การเลี้ยงปลาน้ำจืด

“เลี้ยงปลาน้ำจืด” อีกหนึ่งอาชีพพอเพียงตำบลกระทุ่มแพ้ว

ชุมชนตำบลกระทุ่มแพ้ว อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบพอเพียง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพหลัก คือ การทำเกษตรกรรม การทำนา การเลี้ยงไก่ และมีอาชีพใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ การเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง ซึ่งการเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เป็นอาชีพที่เป็นที่นิยมมากในตำบลกระทุ่มแพ้ว โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาเบญจพรรณ มีผู้ที่ทำอาชีพนี้หลายคนในตำบลกระทุ่มแพ้ว จนเกิดแพปลา แพกุ้งขึ้น เพื่อเป็นการคัดหรือการเลือกเพื่อการขาย ถือเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ตำบลกระทุ่มแพ้ว

ชาวบ้านท่านหนึ่ง นายประพฤติ เลิศวิลัย อายุ62ปี หรือ ลุงนงค์ เป็นชาวบ้านตำบล กระทุ่มแพ้วโดยกำเนิด ตนได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมานานมากแล้ว แต่ในภายหลังได้เลี้ยงปลาน้ำจืดขายด้วยเนื่องจากในครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มปลาน้ำจืดที่ลุงนงค์เลี้ยงส่วนใหญ่จะเป็นปลาเบญจพรรณตนบอกการที่ประกอบอาชีพทางเดียวก็จะไม่พอค่าใช้จ่ายในครัวเรือนจึงต้องหาอาชีพเสริมตอนลุงนงค์ได้เริ่มเลี้ยงปลาแรกๆก็พอขายได้บ้างเพราะต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งที่จะให้ปลานั้นเจริญเติบโตพอที่จะขายได้ราคาตามท้องตลาด มารู้จักปลาเบญจพรรณกันว่ามีปลาอะไรบ้าง

ปลาเบญจพรรณ5 ชนิดมารวมกัน เบญจแปลว่าห้าหมายถึงเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เบญจพรรณจึงหมายถึง 5 เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ การเลี้ยงปลา เบญจพรรณ จึงหมายถึงการเลี้ยงปลา 5 ชนิด รวมกันในบ่อเดียวกัน ปลาที่ส่งเสริมให้เลี้ยง ได้แก่ ปลานิล ปลาทะเพียน ปลาไน ปลายี่สก และปลานวลจันทร์ เป็นปลาที่กินพืชกินผักเป็นอาหารหลัก เจริญเติบโตเร็ว สามารถ ขุดบ่อเลี้ยงในชนบททั่ว ๆ ไป อีกทั้งตลาดยังต้องการบริโภคสูง

พื้นที่บ่อขนาด 1 ไร่ จะปล่อยกุ้งขาวลงไปไว้ประมาณ 15,000 ตัว โดยจะปล่อยกุ้งลงบ่อก่อนปล่อยปลาประมาณ 1 อาทิตย์ ใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็จับขายได้แล้ว การจับกุ้งต่อครั้งก็จะได้เงินประมาณ 20,000 บาท .ซึ่งนี่ก็นับเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” เพื่อเพิ่มรายได้ ที่น่าสนใจไม่น้อย

ขั้นตอน “การเลี้ยงปลาเบญจพรรณ” นั้น มีขั้นตอนดังนี้ เริ่มจากการเตรียมบ่อเลี้ยง โดยขุดบ่อให้มีความลึกประมาณ 2 เมตร จากนั้นทำการสูบน้ำเข้าบ่อให้ได้ประมาณ 1 เมตร ปรับสภาพน้ำให้มีค่า PH เป็นกลางอยู่ที่ประมาณ 6.5-8 จากนั้นนำลูกปลาที่เตรียมไว้ปล่อยลงไปในบ่อ โดยพื้นที่บ่อขนาด 1 ไร่ สามารถปล่อยลูกปลาได้ประมาณ 7,000 ตัว ทั้งนี้ ขณะที่ปลายังตัวเล็ก ๆ อยู่ ควรปรับสภาพน้ำด้วยการใส่ “น้ำอามิ” เติมลงไปผสมกับน้ำในบ่อ เพื่อให้ได้สภาพน้ำที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอน ที่เป็นอาหารของปลา หลังจากปล่อยปลาลงบ่อและเลี้ยงได้ 2-3 เดือน ให้เติมน้ำเข้าบ่อให้มีระดับสูงขึ้นถึง 2 เมตร

สำหรับ “การให้อาหารปลา” นั้น จะให้เป็นมูลไก่วันละ 1 ครั้งในช่วงเย็น โดยต้องให้อาหารปลาทุกวัน แต่ก็ควรสังเกตน้ำในบ่อด้วย ถ้าน้ำในบ่อเลี้ยงเป็นสีเขียวเข้ม แสดงว่า... น้ำในบ่อมีจำนวนแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของปลาเยอะแล้ว ก็ให้หยุดการให้มูลไก่ ทั้งนี้ระยะเวลาในการเลี้ยงปลารูปแบบนี้จะใช้เวลาเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ก็สามารถจับขายได้

ทุนเบื้องต้น “เลี้ยงปลาเบญจพรรณ” ใช้เงินลงทุนประมาณ 12,000 บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนใหญ่เป็น “ค่าพันธุ์ปลา-ค่าอาหาร” โดยพื้นที่บ่อขนาด 1 ไร่ จะจับปลาทั้งหมดได้ประมาณ 1,000 กิโลกรัม ทั้งนี้ ราคาซื้อขายปลาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท ก็จะมีรายได้จากการขายปลาประมาณ 25,000 บาท เมื่อหักจากต้นทุนค่าอาหารและพันธุ์ปลาที่ประมาณ 12,000 บาท ก็จะมีกำไรสุทธิจากการเลี้ยงปลาอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาท ซึ่งถ้าพิจารณาจากกำไรสุทธิ นี่เป็นรายได้เสริมจากการเลี้ยงกุ้งก็นับว่าน่าสนใจ

“สำหรับราคาขายนั้นต้องกำหนดและตกลงกับผู้ซื้อก่อนจับปลา เฉลี่ยแล้วปลาในบ่อทุกพันธุ์จะขายได้ประมาณกิโลกรัมละ 25 บาท โดยส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อถึงแหล่ง การส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาเบจพรรณ จะตรงกับการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรแบบพอเพียง โดยมีการเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด-ไก่ เลี้ยงหมู ปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง ปลูกไม้ผลเป็นรายได้ต่อปี ใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อ รู้จกเก็บออมเหล่านี้ คือการใช้ชีวิตแบบผลเมืองดีของสังคม และประเทศชาติ แหล่งที่มา: https://www.dailynews.co.th/article/294358/