ปรากฏการณ์ฮอลล์ (Hall Effect)
ใน ค.ศ. 1879 เอ็ดวิน ฮอลล์ (Edwin Hall) นักศึกษามหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพคินส์ ซึ่งในขณะนั้นมีอายุ 24 ปี ได้พบว่า เมื่อนำแผ่นตัวนำบางที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านไปวางไว้ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก พาหะประจุ (charge carriers) ในตัวนำสามารถเบนไปจากแนวทางเดิมได้ และการเบนนี้มีผลทำให้เกิดสนามไฟฟ้าในตัวนำบางในทิศตั้งฉากกับทั้งกระแสไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก การค้นพบนี้เรียกว่า ปรากฏการณ์ฮอลล์
เอ็ดวิน ฮอลล์ Edwin Hall (1855-1938)
รูป 1 ก แสดงแผ่นตัวนำบางที่มีความกว้าง d หนา t และมีกระแสไฟฟ้า (conventional current) I ผ่านในทิศจากด้านซ้ายไปด้านขวา พาหะประจุคืออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ (ด้วยอัตราเร็วลอยเลื่อน Vd) ในทิศตรงข้ามกับกระแสไฟฟ้า I จากด้านขวาไปด้านซ้าย
รูป 1 ข เมื่อใส่สนามแม่เหล็ก B ในทิศพุ่งเข้าหาและตั้งฉากกับระนาบแผ่นตัวนำบางหรือกระดาษ จะเกิดแรงแม่เหล็ก FB กระทำกับอิเล็กตรอน ทำให้อิเล็กตรอนเบนไปทางขอบด้านบนของแผ่นตัวนำบาง
รูป 1 ค เมื่อเวลาผ่านไปจะมีอิเล็กตรอนถูกผลักไปที่ขอบด้านบนจำนวนมาก ส่วนขอบด้านล่างจะเกิดประจุไฟฟ้าบวกจำนวนมากเช่นกัน การที่มีประจุไฟฟ้าต่างชนิดกันที่ขอบทั้งสอง ทำให้เกิดสนามไฟฟ้า เรียกว่า สนามไฟฟ้าฮอลล์ (hall field) EH ในแผ่นตัวนำบางมีทิศจากขอบด้านล่างไปขอบด้านบน สนามไฟฟ้าจะทำให้เกิดแรงไฟฟ้า FE กระทำกับอิเล็กตรอน ซึ่งจะทำให้อิเล็กตรอนถูกผลักไปทางขอบด้านล่าง เมื่อแรงไฟฟ้าและแรงแม่เหล็กมีขนาดเท่ากัน อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่ในทิศไปทางซ้ายโดยไม่เบน
การเกิดปรากฏการณ์ฮอลล์
ความต่างศักย์หรือโวลเตจที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า ความต่างศักย์ฮอลล์ (hall potential difference หรือ hall voltage) VH พบว่า ความต่างศักย์ฮอลล์มีค่ามากที่สุด เมื่อแผ่นตัวนำบางทำจากสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิกอน และเจอร์เมเนียม ส่วนตัวนำไฟฟ้าที่ดี ความต่างศักย์ฮอลล์จะมีค่าน้อยกว่ามาก
เราสามารถวัด VH โดยต่อ มิลลิโวลต์มิเตอร์เข้ากับจุด x และจุด y
การวัดความต่างศักย์ฮอลล์ VH
2 ก สภาพขั้วของ VH ทราบได้จากเครื่องหมายที่อ่านได้จาก มิลลิโวลต์มิเตอร์
2 ก พาหะประจุคืออิเล็กตรอนจึงมีประจุลบ ถ้าพาหะประจุมีประจุบวก ทิศของ Vd และ EH จะตรงข้ามกับในรูป 2 ก แต่ทิศของ FB และ EE ยังคงเดิม ดังแสดงในรูป 2 ข ทำให้ประจุบวกถูกผลักไปที่ขอบด้านขวา ส่วนประจุลบถูกผลักไปที่ขอบด้านซ้าย และสภาพขั้วของ VH จะตรงข้ามกับกรณีที่พาหะประจุมีประจุลบ
1 ค ขณะที่แรงแม่เหล็กและแรงไฟฟ้ามีขนาดเท่ากัน เราจะได้
สมการ (2) จะได้
อัตราเร็วลอยเลื่อน Vd มีค่า
