เนื่องด้วยเดือนนี้เป็นเดือนที่ทีวันสตรีสากล เรา EarthLynX จึงมีความยินดีที่จะเอาเรื่อง ๆ หนึ่งมาเล่าให้ผู้ฟังทุก ๆ ท่านให้ได้ฟังกัน โดยเรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงโดยตรง เคยไหมที่เราอาจจะไปเห็นใครสักคนหนึ่งที่มักจะบ่นเรื่องความอ่อนด่อยแบบเหมารวมของผู้หญิง ต่อว่าไปต่าง ๆ นานาว่า ผู้หญิงนั้นด่อย และมีศักศรีน้อยกว่าผู้ชาย ถ้าเคยพบเจออะไรแบบนั้น มันมีแนวโน้มสูงที่เรากำลังเผชิญกันบุคคลที่มีความ ชิงชังผู้หญิง หรือที่เขาเรียกกันว่า Misogyny วันนี้เราจะมาดูกันว่า Misogyny นั้นมันมันคืออะไร และเราควรจะรับมืออย่างไรเพื่อให้ผู้หญิงได้มีความเป็นมนุษย์ที่มีศักศรี อยู่ได้อย่างสมฐานะอย่างมนุษย์คนหนึ่ง สำหรับวันนี้เสนอตอน Misogyny เกลียดจัง ชิงชังผู้หญิง
นิสัยชังผู้หญิง (Misogyny) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก "Misos (มิซอส)" (ความเกลียดชัง) และ "gune (กูเน)" (สตรี) หมายถึงอคติและความรังเกียจที่มีต่อผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง มันมักจะถูกแสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่มากันในรูปแบบของอคติแบบแฝง ๆ เช่น มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน เป็นการใช้ผู้หญิงมาเป็นคำด่า เช่น หน้าตัว… ไปเอากระโปรงมาใส่ไหม ไปจนถึงการกระทำต่อผู้หญิงด้วยความรุนแรง เช่นการลงไม้ ลงมือ หรือการกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นต้น ตัวอย่างของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมา ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ และเป็นการจำกัดสิทธิและโอกาสของผู้หญิงไม่ให้พวกเธอได้เติบโต ได้รับได้รู้เรื่องราวความจริง ดังนั้น เพื่อที่จะจัดการกับพฤติกรรมเหล่านี้ได้ การเข้าใจนิสัยชังผู้หญิงจึงมีความสำคัญต่อการต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติทางเพศ และการสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันมากขึ้น
แก่นแท้ของนิสัยชังผู้หญิงมาจากค่านิยม (Value) และความเชื่อ (Believe) เรื่องบทบาททางเพศ มันเป็นความคิดเหมารวมที่มุ่งที่จะด้อยค่า และมีความมุ่งเน้นที่จะทำให้ผู้หญิงต้องถูกกีดกันออกไป Misogyny แทรกซึมอยู่ในทุกด้านของชีวิต แฝงอยู่ในภาษา สุภาษิต ศาสนา การศึกษา สื่อ ไปตลอดจนถึงระดับสถาบัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพศ บรรทัดฐานของสังคม และโครงสร้างสถาบัน Misogyny มีหลายไซส์หลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่การเหยียดเพศแบบ Basic ธรรมดา ๆ ในชีวิตประจำวันไปจนถึงอุปสรรคที่กีดขวางผู้หญิงที่เริ่มเรียงรายมาตั้งแต่ระดับการศึกษา การจ้างงาน ตลอดไปจนถึงระดับการเมือง ตัวอย่าง ไม่ต้องพูดถึง มีให้เห็นทั่วไป ทุกหัวระแหง
โดยภาพรวมก็คือนิสัยชังผู้หญิงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความไม่สมดุลของอำนาจ และจำกัดความเป็นตัวของตัวเอง และบทบาทของผู้หญิงที่มีต่อทุกระดับในสังคม เพื่อให้สถานการณ์ของความชิงชังผู้หญิงดีขึ้น ต่อไปนี้คือ 5 ข้อต่อการต่อกรกับ Misogyny
