JELLY FISH

เเมงกะพรุนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ โดยมีสาเหตุแรกเริ่มมาจากการที่นักศึกษาชีววิทยาทางทะเลท่านหนึ่งไปเก็บตัวอย่างแมงกะพรุนมาจากท่าเจนัวในประเทศอิตาลี (โดยในสมัยก่อนผู้คนจะเรียกแมงกะพรุนว่าเมดูซ่า) มาเก็บไว้ในถังเเล้วลืมนำตัวอย่างแมงกะพรุนที่เก็บมาได้นั้นไปเเช่เป็นระยะเวลา 2 คืน นักชีววิทยาทางทะเลท่านนั้นคิดว่าเหล่าเมดูซ่าที่เขาจับมานั้นคงตายไปเเล้วเเน่ๆ เเต่เมื่อเขากลับมาดูที่ถังปรากฎว่าเหล่าเมดูซ่าที่เขาจับมานั้นได้กลายร่างเป็นสิ่งที่เรียกว่า "โพลิป" หรือดอกไม้ทะเลขนาดจิ๋ว นักชีววิทยาทางทะเลคนนั้นจึงได้ทำการนำแมงกะพรุนมาศึกษาต่อจนได้ค้นพบว่าแมงกะพรุน หรือ เมดูซ่า นั้นสามารถเกิดใหม่ได้ไม่รู้จบ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เเมงกะพรุนได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะนั่นเอง 

โดยวงจรชีวิตของแมงกะพรุนนั้นเริ่มจากไข่ที่ผสมแล้วของแมงกะพรุนโตเต็มวัยที่มัลักษณะเป็นถุงตัวอ่อน (Larva) ไปยึดเกาะกับหิน หลังจากนั้นจะค่อยๆ พัฒนาไปเป็นโพลิปและพัฒนากลายเป็นเมดูซ่าที่โตเต็มวัยพร้อมผสมไข่กับสเปิร์มต่อไปจนครบวงจรวงลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ มนุษย์เมื่อได้รู้ว่าว่าแมงกะพรุนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะจึงได้นำแมงกะพรุนมาทำการทดลองเพื่อหาว่าสิ่งใดที่ทำให้เเมงกะพรุนนั้นเป็นอมตะได้นั่นเอง ตัวอย่างเช่น การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์ต้นกำเนิดชาวญี่ปุ่น Shinya Yamanaka และ Kazutoshi Takahashi ได้ทดลองนำยีนส์ของแมงกะพรุนอมตะไปฉีดในผิวหนังของหนูทดลอง ผลปรากฎว่าสามารถควบคุมเซลล์ผิวหนังของหนูให้ย้อนกลับได้ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยให้นักวิจัยเลี้ยงเซลล์ประสาท เซลล์เลือด เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ให้กลับมางอกใหม่ได้ ผลงานวิจัยนี้ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้รับรางวัลโนเบลในปี 2012 

ภาพวงจรชีวิตของแมงกะพรุน

ที่มา : https://animalhype.com/wp-content/uploads/2019/09/Lifecycle-of-a-Jellyfish.jpg

จากที่กล่าวมาข้างต้นทางผู้สร้างสรรค์ผลงานจึงได้นำเอาแนวคิดความเป็นอมตะของแมงกะพรุนมาสร้างสรรค์ผลงาน โดยต้องการจะเปรียบเทียบวงจรชีวิตของแมงกะพรุนกับชีวิตของมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ มากมายเพียงใดก็ยังสามารถผ่านพ้นเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ เช่นเดียวกับแมงกะพรุนที่ไม่ว่าจะถูกทรมานให้ตายกี่ครั้งก็ยังคงสามารถกลับร่างไปมาระหว่าง เมดูซ่า กับ โพลิป วนลูปแบบนั้นไม่รู้จบ

CREATIVE TEAM

ภาพเบื้องหลังการทำงาน