ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน
ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S) ในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการจัดการเรียนการสอน ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ค 32101 เรื่อง ลำดับและอนุกรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศหอวังนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างปีการศึกษา 2567 ซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องลำดับและอนุกรมต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินของโรงเรียน ซึ่งตั้งเกณฑ์ผ่านไว้ระดับร้อยละ 65 โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ดังนั้นทำให้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนไม่ประสบผลสำเร็จมี คือ
1) การจัดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้
2) ขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสม
3) นักเรียนขาดทักษะในการแสวงหาความรู้ และการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
4) นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้
หากปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขจะก่อให้เกิดผลเสียต่อนักเรียนคือนักเรียนขาดทักษะในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์และอาจส่งผลต่อเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
ข้าพเจ้าดำเนินการดังนี้คือ
1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาที่ใช้
1.1. วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2560) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนนวมินทราชินูทิศหอวังนนทบุรี ในเรื่องของ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด ของเนื้อหาเรื่องลำดับและอนุกรม
1.2 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของกับรูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S) เพื่อเป็นแนวทางในการสร้าง กิจกรรมการเรียนรู้
1.3 สำรวจความพร้อม ความสามารถในการเข้าถึงสื่อและเทคโนโลยีรวมถึงรูปแบบการเรียนรู้ ของนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง
2. กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องลำดับและอนุกรม
2.2 กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ผู้วิจัยต้องการให้เกิดแก่นักเรียนหลังจากได้เรียน
ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S)
3. กำหนดโครงสร้างหน่วยการเรียนรู้
3.1 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องลำดับและอนุกรม รายวิชาคณิตศาสตร์ 3 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 3 คาบเรียนโดยเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยากตามลำดับ
3.2 นำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ลำดับและอนุกรม ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเสนอ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน เพื่อประเมินความสอดคล้องของจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ตลอดจนความถูกต้องของภาษาที่ใช้
3.3 นำผลการประเมินความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องลำดับและอนุกรม และ ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมาปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ตามคำแนะนำ ของผู้เชี่ยวชาญ ก่อนนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จริงกับนักเรียนที่เป็น
กลุ่มตัวอย่าง
4. ขั้นสร้างนวัตกรรม
4.1 กำหนดและจัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนลำดับและอนุกรมซึ่งประกอบด้วย เอกสารประกอบการเรียนรู้
4.2 จัดทำเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องลำดับและอนุกรม โดยจัดทำให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ศาสตร์(ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยจัดเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยากตามลำดับ
4.3 จัดทำชุดการสอน เรื่องลำดับและอนุกรม
4.4 นำกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนเรื่องลำดับและอนุกรม เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน ตรวจสอบ ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ ความถูกต้อง ชัดเจน ความสอดคล้องสาระการเรียนรู้ และระยะเวลาที่ใช้ ตลอดจนภาษาที่ถูกต้อง โดยใช้แบบประเมินความเหมาะสมซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าตามวิธีของ Likert 5 ระดับ (Knapp, 1990. อ้างในสุชีรา ภัทรายุตวรรตน์, 2551 : 181) ดังนี้
5 มีความเหมาะสมมากที่สุด
4 มีความเหมาะสมมาก
3 มีความเหมาะสมปานกลาง
2 มีความเหมาะสมน้อย
1 มีความเหมาะสมน้อยที่สุด
4.5นำผลการประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S)
และข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมาปรับปรุงแก้ไข และพัฒนากิจกรรม การเรียนรู้ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
4.6 นำกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S) เรื่องลำดับและอนุกรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สมบูรณ์แล้วไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite โดยปรับตามสถานการณ์และบริบทให้เหมาะสม
4.8 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้น และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ปรับปรุงแก้ไขได้ในระบบ google classroom ที่ครูสร้างขึ้น สำหรับใช้แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ศึกษา และทำการทดสอบใหม่จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชาคณิตศาสตร์ (ค32101) ปีการศึกษา 2567 ที่เรียน โดยใช้ชุดการสอนลำดับและอนุกรม
ใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S) ในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สูงขึ้น ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 65 ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คิดเป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ 70.75
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชาคณิตศาสตร์ (ค32102) ปีการศึกษา 2567 ที่เรียน โดยใช้ชุดการสอนลำดับและอนุกรม ใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ผสมผสานกับ (K-W-D-S) ในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สามารถนำองค์ความรู้ สมรรถนะและทักษะ ดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองในชีวิตประจำวัน และเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในขั้นสูงต่อไป