ตามที่องค์การสหประชาชาชาติ (United Nations) ได้กำหนดเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศระยะยาวไปจนถึงปีพ.ศ.2573 หรือ ค.ศ.2030 เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน กำหนดกรอบการดำเนินงานระยะยาวไว้ 15 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2558 จนถึง พ.ศ. 2573 หรือ ค.ศ. 2015 จนถึง ค.ศ. 2030 ประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 17 เป้าหมาย และ 169 ตัวชี้วัด ที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาพร้อมกันอย่าง ผสมผสานบูรณาการ ไม่สามารถแบ่งแยกแยกจากกันได้ และมีความสำคัญเสมอเหมือนเท่าเทียมกัน ในมิติหลักแห่งการพัฒนา 3 มิติ ได้แก่มิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผลการดำเนินงานการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จากการจัดอันดับ SDG Index (Sustainable Development Solutions Network: SDSN, 2022) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 คะแนนดัชนี SDGs ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าแต่ละประเทศมีการดำเนินงานคืบหน้ามากน้อยเพียงใดนั้นมีคะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อันอาจหมายความได้ว่าประเทศสมาชิกมีความพยายามในการขับเคลื่อน SDGs อย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 2021 คะแนนดัชนี SDGs เฉลี่ยกลับลดลงกว่าปีก่อนหน้าอันเป็นผลมาจากอัตราความยากจนและสถิติการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเป็นครั้งแรกที่คะแนนดัชนี SDGs ทั่วโลกลดลงกว่าคะแนนเฉลี่ยจากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าการระบาด COVID-19 กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 2573 (2030) เป็นไปได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในเชิงบวกโดยเป้าหมายที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด ได้แก่ SDG 9 ส่งเสริมอุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน จากข้อมูลของ UNESCO Science Report Towards 2030 ระบุว่า ประเทศส่วนใหญ่ยอมรับความสำคัญของนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ว่ามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่มีความก้าวหน้าเชิงบวก ได้แก่ SDG 4 เป้าหมายที่ 4 ด้านการศึกษา นับเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ได้รับการยอมรับว่ามีความท้าทาย น่าสนใจ และต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากที่สุด เพื่อให้ “ภายในปี 2030 ผู้เรียนทุกคนจะได้รับความรู้ และทักษะที่จำเป็นต่อการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคหญิงชาย สันติวัฒนธรรม และการไม่ใช้ความรุนแรง การเป็นพลเมืองโลก ความชื่นชมต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและวิถีชีวิตแบบยั่งยืน”
ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายและปรับแนวคิดการพัฒนาและวางแผนยุทธศาสตร์ประเทศระยะยาว ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Development Goals ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2565) และแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ในการกำหนดทิศทางให้ประเทศสามารถก้าวข้ามความ ท้าทายต่าง ๆ เพื่อให้ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว โดยอาศัยหลักการและแนวคิด 4 ประการ ดังนี้ (1) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสืบสาน รักษา ต่อยอดการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) การสร้างความสามารถในการพร้อมรับ การปรับตัว และการเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน (3) เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติโดยกำหนดทิศทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” มุ่งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งในมิติของการมีปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ การมีสภาพแวดล้อมที่ดี การมีปัจจัยสนับสนุนให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การมีโอกาสที่จะใช้ศักยภาพของตนในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี และการมุ่งส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีไปยังคนรุ่นต่อไป (4) การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ตาม โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model) เป็นวาระแห่งชาติที่จะนำประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การปรับโครงสร้างสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม โดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การให้บริการและการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2566)
ขณะที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมในประเทศไทย เพื่อไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาและมีรายได้สูงภายใน ปี ค.ศ. 2036 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) มาเป็นการขับเคลื่อนบนฐานนวัตกรรม (Innovation-driven) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงได้จัดทำแผนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติฉบับที่ 1 (ปี 2555-2564) การดำเนินงานในช่วงปี 2562-2565 โดยมุ่งผลักดันประเทศไทยให้ไปสู่ “ประเทศแห่งนวัตกรรม (Innovation Nation)” กล่าวคือเป็นประเทศที่พร้อมเติบโตและสามารถสร้างนวัตกรรมอันนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมได้ และดำเนินการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทั้ง 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้กำหนยุทธศาสตร์การดำเนินงานในช่วงปี 2562-2565 โดยประเด็นสำคัญในขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม เช่น การยกระดับและพัฒนา “นวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ” (Mandatory Innovation) “นวัตกรรมเพื่อสังคม” (Social Innovation) รวมถึงการสร้าง “นวัตกรรมเชิงพื้นที่” (Area-based Innovation) เป็นต้น (สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), 2565)
