เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม 2568 และเป็นผู้อยู่ในขบวนการสหกรณ์ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะตระหนักถึงบทบาทของสหกรณ์ในสถาบันการศึกษา ที่จะช่วยเสริมศักยภาพนิสิตนักศึกษาก่อนก้าวสู่ตลาดแรงงานอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ก็เพราะผู้สำเร็จการศึกษารุ่นใหม่จำเป็นต้องเผชิญกับการแข่งขันรุนแรงในตลาดแรงงาน ทั้งความต้องการทักษะที่สูงขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงหวังว่าบทความนี้จะช่วยจุดประกายให้สังคมได้เห็นคุณค่าของสหกรณ์ในบริบทของการส่งเสริมการพัฒนานิสิตนักศึกษาให้มีความพร้อมเป็นแรงงาน
ตลาดแรงงานปัจจุบันท้าทายนิสิตนักศึกษาจบใหม่อย่างมาก จากข้อมูลในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 พบว่า จากผู้ว่างงานประมาณ 4 แสนคน เป็นกลุ่มผู้ที่จบระดับอุดมศึกษาประมาณ 9 หมื่นคน นับเป็นกลุ่มที่มีจำนวนสูงที่สุด ซึ่งสะท้อนว่าการหางานเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 2.8-3.3 ในปี 2568 แต่การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกและนโยบายแรงงานต่างประเทศทำให้บริษัทต่าง ๆ ชะลอการจ้างงานบัณฑิตใหม่[1] นอกจากนี้ ตลาดแรงงานยังแข่งขันสูงจากแรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะทาง พร้อมทั้งเน้นรับผู้ที่มีประสบการณ์แล้วเป็นส่วนใหญ่ ผลสำรวจตำแหน่งงานในไตรมาส 4 ปี 2567 พบว่ากว่า 63.1% ของตำแหน่งงานต้องการแรงงานที่มีประสบการณ์ทำงาน และมีเพียง 22.3% ที่เปิดรับผู้ไม่มีประสบการณ์เลย[2] นั่นหมายความว่านิสิตจบใหม่จึงต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงทั้งเรื่องทักษะและประสบการณ์ ในขณะที่ ความสามารถทางดิจิทัลและภาษาก็กลายเป็นคุณสมบัติจำเป็นมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นิสิตจบใหม่ต้องเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน เพราะแม้อัตราว่างงานโดยรวมอาจลดลง แต่โอกาสของผู้ที่ไม่มีทักษะตรงตามต้องการยังน้อย
แล้วสหกรณ์ในสถานศึกษาจะมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ในมุมมองหนึ่งเห็นว่า สหกรณ์สามารถทำหน้าที่เป็น ห้องเรียนชีวิต ที่ฝึกฝนทักษะและเตรียมความพร้อมให้นิสิตนักศึกษาก่อนเข้าสู่การทำงานจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหกรณ์ในสถาบันระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยนั้นสามารถมีส่วนช่วยได้หลากหลายวิธี จึงขอยกตัวอย่างที่ร้านสหกรณ์จุฬาฯ พยายามทำอยู่มาแบ่งปันกัน
ตัวอย่างที่ 1 การส่งเสริมการพัฒนาทักษะการทำงานผ่านกิจกรรมของสหกรณ์
การทำสหกรณ์มีกิจกรรมมากมายหลายอย่างขึ้นอยู่กับประเภทของสหกรณ์นั้นเอง ดังเช่นการจัดตั้ง “สหกรณ์นักเรียน” ช่วยพัฒนาทักษะหลายด้าน เช่น ทักษะทำงานกลุ่ม ทักษะการประชุม ทักษะการบันทึกบัญชี รวมทั้งวินัยและความซื่อสัตย์ (เช่น การประหยัดจากการฝากเงินและซื่อสัตย์จากการซื้อสินค้าภายในสหกรณ์)
