนำไปปักชำต่อไป
การติดตา คือ การเฉือนตาจากต้นพันธุ์ดีที่ต้องการขยายพันธุ์ ไปติดกับกิ่งของพืชต้นอื่น เพื่อให้ตาเจริญและเติบโตเป็นกิ่งใหม่ มีลักษณะเหมือนต้นพืชพันธุ์ดีที่ต้องการขยายพันธุ์ ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญ และความประณีตมากจึงจะได้ ขั้นตอนการติดตา มีดังนี้
เลือกต้นตอส่วนที่เปลือกไม้เป็นสีเขียวปนน้ำตาล กรีดต้นตอจากบนลงล่าง 2 รอยห่างกันประมาณ 1 ใน 3 ของเส้นรอบวงของต้นตอ ยาวประมาณ 6 – 7 เซนติเมตร
ตัดขวางรอยกรีดด้านบน แล้วลอกเปลือกออกจากด้านบนลงล่างตัดเปลือกที่ลอกออกให้เหลือด้านล่างประมาณ 1 เซนติเมตร
เฉือนแผ่นตา ยาว 7 – 10 เซนติเมตร ลอกเนื้อไม้ออก แล้วตัดแผ่นตาด้านล่างทิ้งประมาณ 1 เซนติเมตร
สอดแผ่นตาลงในเปลือกของต้นตอ โดยให้ตาตั้งขึ้น ตัดแผ่นตาที่เกินออกแล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่น ประมาณ 7 – 10 วัน จึงเปิดพลาสติกออกแล้วพันใหม่ โดยเว้นช่องให้ตาโผล่ออกมาทิ้งไว้อีก 2 – 3 สัปดาห์ จึงตัดยอดต้นเดิมพร้อมกับกรีดพลาสติกออก
เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชที่ใช้กับพืชที่มีลักษณะ เช่น มีเหง้า หน่อ หรือไหล ซึ่งต้นที่ได้จะเป็นพืชต้นใหม่ที่มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์เดิมทุกประการ เช่น หอม กระเทียม ใช้การแยกส่วนจากหัวที่แยกเป็นกลีบ สตรอว์เบอร์รี่ใช้ไหล กล้วย ไผ่ ใช้หน่อ สับปะรดใช้ตะเกียง (จุก) เป็นต้น
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/data/product/uploads/other4/Sci_P5_9_2.png
เป็นการนำส่วนต่าง ๆ เช่น ปลายยอดอ่อน ปลายราก และตา มาเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์สภาพปลอดเชื้อ ให้เจริญเติบโต เป็นการขยายพันธุ์ที่สามารถผลิตต้นพืชได้จำนวนมากในเวลาอันสั้นมีความสำคัญต่อการปรับปรุงพันธุ์พืช ดังนี้
1. เป็นพื้นฐานของพืชใหม่ ๆ ให้มีลักษณะที่ต้องการและปลอดโรค
2. เป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืช
3. ช่วยเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและในปริมาณมาก ๆ
ทำได้โดยง่ายและรวดเร็ว ได้ต้นพันธุ์จำนวนมาก
เมล็ดมีขนาดเล็กและไม่แห้งตายง่าย จึงทำให้สะดวกในการขนส่ง
ไม่ค่อยติดโรคไวรัสจากต้นแม่
มีรากแก้ว ทำให้มีความแข็งแรง สามารถหยั่งรากลงไปได้ลึกจึงหาน้ำและอาหารได้ดี
ทำได้ทุกฤดูกาล
มีการกลายพันธุ์ ทำให้มีโอกาสในการได้พืชพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าต้นพ่อแม่
มีการกลายพันธุ์ และมักเป็นไปในทางที่เลวกว่าต้นพ่อแม่
ออกผลช้ากว่า
ได้ต้นที่สูงใหญ่จึงไม่สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวและดูแลรักษา
ต้นที่ได้มีขนาดที่ไม่สม่ำเสมอ
พืชบางชนิดไม่มีเมล็ดหรือเป็นหมัน
พืชบางชนิดเพาะเมล็ดแล้วงอกช้า ใช้เวลานาน
ได้ต้นที่ตรงตามพันธุ์
ออกผลเร็วกว่าต้นที่เพาะจากเมล็ด
ได้ต้นที่ไม่สูงเกินไป สะดวกแก่การเก็บเกี่ยวและดูแลรักษา
ได้ต้นที่มีขนาดสม่ำเสมอกัน
ทำได้ยากกว่าการเพาะเมล็ด ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์
ขนส่งไม่สะดวกเนื่องจากกิ่งหรือต้นมีขนาดใหญ่ เปลืองพื้นที่และเก็บรักษายาก
ถ้าต้นแม่เป็นโรค ต้นใหม่ที่ได้มักติดโรคมาด้วย
ไม่มีรากแก้ว ทำให้หักล้มง่าย
มักต้องทำในสภาพอากาศที่เหมาะสมจึงจะมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จสูง