โครงการส่งเสริมประชาชนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษ
กิจกรรมการทำน้ำหมักชีวภาพ
โครงการส่งเสริมประชาชนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษ
โครงการส่งเสริมประชาชนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย และการทำการเกษตรที่เปลี่ยนไปนี้ ต่อมาพบว่า ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงที่ทำให้เกษตรกรมีหนี้สินรุงรัง จึงไม่สามารถพึงตนเองได้ ด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อพื้นที่ป่าลดลงเกิดฝนแล้ว–น้ำท่วม โรค และแมลงระบาด ปัญหาต่างๆ เหล่านี้คงต้องมาแก้ไขที่รากฐาน คือ การทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้
ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ปัจจัยภายนอกชุมชนเข้ามาใช้ในการผลิตอย่างมากมายเช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยต่อทั้งตัวผู้ใช้ และผู้บริโภคและที่สำคัญยังทำลายสิ่งแวดล้อมเช่นกัน การปลูกผักปลอดสารพิษจึงเป็นการปรับปรุงระบบการผลิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้มีความสมดุลและผลผลิตที่ได้ความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้บริโภค และเกษตรกรโดยตรง ดังนั้น หลักการสำคัญของการปลูกผักปลอดสารพิษ จึงมุงเน้นที่จะลดการใช้สารเคมีในการผลิต โดยใช้ปัจจัยในการผลิตที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในการผลิต รวมถึงการฟื้นฟูภูมิปัญญา และพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อความสามารถในการพึ่งตนเองของเกษตรกรให้ได้ในระยะยาว ผักปลอดสารพิษ คือ พืชผักที่ไม่มีการใช้สารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ฯลฯ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของผู้ผลิต ผู้บริโภค และต่อสภาพแวดล้อม แต่ยึดหลักของธรรมชาติในการผลิต ตั้งแต่การเตรียมแปลง การกำจัดวัชพืช การป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช เช่น การทำแปลงถาวร การปลูกแบบผสมผสาน การเพิ่มความหลากหลายของพืช การปลูกพืชหมุนเวียน และการปลูกพืชสมุนไพรในแปลง
ดังนั้น กศน.ตำบลห้วยหม้าย ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้ดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมประชาชนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ มีความเข้าใจด้านการปลูกผักปลอดสารพิษ การจัดทำบัญชีครัวเรือน การประกอบอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ในครอบครัวและชุมชนของตนเอง สามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติในระดับชุมชน โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อันจะนำไปสู่การนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน