วัดโบสถ์การ้องตั้งอยู่ริมทางหลวงชนบทหมายเลข นย.7030
บ้านวัดโบสถ์การ้อง หมู่ 11ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
ประวัติ:
วัดโบสถ์การ้องเดิมชื่อวัดโบสถ์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2400 มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จมาประทับแรมที่วัดนี้เมื่อครั้งเสือสำอางค์ซึ่งมียศพันโทเป็นกบฏและเข้าปล้นวัวควายเงินทองของชาวบ้าน พระองค์จึงเสด็จมาปราบเสือสำอางค์ด้วยพระองค์เองโดยทรงปลอมพระองค์แต่งตัวเป็นแบบชาวจีนและนั่งเรือมาจนถึงเขื่อนนครนายก เมื่อติดเขื่อนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงเสด็จขึ้นพักที่วัดโบสถ์ซึ่งอยู่ติดกับเขื่อนพอดี
ทั้งนี้ เมื่อพระองค์เสด็จออกปราบกบฏนั้น ได้ทรงเสี่ยงทายไว้ว่าถ้าหากไม่มีใครจำพระองค์ได้ พระองค์ก็จะทรงปราบเสือสำอางค์ได้สำเร็จ จึงทรงถามชาวจีนที่เป็นคนรับจ้างพายเรือให้พระองค์ทุกวันว่าเคยเห็นรัชกาลที่ 5 หรือไม่ ชาวจีนผู้นั้นตอบว่าเคยเห็นในธนบัตรที่พระองค์จ่ายให้ไปซื้อของเมื่อเช้านี้ จึงเป็นอันว่าพระองค์จะทรงประสบความสำเร็จเพราะไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย
วันที่พระองค์เสด็จกลับ ได้ทรงบอกกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่าวัดโบสถ์นี้มีกามากมายและชอบร้องทั้งช่วงเช้าและเย็น จึงน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโบสถ์การ้อง อีกประมาณ 7 วันต่อมา จึงโปรดให้ส่งหนังสือและสิ่งของรวมทั้งป้ายชื่อวัดว่าวัดโบสถ์การ้องมาพระราชทานให้แก่วัดและนิมนต์เจ้าอาวาสเข้าไปฉันอาหารในวัง
ถึงแม้เรื่องเล่านี้จะมีความไม่น่าเป็นไปได้อยู่หลายเรื่อง แต่ก็เชื่อกันว่าภาพเขียนที่อยู่ด้านในมณฑปเก่านั้นเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ขณะที่ทรงมาประทับที่วัดโดยผู้ที่เขียนภาพนี้น่าจะเป็นทหารที่ตามเสด็จมาและมีฝีมือในการเขียนภาพนั่นเอง
วัดโบสถ์การ้องได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นเมื่อพ.ศ. 2518 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2543
ที่ตั้งภาพจิตรกรรม: บริเวณเหนือหน้าต่างและประตูทั้งสี่ด้านบนผนังด้านในทั้งอุโบสถใหม่และมณฑปเก่า
เนื้อหา:
อุโบสถ ผนังที่อยู่ด้านหลังพระประธานเขียนฉากทิวทัศน์ตอนตรัสรู้ ฝั่งตรงข้ามพระประธานเขียนรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างเขียนพุทธประวัติตอนประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน สำหรับผนังด้านข้างนั้น เขียนทศชาติไว้แถวบนและเขียนเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ไว้แถวล่าง
มณฑปเก่า ภาพลบเลือนจนดูไม่ออกว่าเป็นเรื่องอะไร
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง มณฑปเก่า (บางส่วน)
ข้อมูลเนื้อหา เรียบเรียงโดย นางสาวสุภาพ ฉิมวัย
ข้อมูลอ้างอิงภาพถ่าย ภาพประกอบจาก https://bit.ly/2Z5Do9s