สำหรับร้านสหกรณ์จุฬาฯ เองนั้นก็มีกิจกรรมลักษณะคล้าย ๆ กัน เพราะเป็นสหกรณ์ที่มีคณะกรรมการดำเนินการเป็นนิสิตทั้งหมด ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ ในฐานะกรรมการจึงเป็นการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำจริง (Hands-on Learning) ของนิสิตที่จะต้องเข้ามาประชุมปรึกษาหารือ รับทราบเรื่องราว และตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้กิจการสหกรณ์ดำเนินต่อไปได้ ส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตการทำงานของเหล่านิสิตนั่นก็คือ เรื่องราวที่ต้องตัดสินใจ โดยเฉพาะประเด็นทางธุรกิจ เพราะเด็ก ๆ จะเห็นปัญหาทางธุรกิจหลากหลายรูปแบบ เช่น เรื่องการขาย การตลาด การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การเงินการบัญชี โดยการที่พวกเขาจะตัดสินใจสิ่งใดได้นั้นก็ต้องอาศัยการศึกษาค้นคว้า รวมไปถึงการลงทดลองปฏิบัติเพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอในการพิจารณานั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2 การกระจายโอกาสให้นิสิตที่ไมได้เป็นคณะกรรมการดำเนินการเข้ามามีบทบาทในสหกรณ์ "ฌาร์ม"
คณะกรรมการดำเนินชุดที่ 58 ได้เล็งเห็นว่า การฝึกประสบการณ์ให้แก่นิสิตก่อนออกไปทำงานจริงควรขยายขอบเขตออกไป ไม่จำกัดแต่เฉพาะกรรมการ เปิดโอกาสให้นิสิตอื่น ๆ ได้มีโอกาสคล้าย ๆ กัน ดังนั้นจึงได้จัดตั้ง "ฌาร์ม" ขึ้น โดยนำรูปแบบสหกรณ์ไปใช้ และจำลองว่าฌาร์มเป็นเสมือนบริษัท ๆ หนึ่ง รับสมัครนิสิตเข้ามาตามวิธีการทางด้าน HR และให้ทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ เช่น การทำคอนเทนต์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด ฯลฯ หากนิสิตคนใดทำหน้าที่ได้ดี และมีระยะเวลาทำงานตามที่กำหนดก็จะออกใบรับรองการผ่านงานให้โดยร้านสหกรณ์จุฬาฯ ซึ่งกิจกรรมทั้งนี้ดำเนินการโดยนิสิตเอง สิ่งนี้เป็นดั่งการซ้อมให้นิสิตฝึกหัดทำงานเหมือนกับในบริษัทจริง ๆ โดยฌาร์มมุ่งหวังว่า นิสิตทีได้เข้ามามีส่วนร่วมและจบออกไปจะสามารถนำประสบการณ์นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสมัครงานใหม่ในฐานะคนที่มีประสบการณ์การทำงานระหว่างเรียน หรือแม้กระทั่งออกไปเป็นผู้ประกอบการในกิจการของตนเองหรือของครอบครัวได้
ตัวอย่างที่ 3 การร่วมมือกับหน่วยงานอื่นจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพให้นิสิต
ร้านสหกรณ์จุฬาฯ ได้เคยร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมเช่น การแข่งแก้ปัญหาทางธุรกิจจำลอง (Case Competition) ที่เปิดโอกาสให้นิสิตจับกลุ่มกันสมัครเข้ามาแข่งขันการนำเสนอนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจ สิ่งนี้ก็เป็นโอกาสให้นิสิตได้แสดงความสามารถ ไอเดียที่น่าสนใจหรือนิสิตที่แสดงความสามารถได้ดีก็อาจจะได้รับโอกาสเพิ่มเติม และยังเก็บเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของนิสิต ซึ่งปัจจุบันประสบการณ์ที่เรียกว่า "การแข่งเคส" กำลังกลายเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ช่วยให้เด็กหางานทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ปัจจุบัน ร้านสหกรณ์จุฬาฯ ยังพยายามผลักโครงการแนะแนวอาชีพ โดยร่วมมือกับบัณฑิตที่ทำงานในสาขาต่าง ๆ ซึ่งเมื่อครั้งที่พวกเขาเป็นนิสิตก็ได้ผ่านประสบการณ์การทำงานกับสหกรณ์และนำประสบการณ์เหล่านั้นต่อยอดไปสู่โอกาสในการได้ทำงานจริงหลังเรียนจบเช่นกัน
ที่จริง ยังมีตัวอย่างอีกหลายเรื่องที่สามารถยกมาได้ แต่ก็อยากเสนอมิติอื่นที่สหกรณ์สามารถส่งเสริมเรื่องแรงงานได้ นั่นคือ "การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและความเป็นธรรมในตลาดแรงงานผ่านกลไกสหกรณ์"