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดทำแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566-2570 โดยใช้แนวทางตามกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2566-2570 โดยให้ความสำคัญกับการนำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และมีศักยภาพเพียงพอในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมรองรับความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยมุ่งเน้นให้ คนไทยมีสมรรถนะและทักษะสูง เพียงพอในการพลิกโฉมประเทศให้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน (สกสว.,2565) เพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาเข้าสู่สังคมนวัตกรรมและเตรียมการก้าวสู่ประเทศรายได้สูงในอนาคต แนวทางการพัฒนาจึงให้ความสำคัญกับการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผลงานวิจัยและพัฒนา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์อย่างเข้มข้นทั้งในภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาสภาวะแวดล้อมหรือปัจจัยพื้นฐานที่เอื้ออำนวยทั้งการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากรวิจัย โครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการบริหารจัดการ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่เป้าหมายดังกล่าว
ในเป้าหมายหลักด้านการพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่นั้น สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนา การศึกษาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โดยนำยุทธศาสตร์ชาติมาเป็นกรอบความคิดสำคัญในการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ และได้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) ไว้ดังนี้ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดของการพัฒนาประเทศที่สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งจะส่งผลให้บริบทของประเทศและของโลกเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
การประชุมวิชาการเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติ และระดับชาติประจำปีการศึกษา 2567 จึงได้นำกรอบแนวคิดดังกล่าวมาเป็นตัวกำหนดหัวข้อประเด็นการสัมมนา และโจทย์วิจัยด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ และการศึกษากับการพัฒนาอย่างยั่งยืนแต่จะมุ่งเน้นเฉพาะ 4 เป้าหมายหลักของเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Development Goals ได้แก่
เป้าหมายที่ 3:จัดให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคนทุกวัย
Ensure healthy lives and promote well-being for all at all ages
เป้าหมายที่ 4: จัดการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงทุกระดับทุกประเภทและส่งเสริมการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
Ensure inclusive and equitable quality education and promote lifelong education
เป้าหมายที่ 8: ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่และ มีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน
Promote sustained, inclusive and sustainable economic growth, full and productive employment and decent work for all
เป้าหมายที่ 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการปรับตัวให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและทั่วถึง และสนับสนุนนวัตกรรม
Build resilient infrastructure, promote inclusive and sustainable industrialization and foster innovation
เป้าหมายหลักทั้ง 4 เป้าหมายดังกล่าวจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ควรได้รับการศึกษาให้ถ่องแท้ ทำความเข้าใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้รวมทั้งเสนอการถอดบทเรียนจากประสบการณ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอตัวอย่างที่ดี หรือ Best Practices ระหว่าง ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ นักวิจัย ผู้ประกอบการ ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปสู่การค้นหาปรับปรุงแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ได้รับจากวิจัย และการถอดประสบการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป
โครงการประชุมวิชาการเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติ และระดับชาติ ประจำปีการศึกษา 2567เรื่อง “Green ASIA and Sustainability Forum: Innovation, Health Sciences, Digital Education Quality and Productive Employment for Sustainable Development in the Next Normal” จึงมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์อย่างเข้มข้นทั้งในภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม และค่านิยมภายใต้เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Development Goals ใน 4 เป้าหมายหลักดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อการพัฒนางานวิจัย การนำเสนอผลงานวิจัย องค์ความรู้ใหม่ ซึ่งจะเชื่อมโยงการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อไป