โครงงานเป็นผลงานทางวิชาการที่ต้องมีความถูกต้องทั้งด้านเนื้อหา และรูปแบบความถูกต้องของรูปแบบขึ้นอยู่กับการจัดพิมพ์และการประกอบส่วนต่างๆเข้าด้วยกันการพิมพ์โครงงานเป็นความรับผิดชอบของนักศึกษาอย่างเต็มที่ดังนั้นนักศึกษาจะต้องศึกษาหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการพิมพ์โครงงานให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และต้องตรวจทานแก้ไขต้นฉบับให้ถูกต้องสมบูรณ์ก่อนการจัดพิมพ์ทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลาค่าใช้จ่าย
ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความประสงค์ที่จะให้โครงงานมีมาตรฐานอย่างเดียวกันจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์และรูปแบบในการพิมพ์โครงงานไว้ดังนี้
1. การพิมพ์ (Typing)
1.1 บทความจะต้องพิมพ์บนกระดาษสีขาวขนาดมาตรฐาน A4 ความหนา 80 แกรมขึ้นไป
1.2 พิมพ์หน้าเดียวตัวพิมพ์สีดำขนาดมาตรฐานชนิดเดียวกันตลอดทั้งเล่ม
1.3 โครงงานฉบับสมบูรณ์จะต้องมีความประณีตทั้งในเรื่องวัสดุการพิมพ์ไม่มีรอยขีดฆ่าขูดลบไม่ควรพิมพ์ผิด พิมพ์ตกหรือพิมพ์เพิ่มไว้เหนือหรือใต้บรรทัดและไม่ต้องเพิ่มลวดลายสีสันใดๆ
1.4 ใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์โดย ตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ใช้แบบ TH SarabunPSK ขนาด16พอยต์ ยกเว้น ในส่วนที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ
2. การตั้งค่าหน้ากระดาษ (Margination) ตัวอย่างการตั้งค่าหน้ากระดาษโครงงานวิจัย
ให้เว้นริมขอบกระดาษทั้งสี่ด้านโดยไม่ต้องตีกรอบหน้า
เว้นริมขอบกระดาษด้านบน 1 นิ้ว (2.54 ซม.)
ด้านล่าง 1.0 นิ้ว (2.54 ซม.)
ด้านซ้าย 1.5 นิ้ว (3.81 ซม.)
ด้านขวา 1.0 นิ้ว (2.54 ซม.) **เฉพาะหน้าที่ขึ้นใหม่เท่านั้น**
3. การลำดับหน้า
การเขียนรายงานโครงงานฉบับสมบูรณ์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการโครงการโดยทั่วไปมีโครงสร้างได้แก่
3.1 ส่วนนำ (Preliminaries) ให้ใช้ลำดับหน้าของโครงงานภาษาไทยด้วยอักษร ก ข ค ตามลำดับ (เว้นตัวอักษรฃและฅ) สำหรับโครงงานภาษาอังกฤษให้ลำดับหน้าด้วยตัวเลขโรมัน i ii iii ตามลำดับ ให้นับหน้า ก หรือ i ตั้งแต่หน้าปกในโดยไม่ต้องพิมพ์อักษรหรือตัวเลขกำกับให้พิมพ์ตั้งแต่หน้า ข หรือ ii (หน้าอนุมัติ) เป็นต้นไปที่กลางหน้ากระดาษด้านล่างและให้เว้นระยะห่างจากขอบกระดาษด้านล่าง 1.0 นิ้ว
3.2 ส่วนเนื้อความ (Text) และส่วนอื่นๆทั้งหมด ให้พิมพ์หมายเลขลำดับหน้าไว้ที่กลางหน้ากระดาษด้านล่างห่างจากริมขอบกระดาษ 0.5 นิ้ว โดยให้ลำดับเลขหน้าด้วยเลขอาราบิก (เช่น 1, 2, 3,...) ให้พิมพ์เลขหน้าตั้งแต่หน้าถัดไปของทุกๆบท โดยไม่ต้องพิมพ์เลขในหน้าแรกของบทนั้นๆ รวมถึงหน้าแรกของรายการอ้างอิงและหน้าแรกของภาคผนวก แต่ให้นับหน้ารวมไปด้วย
3.3 ในกรณีที่จำเป็นต้องพิมพ์ตามความยาวของหน้ากระดาษให้พิมพ์หมายเลขลำดับหน้าไว้ในตำแหน่งเดียวกับหน้าอื่นๆ
3.4 ไม่ต้องพิมพ์เครื่องหมายใดๆ ไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังตัวอักษรหรือเลขลำดับหน้า
4 การเว้นระยะพิมพ์ (Spacing)
4.1 เว้นระยะพิมพ์ระหว่างบรรทัด 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว ยกเว้นที่กำหนดเป็นอย่างอื่น
4.2 การย่อหน้า (Tab) ให้เว้นระยะพิมพ์ให้เหมาะสมก่อนขึ้นย่อหน้าหัวข้อใหม่และก่อนเริ่มต้นเนื้อหาของแต่ละหัวข้อใหม่เสมอ
4.3 เว้นหนึ่งช่วงตัวอักษรหลังเครื่องหมายจุลภาค (Comma) อัฒภาค (Semicolon) มหัพภาค (FullStop) ทวิภาคหรือจุดคู่ (Colon) ปรัศนีย์ (Question Mark) และอัศเจรีย์ (Exclamation Mark) ยกเว้นกรณีหลังชื่อย่อ (Initial) ให้เว้นหนึ่งช่วงตัวอักษร
4.4 นอกจากข้อ 4.1 – 4.3 ให้ดูตัวอย่างการเว้นระยะพิมพ์ในหลักเกณฑ์การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และเครื่องหมายอื่นๆของราชบัณฑิตยสถาน
5 การพิมพ์ส่วนต่างๆของโครงงาน
