หมายถึง สถานที่ที่เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน สถานที่ผู้ซื้อผู้ขายจะไปตกลงซื้อขายสินค้าและบริการอาจมีสถานที่หรือไม่มีก็ได้
หมายถึง การกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ในทางธุรกิจที่มีผลให้เกิดการนำสินค้าหรือบริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการนั้น ๆ ให้ได้รับความพึงพอใจ ขณะเดียวกัน ก็บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการ
ตลาดประกอบไปด้วย สินค้าหรือบริการ ผู้ชื้อที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ผู้ขายสินค้าหรือบริการ และเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยน
1. การทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยน (Exchanging Function)
1.1 หน้าที่ในการซื้อ ( buying) คือ การนำเงินไปแลกกับสินค้าหรือบริการที่ต้องการซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ในการซื้อให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามหน้าที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 หน้าที่ในการขาย (selling) คือ กิจกรรมในการเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ จัดเป็นภารกิจที่สำคัญต้องการทำให้สินค้าหรือบริการเกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นเงินหรือรายได้ให้แก่กิจการโดยการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่น
2. การทำหน้าที่ทางกายภาพ (Physical Function)
2.1 การแปรรูป (Processing) ช่วยป้องกันการล้นตลาดของผลิตผลสด ซึ่งช่วยยกระดับราคาผลิตผล ไม่ให้ตกต่ำ การเพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นอาหารระดับอุตสาหกรรม ที่สามารถรับวัตถุ ดิบเพื่อผลิตเป็นอาหารจำนวนมากได้ การผลิตอาหารให้ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การส่งเสริม ให้ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารให้เป็นที่ยอมรับ และสามารถขยายตลาดการค้าออกไปสู่ต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มพูน รายได้ให้แก่ประเทศได้เป็นอย่างดี
2.2 การเก็บรักษา (storage) การเก็บรักษาเป็นหน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะการเก็บรักษาจะเป็นการสร้างอรรถประโยชน์ในด้านเวลาเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นตลอดเวลา
2.3 การขนส่ง (transportation) สื่อหน้าที่เกี่ยวกับการนำสินค้าหรือบริการจากแหล่งผลิตไปยังแหล่งต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคอาศัยอยู่
3. การทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก (Facilitating Function)
3.1 การจัดมาตรฐานสินค้าหรือบริการ (standardization and grading) เป็นการจัดการสินค้าหรือบริการให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มเนื่องจากผู้บริโภคหรือผู้ซื้อในปัจจุบันมีลักษณะความต้องการที่แตกต่างกันไป เช่น เครื่องหมายรับร้องมาตรฐานสินค้าเกษตร หรือ Q-Mark ภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551
3.2 การให้ข้อมูลข่าวสารทางการตลาด (marketing information) เป็นการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ แก่ผู้บริโภค หรือผู้ใช้เพื่อนำไปใช้ประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ตรงตามความต้องการ ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการ สถานที่ในการจัดจำหน่ายสินค้า หรือบริการผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสินค้าหรือบริการ วิธีการเหล่านี้เรียกว่า "การส่งเสริมทางการตลาด"
3.3 การอำนวยความสะดวกด้านการเงิน (financing) การดำเนินธุรกิจทางการตลาดในปัจจุบันการเงินได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการอำนวยความสะดวก ในการดำเนินงานของผู้ประกอบการและในการจัดหาสินค้าของผู้บริโภคหรือผู้ซื้อดังนี้
3.3.1 ในด้านผู้ประกอบการ หมายถึง ผู้ประกอบการทางธุรกิจหรือผู้ที่ดำเนินงานด้านการตลาดมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อการลงทุน เช่น ซื้อหรือเช่าอาคารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการประกอบการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีวิธีการในการจัดการที่ดีเพื่อทำให้การเงินของกิจการเกิดสภาพคล่อง โดยจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ หรือการจัดสรรกำไรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานของกิจการ
3.3.2 ในด้านผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าผู้บริโภคจำนวนมากซื้อสินค้าหรือบริการด้วยระบบเครดิตหรือระบบผ่อนชำระมากกว่าการซื้อด้วยเงินสด ทั้งนี้ เพราะสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และสภาพการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิมสถาบันการ เงินจึงได้เข้ามีบทบาทในการอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินชีวิตมากขึ้น และยังช่วยสร้างอำนาจการซื้อให้กับผู้บริโภคให้สามารถจัดหาสินค้าหรือบริการได้ตามที่ต้องการตลอดเวลา
3.4 การรับภาระความเสี่ยงภัย (risk taking) ในการดำเนินงานทางการตลาดในปัจจุบันได้มีการขยายตัวอย่างกว้างขวางการผลิตมีขนาดใหญ่ (Mass production) คู่แข่งขันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตลอดทั้งการลงทุนในการดำเนินงานด้าน ต่าง ๆ มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้การดำเนินงานทางการตลาดต้องเผชิญกับภาวะความเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วย ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานทางการตลาดมีหลายลักษณะดังนี้
3.4.1 ความเสี่ยงภัยที่เกิดจากสภาวะการเปลี่ยนแปลง ความต้องการของผู้บริโภคหรือตลาด
3.4.2 ความเสี่ยงภัยที่เกิดจากลักษณะของผลิตภัณฑ์
3.4.3 ความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินงาน
3.4.4 ความเสี่ยงภัยที่เกิดจากสภาพธรรมชาติ
3.4.5 ความเสี่ยงภัยลักษณะต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้นจัดเป็นความเสี่ยงภัยที่นักการตลาดต้องเผชิญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นนักการตลาดจึงจำเป็นต้องหาวิธีการในการป้องกันและแก้ไขเกี่ยวกับภัยที่อาจเกิดขึ้นได้หลายแนวทาง
1. ตลาดขายปลีกและขายตรงต่อผู้บริโภค เป็นการที่เกษตรกรผลิตสินค้าขึ้นมาก็นำไปขายเอง เช่นขายตามบ้าน ริมถนนหรือตลาดนัดต่าง ๆ
2. ตลาดในท้องถิ่นและพ่อค้าในหมู่บ้าน ซึ่งวิธีการจะมีพ่อค้าเร่ พ่อค้าในหมู่บ้าน หรือสหกรณ์เป็นผู้ซื้อสินค้าและรวบรวมผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อส่งไปจำหน่ายที่อื่นต่อไป
3. ตลาดกลางในเมืองและพ่อค้ารายใหญ่ จะมีพ่อค้ารายใหญ่อยู่ในเมือง หรือในจังหวัดที่จะคอยรวบรวมผลิตผลจากเกษตรกรโดยตรง หรือจากพ่อค้าในท้องถิ่นหรือจากสหกรณ์ เพื่อที่จะบรรจุหีบห่อหรือแยกประเภท แล้วส่งต่อไปขายที่อื่น
4. ตลาดโลกและพ่อค้าส่งออก จะมีพ่อค้าหรือโรงงานแปรรูปรายใหญ่ ที่คอยรวบรวมผลิตผลทางเกษตรเพื่อแปรรูป หรือบรรจุหีบห่อแล้วส่งไปขายทั้งในและต่างประเทศเช่น โรงงานแปรรูปยาง โรงงานแป้งมันสำปะหลั่ง โรงงาน น้ำตาล เป็นต้น
มาตรฐานสินค้าเกษตร
หมายถึง ระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะต่างๆของตัวสินค้าเกษตร วิธีและขั้นตอนการผลิต รวมถึงการดำเนินงานเกี่ยวกับสุขลักษณะ ความปลอดภัย มาตราฐานจะต้องเกิดจากการร่วมกันระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภค และต้องได้รับการยอมรับจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้มาตราฐานถูกนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการทางการผลิตสินค้าเกษตรนั้นๆ
วัตถุประสงค์และขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร
เพื่อเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และมาตรฐานสากลเพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกรและผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม ในด้านราคาที่จำหน่ายหรือซื้อเพื่อเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการเจรจาทางการค้า
ขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร
การกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอำนาจของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและตรวจสอบสินค้าเกษตร ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ และขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรไว้ ดังนี้
1. หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกสินค้าที่จะกำหนดมาตรฐาน มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกสินค้า ดังนี้
- เป็นสินค้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบในการดูแลทั้งระบบคือ ทุเรียน ลำไย กล้วยไม้ และยางพารา
- เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าการส่งออกสูง
- เป็นสินค้าที่มีปัญหาด้านคุณภาพ
- เป็นสินค้าที่มีผลกระทบต่อเกษตรกรจำนวนมาก
