ภูมิปัญญาด้านรักษาพิษงู

2. ประวัติภูมิปัญญา (เล่าประสบการณ์และการจัดการและกระบวนการด้านภูมิปัญญา พร้อมภาพประกอบ)

เริมศึกษาการรักษาพิษงู เริ่มมาจากนายเอี่ยม เดชา ได้นำลูกชายทีโดนงูกัดไปรักษา กับ นายเวช ทิพย์สมบัติ หมูที่ 2 บ้านสวนทุเรียน ตำบลควนเกย อำเภอร่อนพิบูลย์ เกิดความสนใจ จึงขอตำราจากนายเวช ทิพย์สมบัติ โดยใช้สมุนไพร ต้นกระดูกไก่ดำ(ต้นเฉียงพร้า ภาษาถิ่นปักษ์ใต้ สรรพคุณ ยอดรากและใบนำมาตำผสมกัน ใช้เป็นยาพอกถอนพิษจากจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น พิษงู ผึ้ง ต่อ แตนต่อย เป็นต้น หรือจะใช้กากของใบนำมาพอกแผลบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยดูดพิษของอสรพิษได้ หรือจะใช้ใบนำมาขยี้ผสมกับเหล้าขาวเป็นยาทาก็ได้เช่นกัน (ใบ,รากและใบ) ในการเก็บต้นสมุนไพรกระดูกไก่ดำนั้น คนที่รักษาจะต้องคลานเข้าไปเก็บโดยมีเคล็ดลับว่าดวงอาทิตย์ส่องไปทางไหนต้องเข้าเก็บทางนั้น ไม่ให้ดุอาทิตย์ทับเงาของตัวเอง การเก็บจะใช้วิธีการคาบ จากยอด ลำต้นราก นำกลับมาเคี้ยวกับหมากพลูแล้วพ่นที่บาดแผล และขณะพ่นจะต้องมีการท่องคาถาด้วย พ้นจนผู้ที่โดนงูกัดหายเจ็บแผล ในการคลานเข้าไปเก็บต้นกระดูกไก่ดำ แต่ครั้งจะพ่นได้ครั้งเดียว รอให้ยาแห้ง ผู้รักษาต้องคลานเข้าไปเก็บใหม่ ทุกครั้งที่จะพ่น จนกว่าผู้ทีโดนงูกัดหายเจ็บในกรณีงูทั่วไป หากเป็นงูเห่ากัด จะต้องพ่นที่บาดแผลให้ผู้ที่ถูกกัดรู้สึกเจ็บจึงจะหาย แต่ถ้าพ่นคนที่โดนงูเง่ากัดไปประมาณ 20 ครั้ง คนที่โดนงูเห่ากัดยังซึมและไม่รู้สึกเจ็บบาดแผล ก็หมายถึงหมอรักษาไม่ได้คนที่ถูกกัดอาจจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ได้ และสิ่งที่หมอรักษาพิษงูถือปฏิบัติซึ่งเป็นความเชื่อ ก็คือ ถ้าไปรักษาผู้ที่ถูกงูกัดที่บ้านของผู้ป่วย หมอที่รักษาจะไม่รับประทานอาหาร ของว่างหรือดื่มน้ำบ้านที่ถูกงูกัดอย่างเด็ดขาด ในการรักษา สำหรับผู้แพ้พิษงูใช้เวลาประมาณ 10 วัน ผู้ไม่พิษงูใช้เวลารักษาประมาณ 3 วัน ในการรักษาของนายเอี่ยม เดชา จะไม่รับค่ารักษาใดๆทั้งสิ้นจากคนทีโดนงูกัด

3. แนวทางการใช้ชีวิตด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

การใช้ชีวิตแบบพอพียงด้วยการปลูกข้าวไว้รับประทานเอง มีการใช้จ่ายอย่างประหยัด