นักศึกษาจะต้องศึกษาส่วนประกอบของโครงงานอย่างละเอียด ก่อนที่จะเริ่มการเขียนรายงานโครงงานวิจัย เพื่อให้ทราบถึงขนาดและขอบเขตของโครงงานว่าจะต้องนำเสนออะไรบ้าง
และจะต้องนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยไปเขียนไว้ในส่วนประกอบใด ทั้งนี้รายงานโครงงานฉบับสมบูรณ์ควรประกอบด้วยส่วนต่างๆ 5 ส่วนคือ
1) ส่วนนำ (Preliminaries)
2) ส่วนเนื้อความ (Text)
3) บรรณานุกรม (Bibliography) หรือเอกสารอ้างอิง (References)
4) ภาคผนวก (Appendix)
5) ประวัติผู้เขียน(นักศึกษา) (Vita หรือ Curriculum Vitae)
5.1 ส่วนนํา (Preliminaries) ประกอบด้วย
ปก (Cover) ประกอบด้วยปกหน้า สันปก และปกหลัง ตัวอย่างการตั้งค่าหน้าหน้าปก
1.ปกหน้าใช้ปกสีเดียวที่ภาควิชาฯ กำหนด (ขึ้นอยู่กับแต่ละปีการศึกษา)
2.สันปก ให้พิมพ์เลขที่โครงงาน และชื่อโครงงานภาษาไทย โดยใช้ตัวอักษร รูปแบบ TH SarabunPSK ขนาด 18 พอยต์ ตัวหนา
3.ปกหลังไม่ต้องพิมพ์ข้อความใดๆ
5.2 ใบรองปก (Fly leaf)
เป็นกระดาษเปล่าขนาดเดียวกับกระดาษที่ใช้พิมพ์โครงงานโดยต้องรองทั้งปกหน้า และปกหลังด้านละ 1 แผ่น
5.3 หน้าปกใน (Title Page)
เป็นหน้าที่มีข้อความเหมือนหน้าแรกของโครงงาน ให้ใช้รูปแบบเดียวกับปกหน้า แต่ให้พิมพ์ในกระดาษ A4 สีขาว
5.4 หน้าอนุมัติ (Approval Page) ตัวอย่างการตั้งค่าหน้าหน้าอนุมัติ
เป็นหน้าที่จัดไว้สำหรับกรรมการตรวจและสอบโครงงานลงนามรับรองหรืออนุมัติโครงงาน
- พิมพ์ชื่อหัวข้อและชื่อผู้เขียนตามชื่อในปกหน้า
- พิมพ์ข้อความว่ากรรมการสอบโครงงานไว้ใต้ชื่อหัวหน้าภาควิชาฯและให้ห่างลงไป 2 บรรทัด
5.5 หน้ากิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) ตัวอย่างการตั้งค่าหน้ากิตติกรรมประกาศ
เป็นส่วนที่ผู้เขียนโครงงานแสดงความขอบคุณผู้ที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการศึกษาค้นคว้าและจัดทำโครงงาน
- โครงงานภาษาไทยให้จ่าหน้าว่า กิตติกรรมประกาศ ด้วยขนาดตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนา
- โครงงานภาษาอังกฤษให้จ่าหน้าว่า ACKNOWLEDGEMENT ด้วยขนาดตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนา
- พิมพ์จ่าหน้าไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากริมขอบบน 1.5 นิ้ว
- พิมพ์ข้อความบรรทัดแรกห่างจากจ่าหน้า 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
- ถ้าคำขอบคุณมีความยาวมากกว่า 1 หน้าให้พิมพ์ข้อความบรรทัดแรกของหน้าต่อไปห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้ว
- พิมพ์ชื่อและชื่อสกุลของผู้เขียนห่างจากบรรทัดสุดท้ายของข้อความ 2 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวเยื้องไปทางด้านขวาของข้อความโดยไม่ต้องระบุวันที่
5.6 บทคัดย่อ (Abstract) ตัวอย่างการตั้งค่าบทคัดย่อ
คือตัวแทนของสาระสำคัญของโครงงานทั้งฉบับความย่อของประเด็นสำคัญของรายงานหรือโครงงานที่คัดเลือกแล้วคัดเอามาย่อ บทคัดย่อเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรายงานของโครงงานเพราะเป็นส่วนสาระของงานวิจัยที่นำเสนอไว้ก่อนส่วนอื่นๆ แต่เป็นส่วนที่ต้องเขียนในลำดับท้ายสุดของงานเขียนโครงงาน ความสำคัญของบทคัดย่ออยู่ที่หน้าที่ของบทคัดย่อผู้สนใจที่ได้เห็นหัวข้อหรือชื่อเรื่องรายงานการค้นคว้าวิจัยหรือโครงงานเมื่อได้อ่านบทคัดย่อของงานวิจัยนั้นควรทราบได้ทันทีว่างานวิจัยนั้นเกี่ยวกับอะไรทำอย่างไรได้ผลหรือค้นพบอะไรบ้าง
- ไม่ว่าโครงงานจะจัดทำเป็นภาษาอะไร จะต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษบทคัดย่อแต่ละส่วนควรมีความยาวไม่เกิน 500 คำ หรือไม่เกิน 2 หน้ากระดาษพิมพ์
- ในหน้าแรกของบทคัดย่อ ให้พิมพ์ชื่อเรื่องโครงงานห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้ว และพิมพ์ชื่อหัวข้อโครงงาน ชื่อและชื่อสกุลของนักศึกษาชื่อภาควิชาชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานพร้อมตำแหน่งทางวิชาการ และปีการศึกษาเรียงลงมาตามลำดับ (ดูตัวอย่าง)
- ให้เว้น 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว แล้วพิมพ์คำว่า บทคัดย่อ หรือ ABSTRACT ไว้กลางหน้ากระดาษด้วยขนาดตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนา
- ให้เว้น 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวแล้วจึงพิมพ์ข้อความ
5.7 สารบัญ (Table of contents) ตัวอย่างการตั้งค่าสารบัญ
เป็นบัญชีแสดงการแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นบท โดยระบุชื่อบทพร้อมแสดงหมายเลขหน้าตามที่ปรากฏในโครงงาน
5.8 สารบัญตาราง (List of tables) ตัวอย่างการตั้งค่าสารบัญตาราง
เป็นบัญชีตารางพร้อมหมายเลขหน้าที่ปรากฏในโครงงาน
- พิมพ์จ่าหน้า สารบัญตารางหรือ LIST OF TABLES ไว้กลางหน้ากระดาษตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนาห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้ว
- พิมพ์จ่าหน้าตารางห่างจากหน้าลงมา 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวให้ห่างจากริมขอบกระดาษซ้ายมือ1.5 นิ้ว
- พิมพ์คำว่าหน้าหรือ Page ในแนวเดียวกันให้ห่างจากขอบกระดาษขวามือ 1.0 นิ้ว
- แสดงบัญชีตารางโดยระบุหมายเลขลำดับตาราง ชื่อตาราง หรือคำอธิบายตารางและหมายเลขหน้าตามที่ปรากฏในโครงงาน ให้หมายเลขลำดับตารางอยู่ชิด
ซ้ายจากขอบกระดาษ 1.5 นิ้วโดยเว้นระยะพิมพ์ 2 ช่วงตัวอักษรก่อนพิมพ์ชื่อตารางหรือคำอธิบายตารางแล้วพิมพ์หมายเลขหน้าให้ตรงกับคำว่าหน้าโดยจัด
ให้ชิดขวาห่างจากขอบกระดาษขวามือ 1.0 นิ้ว
- พิมพ์บัญชีตารางรายการแรกห่างจากคำว่าตารางและหน้า 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
5.9 สารบัญภาพ (List of figures) ตัวอย่างการตั้งค่าสารบัญภาพ
เป็นบัญชีภาพประกอบเนื้อเรื่องพร้อมหมายเลขหน้าที่ปรากฏในโครงงาน
- พิมพ์คำว่า สารบัญภาพ ไว้กลางหน้ากระดาษตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนาห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้ว
- พิมพ์คำว่า ภาพหรือ รูปห่างจากจ่าหน้าลงมา 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวให้ห่างจากริมขอบกระดาษซ้ายมือ1.5 นิ้ว
- พิมพ์คำว่าหน้าในแนวเดียวกันให้ห่างจากริมขอบกระดาษขวามือ 1.0 นิ้ว
- แสดงบัญชีภาพประกอบโดยระบุหมายเลขลำดับภาพ ชื่อภาพ หรือคำอธิบายภาพและหมายเลขหน้าตามที่ปรากฏในโครงงานให้หมายเลขลำดับภาพอยู่ตรงกับของคำว่า ภาพ ข้างบน
โดยเว้นระยะพิมพ์ 2 ช่วงตัวอักษรก่อนพิมพ์ชื่อภาพหรือคำอธิบายภาพแล้วพิมพ์หมายเลขหน้าให้ตรงกับคำว่าหน้าโดยจัดรูปแบบเช่นเดียวกับสารบัญตาราง
- พิมพ์บัญชีภาพประกอบรายการแรกห่างจากคำว่า ภาพหรือรูป 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
5.10 (หากมี) อักษรย่อและสัญลักษณ์ (Abbreviations and symbols)
เป็นการนำเสนออักษรย่อและสัญลักษณ์ที่มีผู้กำหนดไว้หรือผู้เขียนกำหนดขึ้นใช้ในโครงงาน
- โครงงานภาษาไทยให้จ่าหน้าว่า อักษรย่อ หรือ สัญลักษณ์หรือ อักษรย่อและสัญลักษณ์ ไว้กลางหน้ากระดาษ ตัวอักษร 20 พอยต์ตัวหนาห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้ว
ส่วนโครงงานภาษาอังกฤษให้จ่าหน้าว่า ABBREVIATIONS หรือ SYMBOLSหรือ ABBREVIATIONS AND SYMBOLS
- พิมพ์ข้อความบรรทัดแรกของอารัมภบท (ถ้ามี) ห่างจากจ่าหน้าลงมา 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
- แสดงบัญชีอักษรย่อและสัญลักษณ์พร้อมคำอธิบาย โดยพิมพ์อักษรย่อรายการแรกห่างจากข้อความข้างบน 2 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
2. ส่วนเนื้อความ (Text) ประกอบด้วย
เนื้อความหรือเนื้อหาของโครงงานเป็นส่วนที่แสดงถึงรายละเอียดการทำโครงงาน ควรมีการแบ่งเนื้อความออกเป็นบท หรือตอน ซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงขึ้นอยู่กับเนื้อหา ขอบเขต และขั้นตอนการทำโครงงาน แต่แนวทางที่มีการนำไปปฏิบัติโดยทั่วไปคือสามารถแบ่งเป็นส่วนของบทต่างๆ ได้ ประกอบด้วย จำนวน 5 บท หรือ 6 บท (ขึ้นอยู่กับโครงงานที่ทำ) ดังนี้