- เป็นสินค้าที่องค์การระหว่างประเทศกำหนดมาตรฐานแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่นำมาใช้
- เป็นสินค้าที่ภาคเอกชน และผู้บริโภคต้องการให้มีการกำหนดมาตรฐาน
- เป็นสินค้าที่คณะกรรมการฯ ต้องการให้มีการกำหนดมาตรฐาน
2. องค์ประกอบคณะอนุกรรมการวิชาการมาตรฐาน เพื่อยกร่างมาตรฐาน คณะอนุกรรมการวิชาการมาตรฐาน ประกอบด้วย
- นักวิชาการ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านมาตรฐาน และการค้าหรือการ
อุตสาหกรรม ซึ่งอาจมาจากหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชน
- ผู้ผลิต แต่งตั้งจากผู้ผลิต หรือผู้แทนสถาบันของผู้ผลิตที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับมาตรฐาน
- ผู้ใช้ แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านมาตรฐาน และการค้าหรือการอุตสาหกรรม ซึ่งอาจมาจากหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชน
- จำนวนผู้ทรงคุณวุฒิที่จะแต่งตั้งในแต่ละกลุ่มไม่จำเป็นจะต้องเท่ากัน ให้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและดุลยพินิจของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและตรวจสอบสินค้าเกษตร
3. การจัดทำร่างมาตรฐาน
(1)ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานและกฎระเบียบทั้งในและต่างประเทศเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำมาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
(2) ศึกษาผลกระทบ ผลดี ผลเสีย และความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
(3) รับเอามาตรฐานระหว่างประเทศมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย
(4) ในกรณีที่จัดทำมาตรฐาน โดยไม่มีมาตรฐานระหว่างประเทศตามข้อ (1) หรือในกรณีที่ไม่รับเอามาตรฐานระหว่างประเทศตามข้อ (3) มาใช้ ให้ระบุความจำเป็นที่จะต้องจัดทำมาตรฐานนั้น หรือเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องจัดทำมาตรฐาน นั้นแตกต่างจากมาตรฐานระหว่างประเทศ
(5) จัดทำคู่มือแนวทางการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
4. การจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นต่อร่างมาตรฐาน
คณะอนุกรรมการวิชาการตามข้อ 2 ได้จัดทำร่างมาตรฐานเสร็จแล้ว
สำนักมาตรฐานและตรวจสอบสินค้าเกษตร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นต่อร่างมาตรฐานขึ้นในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตต่าง ๆ พ่อค้า ผู้ประกอบการโรงงาน เข้าร่วมพิจารณาให้ข้อคิดเห็นปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
5. การพิจารณาของคณะกรรมการ
เมื่อร่างมาตรฐานผ่านการสัมมนารับฟังความคิดเห็นแล้วอาจถูกนำกลับไปพิจารณาแก้ไขในคณะอนุกรรมการอีก ถ้ามีการแก้ไขในสาระสำคัญจากการประชุมสัมมนา เมื่อคณะอนุกรรมการวิชาการฯ ได้ให้ความเห็นชอบเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว สำนักมาตรฐานและตรวจสอบสินค้าเกษตร จะนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและตรวจสอบสินค้าเกษตร เพื่อให้ความเห็นชอบ และนำเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. การประกาศเป็นมาตรฐานสินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ร่างมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ จะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อลงนามในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นมาตรฐานสินค้าเกษตร และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป
การศึกษาสภาวะสินค้าเกษตรช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตที่มีสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และเหมาะสมต่อปัจปัจจัยสนับสนุน เช่น ปริมาณน้ำและสภาพอาการ เป็นต้น ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อราคาสินค้าเกษตร ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้รวบรวมรายงานราคาสินค้าเกษตรและแนวโน้มสภาวะเศรษฐฏิจเกษตร โดยสามารถสืบค้นในรูปแบบออนไลน์ได้ทาง https://www.oae.go.th/
ข้อมูลทั่วไป
พื้นที่ทั้งหมด 627,557 ไร่
เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 39,343 ไร่ (6.27% ของพื้นที่ทั้งหมด)
เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 17,847 ไร่
พืชไร่ 5,364 ไร่
พืชสวน 16,132 ไร่
โดยมีพื้นที่เกษตรกรรมในเขตชลประทาน 436,100 ไร่
สถานการณ์ด้านทรัพยากรการผลิตและแนวโน้ม
ปริมาณน้ำภาพรวมจังหวัด 22 ล้าน ลบ.ม.