Social Movement: การจัดการกับนิสัยชังผู้หญิงต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย ทำพร้อม ๆ กันในทุกมิติ ตั้งแต่ในระดับบุคคล ระหว่างบุคคล และระดับระบบโครงสร้างการปกครอง โดยความท้าทายแรกเริ่มที่สุดคือ บุคคลต้องเผชิญกับอคติและข้อสมมติฐานที่ตนเองมีเกี่ยวกับเพศสภาพให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยไปท้าทายต่อทัศนคติและพฤติกรรมแบบมีรสนิยมชายเป็นใหญ่ในที่มีอยู่ในผู้ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ดังนั้น การให้การศึกษากับตนเองเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศสภาพและการส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ ความเคารพ และความเสมอภาคในปฏิสัมพันธ์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ
Call Out: นอกจากนี้ การ Call Out หรือการพูดออกมาว่าเราต่อต้านนิสัยชังผู้หญิงก็เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการสร้างวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบและการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน มันต้องทำควบคู่ไปกับการขัดขวางการใช้ภาษาหรือการแสดงอารมณ์ขัน (หรือการบงการทางทัศนคติ) แบบรสนิยมเอาชายเป็นใหญ่ การสนับสนุนสิทธิสตรี และการเสริมสร้างให้พวกเธอได้มีที่ทางสำหรับการแสดงออกและได้แบ่งปันประสบการณ์ก็เป็นอีกหนึงวิธีที่มีพลังในการท้าทายทัศนคติและพฤติกรรมแบบมีนิสัยชังผู้หญิง โดยการส่งเสริมการสนทนาแบบเปิดกว้างและการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับประเด็นทางเพศ ผู้คนต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชาย ใคร ๆ ก็สามารถสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมบรรทัดฐานสังคมเชิงบวกได้
สร้างกฏกติกา: ยิ่งไปกว่านั้น การผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและการปฏิรูปสถาบันมีความสามารถต่อการจัดการกับผู้ที่มีนิสัยชังผู้หญิงอย่างเป็นระบบก็เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น การสนับสนุนกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิสตรี ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศสภาพ และลงโทษผู้กระทำความรุนแรงบนพื้นฐานของเพศสภาพก็มีความสำคัญยิ่ง โดยการผลักดันให้มีนโยบายและแนวปฏิบัติที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นในสถานที่ทำงาน โรงเรียน และชุมชน ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สนับสนุน และเสริมสร้างพลังให้กับทุกเพศสภาพในที่สุด
รับรองต่อการแสดงออก: นอกจากนี้ การสนับสนุนความเป็นผู้นำและการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในกระบวนการตัดสินใจก็มีความสำคัญต่อการท้าทายโครงสร้างระบบชายเป็นใหญ่และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศได้เช่นกัน ด้วยการสนับสนุนตัวแทนของผู้หญิงในระดับการเมือง ธุรกิจ สื่อมวลชน และสาขาอื่น ๆ ที่มีอิทธิพล ทุกคนสามารถช่วยรื้อถอนอุปสรรคที่ขวางอยู่ต่อความก้าวหน้าของผู้หญิงได้
สรุปแล้ว การจัดการกับนิสัยชังผู้หญิงต้องใช้การดำเนินการร่วมกันและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการท้าทายการเลือกปฏิบัติทางเพศและส่งเสริมความเสมอภาค โดยการเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและผลกระทบของนิสัยชังผู้หญิง และดำเนินการอย่างรุกเพื่อเผชิญหน้ากับมันในระดับบุคคล ระหว่างบุคคล และระดับระบบ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ยุติธรรม ครอบคลุม และเท่าเทียมกันมากขึ้นได้ สำหรับเดือนที่มีวันสตรีสากลนี้ อยากให้ทุกคนมาร่วมกันสร้างอนาคตที่ทุกเพศสภาพให้ได้รับการให้คุณค่า ได้รับการเคารพ เพื่อให้พวกเขาได้มีพลังในการเจริญก้าวหน้าต่อ ๆ ไป