บทที่ 1 บทนํา (Introduction) ประกอบไปด้วยหัวข้อย่อยคือ ตัวอย่างการตั้งค่าบทที่ 1-6
1.1 ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ข้อมูลในบทนี้ส่วนใหญ่จะมาจาก Proposal ที่ได้เขียนขึ้นในเบื้องต้นและสามารถที่จะนํามาใช้ในบทนี้ได้แต่มิใช่นํามาทั้งหมดเพียงแต่นําส่วนหนึ่งมาใช้และแต่งเติมให้เข้ากับรายงานโดยจะต้องนำเสนอให้รัดกุมตรงจุด และชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพรวมของโครงงาน ซึ่งสามารถชี้นำไปสู่หลักการที่เกี่ยวข้อง และวิธีการดำเนินงานที่จะกล่าวในบทต่อไป
บทที่ 2 หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ควรเขียนแยกตามแหล่งที่มาของรายละเอียดโดยแบ่งเป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนแนวคิดที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนผลงานที่เกี่ยวข้องโดยลักษณะการเขียนควรสรุปถึงประเด็นที่น่าสนใจและผู้ทําโครงงานควรแสดงกรอบความคิดในการวิจัยซึ่งผลที่ได้จากการค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
บทที่ 3 ข้อมูลโรงงาน (ถ้ามี) (มีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับโครงงานที่ทำ)
แสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับโรงงานที่ทําโครงงานอยู่และข้อมูลของปัจจัยที่เราสนใจเช่น ข้อมูลขั้นตอนการผลิตเมล็ดกาแฟในโครงงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มาจากเมล็ดกาแฟ เป็นต้น
บทที่ 4 วิธีการดำเนินงานของโครงงานวิจัย
เป็นการพูดถึงขั้นตอนการดําเนินงานวิธีการรวบรวมข้อมูลวิธีการกระทํากับข้อมูลเช่นวิธีรวบรวมข้อมูลวิธีดําเนินการทดลองวิธีการวัดผลวิธีการสร้างเครื่องมือเป็นต้น
บทที่ 5 ผลการดำเนินงานของโครงงานวิจัย
เป็นการแสดงผลของการดำเนินงานหรือข้อมูลที่ได้จากการทดลองหรือวิจัย บางครั้งอาจรวมอยู่ในบทที่ผ่านมาคือกล่าวถึงวิธีการดำเนินงานวิจัย และนำเสนอผลการดำเนินงานควบคู่ในบทเดียวกัน
บทที่ 6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
เป็นการสรุปผลการโครงงานการอภิปรายผลการทําโครงงานและการให้ข้อเสนอแนะในบทสุดท้ายนี้ถือว่าเป็นหัวใจสําคัญที่สุดของการเขียนรายงานในการทําโครงงานเพราะต้องมีการตีความและสรุปผลการค้นพบทั้งหมดในบทนี้จึงมักจะเป็นการทบทวนปัญหาอย่างสั้นๆเพื่อนําไปสู่การสรุปและการอภิปรายผลทันทีการสรุปผลควรสรุปตามข้อเท็จจริงที่พบในการทําโครงงานให้เห็นคําตอบของปัญหาที่ต้องทำโครงงานส่วนการอภิปรายผลควรมีลักษณะที่สร้างสรรค์ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีการอภิปรายผลควรรวมถึงการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการคํานึงถึงจุดอ่อนของวิธีการดําเนินการของโครงงานและควรจะมีการทบทวนแนวคิดในการทําโครงงานขอบเขตการทําโครงงานเพื่อนําไปสู่การเสนอแนะการทําโครงงานอื่นๆต่อไป
- ควรแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นบทเมื่อเริ่มบทใหม่ต้องขึ้นหน้าใหม่เสมอ
- การจ่าหน้าของแต่ละบท
ก) พิมพ์จ่าหน้าไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากริมขอบบน 2.0 นิ้ว
ข) ไม่ต้องเว้นระยะพิมพ์ระหว่างบรรทัดแต่ให้กำหนดการเว้นบรรทัด
ค) เนื้อหาในย่อหน้าเดียวกันให้พิมพ์ต่อไปเลยไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่
ง) หากจะขึ้นบรรทัดใหม่ก็ต่อเมื่อจะพิมพ์ย่อหน้าใหม่
จ) ตัวอักษรภาษาไทยให้ใช้แบบ TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยต์
3. บรรณานุกรม (Bibliography) หรือเอกสารอ้างอิง (References) ตัวอย่างการตั้งค่าบรรณานุกรม
การเขียนบรรณณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิง คือการระบุแหล่งข้อมูลที่ได้ศึกษาหรืออ้างอิง เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่แหล่งข้อมูลดังกล่าว และเป็นการนำเสนอให้ผู้อ่านที่สนใจในรายละเอียดเชิงลึกที่เราได้อ้างอิงซึ่งมากกว่าในรายงานวิจัยได้เราได้นำมา เพื่อสามารถไปศึกษาเพิ่มเติม