หนึ่งใน ประโยชน์ที่สำคัญของสหกรณ์ คือการกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมและสร้างความมั่นคงให้สมาชิกแนวคิดนี้ส่งผลโดยตรงต่อการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับชุมชนและตลาดแรงงาน เมื่อสมาชิกสหกรณ์รวมตัวกันลงทุนทำธุรกิจหรือประกอบกิจการร่วมกัน ภายใต้หลักการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะเกิดการจ้างงานและกระจายรายได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การช่วยเปิดตลาดสินค้าและบริการให้กับชุมชนท้องถิ่น ทำให้รายได้ไม่ถูกผูกขาดกับคนบางกลุ่ม และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสินค้า/บริการระหว่างสมาชิกซึ่งกันและกัน นโยบายเหล่านี้สอดคล้องกับผลการศึกษาเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ระบุว่า เมื่อคนในชุมชนมีเป้าหมายร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงสหกรณ์ด้วย ก็จะสร้าง **เศรษฐกิจท้องถิ่นที่เข้มแข็ง** และท้ายที่สุดสามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้[3] กล่าวคือ กลไกสหกรณ์จะช่วยทำให้แต่ละคนได้มีโอกาสทำงาน มีรายได้ และมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรมตามศักยภาพของตน ทั้งนี้ หลักการและอุดมการณ์ของสหกรณ์ย้ำว่าการดำเนินงานด้วยหลักประชาธิปไตยและการช่วยเหลือตนเองจะนำไปสู่การมี “ความเป็นธรรม” ในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการสร้างสภาพการทำงานที่เป็นธรรมแก่แรงงานรุ่นใหม่
ตามที่กล่าวมา จึงพอจะเห็นได้ว่า สหกรณ์ในสถาบันการศึกษามีบทบาทสำคัญทั้งในการ เตรียมทักษะอาชีพ และส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิแรงงานให้แก่นิสิตนักศึกษา โดยเฉพาะในสถานการณ์ตลาดแรงงานปี 2568 ที่นิสิตจบใหม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สหกรณ์สามารถเป็นต้นแบบของการทำงานร่วมกันภายใต้หลักความเป็นธรรมและสวัสดิการ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม ยั่งยืน
ในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ การสนับสนุนให้สหกรณ์ในสถานศึกษาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดทักษะอาชีพ และเสริมสร้างความตระหนักถึงสิทธิแรงงานให้แก่นิสิตนักศึกษาจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้บัณฑิตรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจและเข้มแข็ง พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของแรงงานคุณภาพที่ขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมในอนาคต
No. 73267
อ้างอิง
[1] ฐานเศรษฐกิจ, "เด็กจบใหม่" ตกงานพุ่ง ทะลุ 4 แสนคน ระดับอุดมศึกษาสูงที่สุด [ออนไลน์], 1 พฤษภาคม 2568. แหล่งที่มา https://www.thansettakij.com/economy/619963
[2] PPTV Online, โอกาสและความหวังของ “เด็กจบใหม่” ในตลาดแรงงาน [ออนไลน์], 1 พฤษภาคม 2568. แหล่งที่มา https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/243154
[3] กรุงเทพธุรกิจ, การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนกับบทบาทของสหกรณ์ [ออนไลน์], 1 พฤษภาคม 2568. แหล่งที่มา https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/125260