ปริมาณน้ำฝนสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 ถึง 30 เม.ย. 63 เฉลี่ย 52 มม.
ความต้องการใช้น้ำของจังหวัดจำแนก 4 ด้าน
- อุปโภคบริโภค 18,000,000 ลบ.ม.
- ระบบนิเวศน์ 33,870,000 ลบ.ม.
- เกษตรกรรม 188,901,084 ลบ.ม.
- อุตสาหกรรม 360,000 ลบ.ม.
การใช้ประโยชน์และความเหมาะสมของดินเพื่อการเพาะปลูก (Agri-Map analytic)
พื้นที่ทำการเกษตรที่เหมาะสม นาข้าว พื้นที่ 17,847 ไร่ อยู่ในเขตเหมาะสมทั้งหมด
http://agri-map-online.moac.go.th/
ขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด (GPP)
มีมูลค่า 717,053 ล้านบาท (ปี 2560) (ข้อมูลจาก สศช.)
จำนวนประชากร (ในปี 2561) 1,326,608 คน 675,382 ครัวเรือน
ภาคการเกษตร 10,702 ครัวเรือน
แรงงานภาคเกษตรกร 21,404 คน
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่
ข้าวนาปี (พันธุ์ปทุมธานี 1, พันธุ์กข 47, พันธุ์กข 49, พันธุ์พิษณุโลก 2) ผลผลิตเฉลี่ย 715 กก./ไร่ ผลผลิตรวม 13,582 ตัน
มะพร้าวแก่ ผลผลิตเฉลี่ย 694 ลูก/ไร่ ผลผลิต 2,184 ตัน
มะม่วงน้ำดอกไม้ ผลผลิตเฉลี่ย 384 กก./ไร่ ผลผลิต 2,044 ตัน
สินค้าเด่น/สินค้า GI ได้แก่
มะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ ลักษณะเด่น เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์เขียวนวลและมะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์เบอร์ 4 มีผลอวบอูม เต่งตึง เปลือกบาง ผลสุกสีเหลืองอมเขียว เนื้อแน่น เมล็ดลีบ กลิ่นหอม รสชาติหวานนุ่มลิ้น (พื้นที่ปลูกอำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง จำนวน 3,217 ไร่ ผลผลิต 2,044 ตัน)
สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ (ข้อมูลวันที่ 16 พฤษภาคม 2563)
โคเนื้อ จำนวน 227 ตัว
แกะ จำนวน 48 ตัว
กระบือ จำนวน 42 ตัว
สุกร จำนวน 246 ตัว
แพะ จำนวน 681 ตัว
ไก่ จำนวน 53,785 ตัว
เป็ด จำนวน 5,486 ตัว
สถานการณ์และการช่วยเหลือภัยพิบัติด้านเกษตร
พบการระบาดของ หนอนหัวดำ, แมลงดำหนาม, ด้วงแรด เกษตรกรได้รับผลกระทบ 496 ราย/ครัวเรือน พื้นที่ 533 ไร่ การดำเนินการแก้ไข ใช้ชีววิธีโดยการปล่อยแตนเบียน Bracon hebetor, Acecodes hispinarum และแมลงหางหนีบ แนะนำให้เกษตรกรตัดทางใบที่โดนทำลายและใช้ยาแบบดูดซึมฉีดเข้าลำต้น ในกรณีที่มะพร้าวสูงตั้งแต่ 13 เมตรขึ้นไป และทำกองปุ๋ยหมักผสมเชื้อราเมตตาไรเซียมล่อด้วงแรดตัวเต็มวัย
ปัญหาการตลาดสินค้าเกษตร
ในทางการเกษตรการผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อการบริโภคนั้น พบปัญหาพื้นฐานทางการตลาด ดังนี้
คุณสมบัติสินค้าเกษตรเน่าเสียหาย ยากต่อการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน
การผลิตสินค้าเกษตรขึ้นกับฤดูกาลธรรมชาติ ใช้ระยะเวลาในการปลูก – เก็บเกี่ยว ปริมาณการผลิตไม่แน่นอน ปัญหาเรื่องโรคแมลง
สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานทางการตลาด
ลักษณะความต้องการสินค้าเกษตร