การพิมพ์บรรณานุกรมหรือ เอกสารอ้างอิง
1. จ่าหน้าว่าบรรณานุกรมหรือ BIBLIOGTAPHY หรือ เอกสารอ้างอิง หรือ REFERENCES ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากริมขอบกระดาษด้านบน 1.5 นิ้วตัวอักษรขนาด 20 พอยต์ตัวหนา
2. พิมพ์บรรทัดแรกของรายการแรกห่างจากจ่าหน้า 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวให้อักษรตัวแรกอยู่ห่างจากริมขอบกระดาษด้านซ้ายมือ 1.5 นิ้ว และอักษรตัวสุดท้ายอยู่ห่างจากริมขอบ
กระดาษด้านขวามือ 1.0 นิ้วพิมพ์บรรทัดต่อๆ ไปของรายการเดียวกันย่อหน้าเข้าไป 10 ช่วงตัวอักษรพิมพ์ให้อักษรตัวสุดท้ายของบรรทัดทุกรายการห่างจากริมขอบขวามือ 1.0 นิ้ว
3. เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว
4. ให้บรรทัดสุดท้ายของหน้าอยู่ห่างจากริมขอบกระดาษด้านล่าง 1.0 นิ้ว
5. พิมพ์เลขกำกับหน้ากลางหน้ากระดาษด้านล่างห่างจากริมขอบกระดาษ 0.5 นิ้ว ไม่ต้องมีเครื่องหมาย ข้างหน้าหรือข้างหลังหมายเลข
6. พิมพ์บรรณานุกรม หรือเอกสารอ้างอิงภาษาไทยก่อนภาษาต่างประเทศ
7. เรียงแต่ละรายการตามลำดับอักษรของคำแรกของแต่ละรายการตามพจนานุกรม
1. สาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเขียนเอกสารอ้างอิง
1.1 การเรียงลำดับเอกสารอ้างอิง
1.1.1 ผู้เขียนชาวไทย เรียงชื่อต้นของผู้เขียนตามลำดับในพยัญชนะ ก ถึง ฮ และสระ ตามที่ปรากฏในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน
1.1.2 ผู้เขียนชาวต่างประเทศ เรียงนามสกุลของผู้เขียนตามลำดับพยัญชนะ A ถึง Z
1.2 การเรียงลำดับการอ้างอิงตามรายชื่อผู้เขียน
1.2.1 กรณีผู้เขียนคนแรกเป็นคนเดียวกันและมีผลงานหลายเรื่อง ยึดหลักการเขียน ดังนี้
1.2.1.1 เรียงลำดับผลงานตามลำดับปีที่พิมพ์ โดยเริ่มจากปีที่พิมพ์ก่อน
พิมพาภรณ์ กลั่นกลิ่น. (2553).
พิมพาภรณ์ กลั่นกลิ่น. (2554).
Bloomer, M. J. (2006).
Bloomer, M. J. (2010).
1.2.1.2 เรียงลำดับผลงานที่มีผู้เขียนคนเดียวก่อนผลงานที่มีผู้เขียนร่วม ถึงแม้ จะตีพิมพ์ก่อน โดยเรียงตามลำดับอักษรชื่อต้นสำหรับเอกสารอ้างอิงภาษาไทย และเรียงลำดับอักษรชื่อ-สกุลสำหรับเอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษ
อมรรัชช์ งามสวย. (2551).
อมรรัชช์ งามสวย และ ฐิติมา สุขเลิศตระกูล. (2551).
Shega, J. (2010).
Shega, J., & Emanuel, L. (2008).
1.2.2 กรณีมีผู้เขียนหลายคน หากเป็นเอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษให้เรียงลำดับอักษร ของชื่อสกุลผู้เขียนคนแรกและคนต่อๆไปตามลำดับ ส่วนกรณีเอกสารอ้างอิงภาษาไทยให้ปฏิบัติแบบ เดียวกันแต่เรียงลำดับอักษรของชื่อผู้เขียนแทน ดังตัวอย่าง
หรรษา เศรษฐบุปผา, จารุณี รัศมีสุวิวัฒน์, และ สกาวรัตน์ เทพประสงค์. (2553).
หรรษา เศรษฐบุปผา, ยุวยงค์ จันทรวิจิตร, สุชาดา เหลืองอาภาพงศ์, ณัฐกาญจน์ สุรภักดี, และ อัมพิกา สุวรรณบุตร. (2553).
Nelson, J. E., Bassett, R., & Boss, R. D. (2011).
Nelson, J. E., Bay, E. B., & Boss, R. D. (2010).
1.2.3 การอ้างอิงผู้เขียนคนเดียวกัน หรือหลายคนที่มีผลงานหลายเรื่องในปีเดียวกันให้ เรียงลำดับตามตัวอักษรของชื่อเรื่อง (ไม่รวมคำว่า A หรือ The) โดยใช้อักษร ก, ข, ค หรือ a, b, c ตามลำดับ ปีที่พิมพ์ ดังตัวอย่าง
เนตรทอง นามพรหม. (2555ก).
เนตรทอง นามพรหม. (2555ข).
Campbell, M. L. (2009a). Introduced marin….
Campbell, M. L. (2009b). An overview of….
หมายเหตุ: ในกรณีบทความนั้นมีการตีพิมพ์เป็นตอนๆต่อเนื่องกัน ให้เรียงลำดับ ตามตอนปีที่ตีพิมพ์แทนตัวอักษรของชื่อเรื่อง
1.2.4 กรณีที่ผู้เขียนคนแรกมีชื่อต้นเดียวกันในเอกสารอ้างอิงภาษาไทยให้เรียงลำดับตาม พยัญชนะตัวแรกของนามสกุลผู้เขียนคนแรก สำหรับเอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษกรณีผู้เขียนคนแรก นามสกุลเดียวกันให้เรียงลำดับตามตัวอักษรย่อของชื่อแรก
พิกุล นันทชัยพันธ์. (2555).
พิกุล บุญช่วง. (2555).
Davison, C. L., & Hewitt, M. L. (2008).
Davison, N. C., & Everett, R. A. (2009)
ส่วนประกอบต่างๆในการเขียนอ้างอิงท้ายบท (reference components)
1. ผู้แต่ง
1.1 ผู้แต่ง (authors)
1.1.1 กรณีเอกสารหรือหนังสืออ้างอิงเป็นภาษาไทย ให้เริ่มต้นด้วยชื่อของผู้เขียน ตาม ด้วยนามสกุล ถ้ามีผู้เขียนตั้งแต่ 2-7 คน ให้ใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) คั่นระหว่างชื่อนามสกุลของผู้เขียน แต่ละคน ใช้คำว่า “และ” คั่นหน้าชื่อผู้เขียนคนสุดท้าย ในกรณีที่มีผู้เขียนมากกว่า 7 คน ให้ระบุชื่อผู้เขียน คนที่ 1-6 ทุกคน หลังจากนั้นให้ใส่สัญลักษณ์จุด (. . .) สามจุดและปิดท้ายด้วยชื่อผู้แต่คนสุดท้าย
ปิยวรรณ สวัสดิ์สิงห์, ขวัญพนมพร ธรรมไทย, ทิพาพร วงศ์หงษ์กุล, ภัทราภรณ์ ทุ่งปันคำ, พัชราภรณ์ อารีย์, และมาลัย มุตตารักษ์. (2549).
ผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ความรู้ต่อ พฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองในญาติของผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านม.
พยาบาลสาร, 33(2), 172-183.
1.1.2 กรณีเอกสารหรือหนังสืออ้างอิงเป็นภาษาอังกฤษ ใช้แนวทางดังนี้
1.1.2.1 ให้เริ่มต้นด้วยนามสกุลของผู้เขียน ตามด้วยอักษรตัวแรกของชื่อต้น และชื่อกลางของผู้เขียนทุกคนในกรณีที่มีผู้เขียน 1-7 คน
1.1.2.2 ให้ใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) แยกชื่อผู้เขียนแต่ละคน และแยก ระหว่างนามสกุลกับชื่อผู้เขียน กรณีที่มีผู้เขียนตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้ใช้เครื่องหมาย “&” คั่นก่อนผู้เขียน คนสุดท้ายเสมอ
Kliedema B., Easley, J., & Hamilfon, R. M. (2008). The economic impact on families when a child is diagnosed with cancer.
Current Cncology, 15, 173-178.
Shepherd, R., Barnett, J., Cooper, H., Coyle, A., Moran-Ellis, J., Senior, V., & Walton, C. (2007). Towards an understanding
of British public attitudes concerning human cloning. Social Science and Medicine, 65(2), 377-392.
2. การเขียนอ้างอิงจากหนังสือ ตำรา บทของหนังสือ แผ่นพับ และหนังสืออ้างอิง (books, book chapters, brochures, and reference book)
2.1 การเขียนอ้างอิงในกรณีที่อ้างอิงหนังสือทั้งเล่ม
องค์ประกอบการเขียนอ้างอิงจากหนังสือทั้งเล่มมี 4 องค์ประกอบหลักคือ ชื่อผู้เขียน หรือบรรณาธิการ ปีที่พิมพ์ ชื่อหนังสือ และข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งพิมพ์
รูปแบบ
ชื่อสกุล. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. (ครั้งที่พิมพ์). เมืองที่พิมพ์: ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์.
Author, A. A. (2012). Title of work. Location: Publisher.
ตัวอย่าง
หรรษา เศรษฐบุปผา. (2554). เรียนรู้เรื่องการสัมภาษณ์: แนวทางการเกกบรวบรวมข้อมูลใน
การวิจัยเชิงคุณภาพสำหรับพยาบาล. เชียงใหม่ : ส. ทรัพย์การพิมพ์.
Beck, C. A. J., & Sale, B. D. (2001). Family mediation: Facts, myths, and future prospects.
Washington, DC: American Psychological Assocation.
หมายเหตุ:
1) เขียนพยัญชนะตัวแรกของชื่อเรื่อง ชื่อรอง คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ให้ใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ โดยพิมพ์เป็นตัวเอน ในกรณีหนังสือเล่มนั้นมีผู้เขียนเกิน 7 คน ให้เขียนอ้างอิงโดยใช้เกณฑ์เดียวกับการ เขียนอ้างอิงจากวารสารที่มีผู้เขียนเกิน 7 คน
2) ในกรณีหนังสือมีจำนวนครั้งที่พิมพ์ให้ระบุจำนวนครั้งที่พิมพ์ไว้ในวงเล็บต่อจากชื่อเรื่องดัง
ตัวอย่าง
เกรียงศักดิ์ อุดมสินโรจน์. (2542). การบำบัดน้ำเสีย: Wastewater treatment. (พิมพ์ครั้งที่ 2).
กรุงเทพฯ: สยามสเตชั่นเนอรี่ซัพพลายส์.
Brauer, R. L. (2005). Safety and health for engineers (2nd ed.).
Hoboken, NJ: John Wiley & Sons.
2.2 กรณีหนังสือเป็นอิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์
แบบแผน
ชื่อผู้แต่งหรือหน่วยงาน./"ชื่อเรื่อง"/[ระบบออนไลน์]/แหล่งที่มา/:/ที่มาของสารสนเทศ/วันเดือนปีที่
สืบค้น
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. "หลักความเป็นเอกภาพของรัฐและหลักการกระจายอำนาจในการปกครอง
ส่วนท้องถิ่นไทย" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.pub-law.net (25 มิถุนายน
2556)
ชานนท์ อินตานนท์. (2566) "การเพิ่มประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรกรณีศึกษาโรงงานผลิตพลาสติก
ชนิดปรุงแต่ง" ปริญญานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [ระบบ
ออนไลน์]. แหล่งที่มา : http://department.utcc.ac.th/library/onlinethesis/2638
14.pdf (11 สิงหาคม 2563)
ราชบัณฑิตยสถาน "ชื่อประเทศ" ไฟล์ http://www.royin.go.th/uplond/246/FileUplond/419_1
494.pdf (20 มิถุนายน 2557)
ราชบัณฑิตยสถาน "หลักเกณฑ์การใช้เครื่องหมายวรรคตอนและเครื่องหมายอื่นๆ" ไฟล์
http://www.royin.go.th/uplond/246/FileUplond/419_1494.pdf
20 มิถุนายน 2557
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ "การเว้นวรรค หนึ่งเคาะ หรือ
สองเคาะ คิดใหม่ ทำใหม่กันหรือยัง"[ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http:
//stks.ro/th/th/knowledge-bank/28-library-science/2980-spac
ing.html 12 มิถุนายน 2557
Council of Europe. Norway General Civil Penal Code Website: http: www.
coe.int/Norway_Penal Code.asp, 25 June 2010.
2.3 กรณีหนังสือเป็นโครงงาน/วิทยานิพนธ์
ชื่อผู้แต่งหรือหน่วยงาน. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. (วิทยานิพนธ์ปริญญา.....). มหาวิทยาลัย : จังหวัดที่พิมพ์.
กรกาญจน์ อรุณปลอด. (2543). การคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย: ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแนวความคิดทางกฎหมายและกระบวนการบังคับใช้.
(วิทยานิพนธ์ปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
กรุงเทพมหานคร.
นรมน สถิตสิริพร และประภาภรณ์ ศรีโพนทอง. (2563). ปัจจัยการขึ้นรูปที่เหมาะสมสำหรับการพิมพ์
อาหารสามมิติจากสารไฮโดรคอลลอย์. (โครงงานสำหรับวิศวกรรมอุตสาหการ).
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
2.4 กรณีบทความในวารสารวิชาการ
ชื่อ//ชื่อสกุลผู้แต่ง.//(ปี).//ชื่อบทความ.//ชื่อวารสาร,//ปีที่/(ฉบับที่),//เลขหน้าทั้งหมด
ของบทความที่อ้างถึง.
Author’s Last Name,/ First Name/ Middle Name (if any).//(year).//Article title.
//Journal name,//Vol/(issue no.),//page number(s).
ปรีดา ยังสุขสถาพร. (2557). คิดเพราะคน สาเร็จเพราะจัดการ. Productivity World, 19 (113), 30–39.
Pypeacz, P. (2014). Work team and effective management of a family own company. Hyperion
International Journal Of Econophysics & New Economy, 7 (2), 349-358.
4. ภาคผนวก (Appendix) ตัวอย่างการตั้งค่าภาคผนวก
เป็นส่วนที่ผู้เขียนนำเสนอข้อมูลดิบ และสิ่งที่จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจสาระของโครงงานดียิ่งขึ้น (จะมีหรือไม่มีก็ได้) เช่น ข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วนที่ได้ใช้ไปแล้วในส่วนเนื้อเรื่อง, ข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้จากปฏิบัติการบางอย่าง เช่น การทดลอง การศึกษาเฉพาะกรณี (Case study) การวิเคราะห์เนื้อหา(Content analysis) สำเนาเอกสารหายาก คำอธิบายระเบียบวิธี กระบวนการและวิธีการรวบรวมข้อมูล เช่น การสังเกตการณ์ การใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การทดสอบแบบฟอร์มที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เช่น แบบสอบถาม(Questionnaire) แบบสำรวจสินค้าคงคลัง (Inventory List) แบบตรวจสอบ(Check List) แบบทดสอบ(Test List)โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในโครงงาน คำอธิบายขั้นตอนหรือวิธีการทำภาพประกอบ การสร้างเครื่องมือหรืออุปกรณ์การทดลอง เป็นต้น
1. พิมพ์คำว่าภาคผนวกก, ภาคผนวกขฯลฯไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากริมขอบด้านบน 1.5 นิ้วสำหรับโครงงานภาษาอังกฤษให้ใช้ APPENDIX A, APPENDIX B ตามลำดับ ตัวอักษร
ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา
2. พิมพ์ชื่อเรื่องของภาคผนวกไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากจ่าหน้าลงไป 1 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวตัวอักษรขนาด 18 พอยต์ตัวหนาเว้นระยะไว้ 2 ช่วงบรรทัดเดี่ยวแล้วจึงพิมพ์ข้อความ
บรรทัดแรก
3. หากภาคผนวกหนึ่งเรื่องนั้นแบ่งได้เป็นหลายเรื่องย่อยหรือหลายตอนให้พิมพ์ว่าภาคผนวกพร้อมตัวอักษรกำกับและชื่อเรื่องไว้กลางหน้ากระดาษแล้วพิมพ์ข้อความโดยแยกเป็นเรื่อง
หรือตอนในลักษณะเดียวกับข้อ 2)
4. จดหมาย แบบสอบถาม (Questionnaires) แบบตรวจสอบ (Check List) แบบสำรวจ ฯลฯ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลมีขนาดใหญ่กว่ากระดาษที่ใช้พิมพ์โครงงานให้ลดขนาดลงตามความ
เหมาะสม
5. ภาคผนวกที่เป็นอภิธานศัพท์ (Glossary) หากไม่ได้เสนอไว้ในบทนำให้เรียงศัพท์ตามลำดับอักษร โดยพิมพ์อักษรตัวแรกของศัพท์แต่ละคำห่างจากริมขอบกระดาษด้านซ้ายมือ 1.5
นิ้วเว้นระยะ 2 ช่วงตัวอักษรแล้วจึงพิมพ์คำอธิบายหากคำอธิบายศัพท์ยาวเกิน 1 บรรทัดให้พิมพ์บรรทัดต่อไปโดยย่อหน้าเข้าไป 10 ช่วงตัวอักษร
6. หากมีภาคผนวกหลายรายการก่อนถึงหน้าแสดงภาคผนวกแต่ละรายการให้พิมพ์คำว่าภาคผนวก ไว้กลางหน้ากระดาษก่อนหน้านั้นเป็นแผ่นนำภาคผนวกสำหรับโครงงานภาษา
อังกฤษใช้ APPENDICES ใช้ตัวอักษรขนาด 20 พอยต์ตัวหนา
5. ประวัติผู้เขียน(นักศึกษา) (Vita หรือ Curriculum vitae)
เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการศึกษาและการทำงานของผู้ทำโครงงานโดยจะต้องมีรูปถ่ายของนักศึกษาแต่ละคนไว้ด้วย (โดยเป็นรูปถ่ายไว้ไม่เกิน 3 เดือน) เป็นรูปสุภาพใส่ชุดนักศึกษา ขนาด 2 นิ้ว (3.7 ซม. × 5 ซม.)
