นายสยาม กล่าวว่าได้นำเอา วิถีแห่งผืนป่าวิถีแห่งอิสภาพความพอเพียงที่ไม่เพียงพอ เรื่องราวของผึ้งป ไม่ใช่เฉพาะแต่ดูแลผึ้งป เลี้ยงผึ้งขายมีรายได้เท่านั้น แต่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวของการได้ช่วยเหลือแบ่งปันโอกาส เรื่องราวของอาชีพการเลี้ยงผึ้งป่าของตนเอง เป็นแหล่งแรกๆ ของประเทศ ที่ทำเป็นอาชีพหลายๆร้อยรัง และทำอาชีพเลี้ยงผึ้งปาอย่างเดียว และจะขยายพื้นที่เพิ่มสมาชิก เพื่อที่จะรวมกลุ่มกัน ผลิตน้ำผึ้งป่าคุณภาพออกสู่ตลาด สำหรับม่อนปู่ยารักษ์ผึ้ง ตรงนี้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ยินดีต้อนรับทุกท่าน นอกจากนั้นยังได้ขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศที่มีความตั้งใจจะเลี้ยงผึ้งป่าเป็นอาชีพ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดพะเยา ในขณะนี้มีเครือข่ายที่ทำผึ้งป่าแล้วกว่า 3,000 รัง โดยจะสอนตั้งแต่คนไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลผึ้ง จนจบคอร์ส 2 วัน 1 คืน สามารถทำเป็นอาชีพสร้างรายได้กับการเลี้ยงผึ้งได้เลย

สำหรับการดูเลี้ยงผึ้งปานั้น เสมือนเป็นการทำงานที่ให้ผึ้งเป็นคนงานในการผลิตน้ำผึ้งให้เรา ซึ่งจะต้องทำในลักษณะควบคู่กับการอนุรักษ์ และขยายพันธ์ผึ้งป่าให้เพิ่มมากขึ้น โดยผึ้งป่ารังหนึ่งสามารถให้ผลผลิตกับเราต่อปิ้ ประมาณ 20 กิโลกรัม หากสกัดเป็นน้ำผึ้งแล้วจะได้น้ำผึ้งประมาณ 10 ขวด หากขายขวดละ 300-350 บาท ก็สามารถมีรายได้ต่อรังกว่า 3,000-3,500 บาทต่อรัง ซึ่งมีรายได้มากกว่าการทำการเกษตรชนิดอื่นมาก ซึ่งการเลี้ยงผึ้งป่านั้นจะไม่ยาก โดยจะทำรังไม่ขึ้นมาจากนั้นก็จะนำกลิ่นฟรีลาโมนของผึ้งป่ฉีดผังไว้เพื่อล่อให้ผึ้งป่ามาอาศัย หลังจากนั้นผึ้งป่าก็จะทำการผลิตน้ำผึ้งให้แก่เรา โดยที่ไม่ต้องให้อาหาร ให้น้ำแต่อย่างไต เพียงแต่ดูแลร้งเขาให้ดีเพื่อที่จะไม่ให้แมงอื่นๆมารบกวน ผึ้งปาก็จะทำงานให้เรา ซึ่งขณะนี้ได้พยายามที่จะขยายเครือข่ายเพื่อให้การเลี้ยงผึ้งป่าแบบตนเองขยายตัวขึ้น เนื่องจากน้ำผึ้งป่าตังกล่าวเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศซึ่งสามารถสร้างรายได่ให้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นทาง ม่อนปูยรักษ์ผึ้งป่า ยังได้มีการรับทำรังผึ้งออกจำหน่ายราคารังละ1,200 บาท ซึ่งรังผึ้งแต่ละรังจะมีการแนะนำผู้ซื้อให้รู้ถึงวิธีการเอาผึ้งปเข้ามาเลี้ยงจนได้น้ำผึ้งปาแท่ให้กับผู้ต้องการซื้อไปจะเลี้ยงผึ้งปดังกล่าว เพราะน้ำผึ้งปาจะมีสรรพคุณ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ของคนทุกเพศทุกวัยและคนโบราณยังเชื่อว่าน้ำผึ้งป่า หากนำเอาไปผสมจะเป็นยาที่สามารถทานแล้วทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยอีกด้วย