ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าว
ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าวตำบลเขาพระ กำหนดดำเนินการในวันขึ้น 3 ค่่ำ เดือน 3 ของทุก ๆ ปี โดยกำหนดจัดกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ในช่วงเช้า พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ของวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ที่จะต้องเตรียมเครื่องเรียกขวัญ จากนั้นหมอขวัญจะทำพิธีสู่ขวัญข้าวจนเสร็จสิ้นพิธีการ ส่วนในช่วงกลางคืน เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. จะมีกิจกรรมสืบเนื่องกัน ชาวบ้านจะจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ เพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยหลังจากฤดูการเก็บเกี่ยว
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีสู่ขวัญข้าวเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายกจังหวัดนครนายก เนื่องจากภูมิประเทศของตำบลเขาพระพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบแบนมีอาณาเขตติดกับแนวเทือกเขาใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมการเพาะปลูกทำนาเป็นอย่างยิ่ง ชาวตำบลเขาพระตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจึงมีอาชีพทำนาติดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำของทุกๆปี ชาวนาในตำบลเขาพระทุกครอบครัวก็จะร่วมมือร่วมใจกันจัดกิจกรรมประเพณีสู่ขวัญข้าวขึ้นทุกปีเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวนาและเพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของพระแม่โพสพ
ขั้นตอนปฏิบัติงานหรือพิธีกรรม
พิธีกรรมสู่ขวัญข้าวชาวตำบลเขาพระ จะเริ่มทำพิธีโดยให้เจ้าของนาฝ่ายหญิงนุ่งขาว ห่มขาว เป็นผู้ทำพิธีในเวลาเช้าตรู่ โดยเตรียมเครื่องเรียกขวัญ ได้แก่ กระบุงใส่ใบคูณ ใบยอ ข้าวสุก น้ำ ข้าวต้มมัด เผือกมันต้ม หมาก 1 คำ นอกจากนี้เตรียมอุปกรณ์เครื่องบายศรีสู่ขวัญ และขันธ์ 5 (พานใส่ดอกไม้และเทียนจำนวนอย่างละ 5 คู่) อันประกอบด้วย
1. ไก่ต้ม 1 ตัว
2. ไข่ต้ม 1 ฟอง
3. ขนมต้มขาวต้มดำ
4. เหล้าขาว บุหรี่
5. กรวยดอกไม้ธูปเทียน
นำสิ่งของเหล่านี้ห่อด้วยผ้าขาว ใส่กระบุงที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว นำขอฉายคอนกระบุงมอบให้แม่บ้นหรือพ่อบ้าน นำไปเรียกขวัญแม่โพสพตามท้องนาของตน นั่งลงไหว้อันเชิญแม่โพสพ หลังจากนั้นลุกขึ้นเรียกขวัญข้าว พูดแต่คำดีงามมีมงคล เช่น "พระแม่โพสพ แม่โพธิ์ศรี แม่นพดารา แม่จันเทวี ที่กตกหล่นอยู่ ลูกขออัญเชิญขึ้นยุ้งฉาง วู้ วู้..." เมื่อเรียกขวัญจนทั่วทุ่งนาพอสมควรแล้ว จึงคอนกระบุงกลับบ้านโดยไม่พูดกับใครเลย ส่วนทางบ้านาจะจัดเตรียมบายศรีปากชาม 1 ที่ ซึ่งประกอบด้วย ขันธ์ 5 อาหาร เครื่องแต่งตัว 1 สำคับ ได้แก่ เสื้อผ้าใหม่ เครื่องประดับ เครื่องแต่งตัว แก้วแหวนเงินทอง หวี กระจก จากนั้นหมอขวัญที่แต่งกายนุ่งขาวห่มขายคอยทำพิธี หรือเจ้าของนาฝ่ายชาย เตรียมสู่ขวัญข้าว ส่วนชาวนาฝ่ายหญิงจะคอนกระบุงเรียกขวัญกลับบ้าน โดยไม่พูดกับใคร เมื่อมาถึงยุ้งนำกระบุงไปใช้ในยุ้ง หมอขวัญเริ่มทำพิธีขวัญข้าวในจุ้ง จุดธูปเทียนและกล่าวคำสู่ขวัญข้าว เช่น "ศรี ศรี มื้อนี่แม่นมื้อสัน วันนี้แม่นวันดี วันดิถีมุตตะโชค สิทธิโยคพร้อมลักขณาฝูง ข้าทั้งหลายมีใจยินดี พากันทำพิธีสู่ขวัญข้าวในเล้า มีทั้งเครื่องรับเจ้าเหลือหลายและสื่อสาด ปูลาดไว้เป็นถิ่น มีทั้งพลูและเมี่ยงหมาก สรรพภาพพร้อมโภชนา มีทั้งผลาและหมากไม้เหล้ากองแก้ว ในพาขวัญเป็นของควรตั้งต่อ ยอดกล้วยช่อใสเขีัยวครูยอเรียวออกยอด มีทั้งไข่หน่อยปอดขันลา มีทั้งปลาและข้าวต้มใส่กล้วย มีทั้งน้ำอ้อยย้อยเข้าคุลีกา กองเต็มพาขันโตกมีทั้งต้มไก่ไอก้องพาขวัญ ของทั้งหมดมีทุกสิ่ง มีทั้งเส้นด้ายมิ่งมงคล มีทั้งขันน้ำมนต์และจอกแก้ว ตกแต่งแล้วอันดีจึงไปเขิญฯเมธีและนักปราชญ์มาขึ้นนั่งสาสต์ คูณขวัญ มาเอยขวัญเอย ขวัญข้าวเหียวให้ไหลมาลี่ล้าว ขวัญข้าวเจ้าให้ไหลมารินๆ ขวัญเข้าอยู่ดำเินินและป่าใหญ่ ขอให้ผลปัญญาเหมือนเจ้ามโหสถ ขอให้มีใจอดใจเพียร เหมือนดั่งเจ้าเตมีย์ไชยตุทวัง ไชยมังคละมหามงคลฯ" พิธีสู่ขวัญข้าวจะใช้เวลา ประมาณ 20-30 นาที เป็นอย่างมาก จากนั้นเสร็จพิธีนำอาหารไปรับประทานได้ และเปิดยุ้งข้าวไว้ 3 วัน จึงนำข้าวไปกินหรือขายต่อไป
ปัจจุบันประเพณีสู่ขวัญข้าวตำบลเขาพระ ได้มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างเพื่อเข้ากับยุกต์สมัยและบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป เนื่องจากวิถีการผลิตแบบทำนาปลูกข้าวแบบดั้งเดิมได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตสมัยใหม่ ทำให้รูปแบบพิธีกรรมสู่ขวัญข้าวในบางขั้นตอนมีการตัดทอนไปด้วยซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปนี้
พิธีกรรมเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นกัน โดยชาวบ้านจะตระเตรียมลานพิธี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมในลานพิธีกรรมจะมีการนำข้าวเปลือกที่ได้จากการเก็บเกี่ยวแต่ละบ้านมากองรวมกันคล้ายรูปกรวย จากนั้นนำอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบอาชีพทำนา มาวางรายรอบกองข้ว เช่น ขอฉาย ไม้คัน กระบุง กระด้ง เคียว เป็นต้น บริเวณลานพิธีจะตกแต่งด้วยผ้าสีและธงคต่าง ๆ ให้มีความสวยงาม ในส่วนเจ้าของนาฝ่ายหญิงจะแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว หรือแต่งกายไทยที่สวยงา่ม จัดเตรียมเครื่องบูชา เครื่องบายศรีสู่ขวัญ และขันธ์ 5 เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมแล้ว ฝ่ายหญิงหรือชายเจ้าของนา จะขอฉายคอนกระบุง เดิมไปตามท้องนาเพื่อเรียกขวัญแม่โพสพตามท้องนาของตน เมื่อเรียกขวัญเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็จะนำกระบุงกลับมายังลานพิธีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อชาวนาไปเรียกขวัญกลับมาพร้อมเพียงกัน จากนั้นจะเริ่มพิธีสู่ขวัญข้าวร่วมกันทั้งชุมชน หมอขวัญเจ้าพิธีจะนำเครื่องบูชาวางไว้บนกองข้าวพันสายสิญจน์โดยรอบกองข้าว และโยงไปยังพระพุทธรูปซึ่งจัดเป็นโต๊ะหมู่ประกอบพิธีสงฆ์ พระสงฆ์จำนวน 10 รูป เสร็จแล้วก็ถวงายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ เมื่อเสร็จพิธีทางพระสงฆ์แล้วหมอขวัญจะก็จะประกอบพิธีบายศรีสูตรขวัญให้แก่ข้าว และทำพิธีเรียกขวัญข้าวว่าคำสูตรจบลงเป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นชาวบ้านก็จะนำข้าวเปลือกที่ทำพิธีสู่ขวัญเสร็จเรียบร้อยแล้วเก็บไว้เพราะถือเป็นข้าวมงคล บ้างก็เก็บไว้สำหรับเพาะพันธุ์ผสมกับข้าวปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป