อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า

นานมาแล้วมีสตรีรูปงามคนหนึ่งชื่อว่า “นางเบญจา”นางมีรูปร่างสิริโฉมงดงามมากเป็นที่หมายปองของชายทั้งหลายแต่นางได้มีชายคนรักของนางอยู่แล้ว แต่คนรักของนางเป็นคนยากจนพ่อแม่นางจึงรังเกียจเขายิ่งนัก และพยายามจัดหาชายที่จะมาแต่งงานกับนางเบญจา

มียักษ์ตนหนึ่งได้เดินทางผ่านมาและได้เห็นนางเบญจาได้เกิดความรักใคร่ในตัวนางเบญจา ได้หาทางที่จะลักพาตัวนางเบญจา คืนหนึ่งในขณะที่นางเบญจาและเหล่าพี่เลี้ยงได้นอนหลับกันหมด ยักษ์ตนนั้นก็ได้มาลักพาตัวนางเบญจาไป ยักษ์ได้พานางเบญจาเหาะหนีไปนางรู้สึกตัวและได้พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมอกของยักษ์ตนนั้น นางดิ้นจนหลุดออกจากยักษ์ นางได้ตกลงสู่พื้นดิน ในขณะที่ตกลงมานั้นเองนางได้อธิษฐานว่า ถ้านางตกลงมาตายขอให้ร่างของนางได้กลายเป็นภูเขาและมีสายน้ำไหลลงจากภูเขาเพื่อล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนให้อยู่อย่างสงบสุขร่มเย็น"

เมื่อนางตกลงสู่พื้นดินร่างของนางก็ได้กลายเป็นภูเขาเป็นรูปผู้หญิงนอน

หงายประนมมือและเป็นเสมือนแหล่งน้ำที่สำคัญที่คอยเลี้ยงชีวิตแก่ชาวกระบี่เรื่อยมาด้วยเอกลักษณ์เทือกเขาลักษณะรูปร่างคล้ายหญิงสาวกำลังนอนทอดกายปกคลุมด้วยระบบนิเวศป่าดิบชื้นเป็นส่วนใหญ่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทั้งสัตว์ป่าพืชพรรณและยังเป็นต้นน้ำของจังหวัดกระบี่ที่ผลิตน้ำหล่อเลี้ยงชาวกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง จนได้ขนานนามว่า “หลังคาเมืองกระบี่”ภายในอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจามีบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสายน้ำ และยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่กลางป่าใหญ่ท่ามกลางความเงียบสงบ คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน เมื่อกล่าวถึงอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจาต้องนึกถึงน้ำตกห้วยโต้มีแอ่งน้ำหลายแอ่ง ทั้งหมด 5 วัง และมีชื่อเรียกแตกต่างกัน

มีน้ำไหลตลอดปีและไหลค่อนข้างแรงในฤดูฝนมีทั้งทางเดินเท้าพร้อมทั้งการไต่เชือกที่รับประกันได้ว่าสนุกสนานและเพลิดเพลิน และยังมีน้ำตกห้วยสะเค ระหว่างทางเดินไปน้ำตกห้วยสะเคจะได้พบกับต้นไม้ยักษ์เป็นหนึ่งในเป็นรุกขมรดกของไทยมีขนาดใหญ่กว่า 15 คนโอบ อายุร้อยกว่าปี ขนานนามว่าต้นสมพงษ์ยักษ์นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำตกห้วยโต้ให้คุณได้เดินเที่ยวดื่มด่ำกับธรรมชาติในระทางกว่า 3.87 กิโลเมตรและที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจาต้องยกให้เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกลยอดเขาพนมเบญจาอยากให้คุณได้ลองสัมผัสกับการเดินป่าระยะไกลไปยังจุดสูงสุดของหลังคาเมืองกระบี่