เมื่อ n คือจำนวนพาหะประจุต่อลูกบาศก์เมตร (หรือความหนาแน่นของพาหะประจุ)และ A คือพื้นที่หน้าตัดของแผ่นตัวนำบางแทนสมการ (5) ลงในสมการ (4) จะได้
เนื่องจาก คือความหนาของแผ่นตัวนำบาง ดังนั้น
สมการ (7) เขียนได้ใหม่เป็น
ปริมาณ VHI และ t ในสมการ (8) หาได้จากการวัด ส่วนค่า n ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ทำหัววัด วัสดุที่เป็นสารกึ่งตัวนำจะมีจำนวนพาหะประจุน้อยกว่าตัวนำไฟฟ้าที่ดี แต่ก็ยังมีค่ามากพอที่จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่สามารถวัดได้ ส่วนฉนวนมีจำนวนพาหะประจุน้อยมาก แต่ก็ยอมให้กระแสไฟฟ้าปริมาณเล็กน้อยผ่าน จากการศึกษาพบว่า สารกึ่งตัวนำที่เจือสิ่งเจือปนมีค่า n 1022m-3 และโลหะทั่วไปมีค่า n 1028m-3 ดังนั้น เราจึงสามารถหาความเข้มของสนามแม่เหล็กที่ไม่ทราบค่าจากสมการ (8) ได้
ความเข้มของสนามแม่เหล็กมีหน่วยในระบบเอสไอเป็นเทสลา (tesla) แทนด้วยสัญลักษณ์ T หน่วยเดิมของความเข้มของสนามแม่เหล็กคือ เกาส์ (gauss) แทนด้วยสัญลักษณ์ G โดยที่ 1T = 104 G
เป็นการผลิตแรงดันไฟฟ้า (แรงดันฮอลล์) ให้ตกคร่อมจากด้านหนึ่งของแผ่นตัวนำไฟฟ้าไปอีกด้านหนึ่ง แรงดันนี้จะเกิดขึ้นเมื่อสนามแม่เหล็กถูกใส่ตั้งฉากกับผิวหน้าของตัวนำและแรงดันกระแสตรงถูกป้อนให้กับตัวนำนั้น แรงแม่เหล็กจะบังคับให้กระแสไฟฟ้าจากแรงดันกระแสตรงให้ไหลไปตามขอบของตัวนำ มันถูกค้นพบโดยนายเอ็ดวิน ฮอลล์ในปี ค.ศ. 1879
การวัด Hall Effect สำหรับอิเล็กตรอน
ฮอลล์โพรบจะถูกใช้เป็น Magnetometers ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดสนามแม่เหล็กหรือเครื่องมือตรวจสอบวัสดุ (เช่นท่อส่งน้ำมัน) โดยใช้หลักการของการรั่วไหลของฟลักซ์แม่เหล็ก
อุปกรณ์ที่ใช้ประโยชน์จากผลกระทบฮอลล์จะผลิตสัญญาณที่มีระดับต่ำมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการขยายสัญญาณ ในขณะที่มันเหมาะสำหรับเป็นเครื่องมือห้องปฏิบัติการ ตัวขยายสัญญาณที่ใช้หลอดสุญญากาศที่มีพร้อมใช้งานในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 นั้นก็มีราคาแพงมากเกินไป อีกทั้งการบริโภคพลังงานและความไม่น่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่การพัฒนาวงจรรวมต้นทุนต่ำได้ทำให้ตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์ (Hall Effect Sensor) เหมาะสำหรับการนำมาใช้ที่หลากหลาย อุปกรณ์จำนวนมากในขณะนี้ที่ใช้ตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์ในความเป็นจริงจะประกอบด้วยทั้งเซ็นเซอร์ตามที่อธิบายข้างต้นรวมกับตัวขยายสัญญาณวงจรรวม (IC) เกนสูงในแค่แพคเกจเดียว ความก้าวหน้าล่าสุดยังมีการเพิ่มสองวงจรรวมได้แก่วงจรรวมสำหรับตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล และวงจรรวมที่มี I²C (โพรโทคอลการสื่อสารระหว่างวงจรรวม) สำหรับการเชื่อมต่อโดยตรงไปยังพอร์ต I/O ของไมโครคอนโทรลเลอร์เข้าด้วยกันเป็นแพคเกจเดียว
ล้อที่มีแม่เหล็กสองตัววิ่งผ่านตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์
ตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์พร้อมที่จะนำมาใช้จากหลายผู้ผลิตที่แตกต่างกันและมันอาจจะถูกใช้ในตัวรับรู้อื่นหลายอย่างเช่นตัวรับรู้ความเร็วการหมุน (ล้อจักรยาน, ฟันเกียร์, เครื่องวัดความเร็วยานยนต์, ระบบจุดระเบิดอิเล็กทรอนิกส์), ตัวรับรู้การไหลของของไหล, ตัวรับรู้กระแส, และตัวรับรู้ความดัน การใช้งานทั่วไปจะสามารถพบได้ในงานที่มักจะต้องการความแข็งแกร่งและงานที่ใช้สวิทช์หรือโปเทนฉิโอมิเตอร์แบบไร้สัมผัส เหล่านี้รวมถึง: ปืนอัดลมไฟฟ้า, ไกของปืนเพนท์บอลอัดลม, ต้วควบคุมความเร็วรถโกคาร์ต, โทรศัพท์สมาร์ทโฟน, และจีพีเอสบางตัว
ตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์สามารถตรวจจับสนามแม่เหล็กที่หลงทางเข้ามาได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสนามแม่เหล็กโลกด้วย ดังนั้นพวกมันจึงทำงานเป็นเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี: หมายความว่าสนามแม่เหล็กที่หลงทางเข้ามาดังกล่าวสามารถขัดขวางการวัดอย่างแม่นยำของสนามแม่เหล็กขนาดเล็ก เพื่อแก้ปัญหานี้ตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์จะควบรวมเข้ากับโล่ห์ป้องกันแม่เหล็กบางชนิด ยกตัวอย่างเช่นตัวรับรู้ผลกระทบฮอลล์ที่ถูกแปะติดกับวงแหวนเฟอร์ไรท์ (ตามรูป) มันสามารถลดการตรวจจับของสนามที่หลงเข้ามาเป็นหลัก 100 หรือดีกว่า (เมื่อสนามแม่เหล็กภายนอกหักล้างกันทั่ววงแหวนทำให้ไม่มีสนามแม่เหล็กเหลือค้างอยู่) รูปแบบการทำงานแบบนี้ยังช่วยปรับปรุงอัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน (signal-to-noise ratio) และผลกระทบลอย (drift effect) ได้มากกว่า 20 เท่าของที่ได้จากอุปกรณ์ฮอลล์ที่เปลือย ช่วงของการตรวจจับแบบป้อนเข้าอาจถูกขยายให้สูงขึ้นและต่ำลงโดยการเดินสายไฟที่เหมาะสม
แผนผังแสดงผลต้วแปรสัญญาณกระแส
ตัวรับรู้แบบแหวนแยกที่ติดตั้งอยู่ในปากคีบของแคลมป์มิเตอร์จะรับรุ้การเปลี่ยนแปลงของสนามที่เกิดขึ้นบนสายไฟจึงทำให้อุปกรณ์สามารถถูกนำไปใช้ในการทดสอบอุปกรณ์ได้ ตัวรับรู้แบบปากคีบวงแหวนแยกช่วยให้สามารถทดสอบกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องรื้อวงจรเดิมออก
เอาต์พุตเป็นสัดส่วนกับทั้งสนามแม่เหล็กที่ใส่เข้าไปและแรงดันไฟฟ้าของตัวรับรู้ที่ป้อนให้ ถ้าสนามแม่เหล็กถูกใส่เข้าไปโดยขดลวด เอาต์พุตของตัวรับรู้จะเป็นสัดส่วนกับผลคูณของกระแสที่ไหลผ่านขดลวดกับแรงดันของตัวรับรู้ เนื่องจากงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกดำเนินการในขณะนี้โดยดิจิตอลคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ดังนั้นการประยุกต์ใช้ที่มีประโยชน์ที่เหลืออยู่จึงอยุ่ในการตรวจวัดกำลังไฟฟ้า (P=VI) ซึ่งรวมการตรวจจับกระแสเข้ากับการตรวจจับแรงดันไฟฟ้าในอุปกรณ์ที่ใช้ผลกระทบฮอลล์เพียงตัวเดียว
จำนวน'รอบของขดลวด' และฟังก์ชันการถ่ายโอนที่สอดคล้องกัน