1. พิมพ์คำว่า ประวัติผู้เขียน ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากริมขอบด้านบน 1.5 นิ้วใช้ตัวอักษรขนาด 20 พอยต์ตัวหนา
2. พิมพ์ข้อความบรรทัดแรกห่างจากจ่าหน้า 2 บรรทัด
6. รูปภาพ
6.1 การนำเสนอภาพประกอบทำได้ 2 วิธี โดยให้เลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งตลอดทั้งเล่ม คือ
ก) นำเสนอต่อจากข้อความที่สัมพันธ์กันหากมีเนื้อที่ไม่เพียงพอที่จะเสนอภาพประกอบไว้ในหน้าเดียวกันกับข้อความให้พิมพ์ข้อความอื่นต่อให้หมดหน้ากระดาษแล้วจึงเสนอภาพประกอบหน้าถัดไปหรือ
ข) นำเสนอภาพประกอบทั้งหมดไว้ด้วยกันในที่หนึ่งที่ใดตามความเหมาะสม
6.2 ภาพประกอบที่มีขนาดใหญ่เกินหน้ากระดาษพิมพ์ให้ลดขนาดลงด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่เหมาะสมหากวางภาพในกรอบของหน้าตามปกติไม่ได้ให้วางภาพตามแนวนอนนั่นคือ หันด้านบนของภาพชิดขอบซ้ายมือของหน้า
6.3 การผนึกภาพให้ใช้กาวอย่างดี ผนึกอย่างประณีตเรียบร้อยเหมาะสมและสวยงาม
6.4 คำอธิบายภาพประกอบด้วยหมายเลขลำดับภาพและชื่อภาพทั้งนี้
ภาพวางตำแหน่งตรงกลาง ควรเว้น 1 บรรทัดก่อนการวางภาพ และให้เว้น 1 บรรทัด ก่อนเริ่มย่อหน้าใหม่ ภาพควรจะเป็นภาพที่ชัดเจนดังตัวอย่าง ภาพ 1.1
ภาพทุกภาพจะต้องมีหมายเลข และชื่อภาพหมายเลขของภาพจะต้องเรียงตามลำดับที่ปรากฏให้พิมพ์หมายเลขและชื่อภาพใต้ภาพโดยมี 2 แบบ ดังนี้
1. หากชื่อภาพมีความยาวไม่เกิน 1 บรรทัด พิมพ์ไว้ที่ด้านล่างของภาพอยู่ตำแหน่งตรงกึ่งกลางของภาพ ดังภาพ 1.1 ด้วยตัวอักษรหนาขนาด 16 จุด หากมีที่มาของภาพให้พิมพ์อักษรตัวบางวางตำแหน่งดังภาพ 1.1
2. หากชื่อภาพมีความยาวเกิน 2 บรรทัด พิมพ์ไว้ที่ด้านล่างของภาพให้อยู่มุมด้านซ้ายสุด บรรทัดที่ 2, 3,... ตัวอักษรแรกต้องตรงกับตัวอักษรบรรทัดที่ 1 เสมอ ดังตัวอย่าง ภาพ 1.2
เมื่อมีการแทรกภาพต้องอ้างภาพ ในคำอธิบายบทความ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพ และต้องอ้างทุกภาพที่แสดงในบทความ
ก) เรียงหมายเลขลำดับภาพตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้ายในโครงงาน หรือเรียงหมายเลขลำดับภาพในแต่ละตอนเป็นตอนๆไป
ข) ระบุหมายเลขลำดับภาพในโครงงานภาษาไทยว่า ภาพ 1.1 มีความหมายว่า ภาพบทที่ 1 ลำดับที่ 1 หรือ ภาพ 2.2 มีความหมายว่า ภาพบทที่ 2 ลำดับที่ 2 ส่วนโครงงานภาษาอังกฤษให้ใช้ Figure 1.1 , Figure 2.1 ตามลำดับเว้นระยะ 2 ช่วงตัวอักษรแล้วจึงพิมพ์ชื่อภาพ
ค) ชื่อภาพประกอบควรเป็นข้อความที่กะทัดรัดและสื่อความอย่างชัดเจน
ง) พิมพ์คำอธิบายภาพประกอบไว้ ด้านล่าง ของภาพ ภาพวางตำแหน่งตรงกลาง ควรเว้น 1 บรรทัดก่อนการวางภาพ และให้เว้น 1 บรรทัด ก่อนเริ่มย่อหน้าใหม่ ภาพควรจะเป็นภาพที่ชัดเจนดังตัวอย่าง ภาพ 1.1