ในปีพุทธศักราช 2498 พื้นที่รอบ ๆ จุฬาฯ ยังคงห่างไกลศูนย์กลางของตัวเมืองในขณะนั้น ทำให้การหาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนเครื่องเขียนแบบเรียนกระทำได้ยาก และเป็นช่องโอกาสให้พ่อค้าบางกลุ่มฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าให้แก่นิสิตในราคาแพง ทำให้นิสิตจุฬาฯ กลุ่มหนึ่งเกิดแนวคิดและได้ร่วมกันจัดตั้งร้านค้าขึ้น ใช้ชื้อว่า “ร้านสหกรณ์นิสิต” ตั้งอยู่ที่อาคารตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ และต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ตึกอธิการบดี กองคลัง ร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นร้านค้าเล็ก ๆ เพียงหนึ่งห้อง มีสินค้าที่จำเป็นแก่สมาชิกและนิสิตทั่วไป ได้แก่ หนังสือตำราเรียน สมุด กระดาษและเครื่องเขียนเพียงเล็กน้อย บางอย่างก็ขาดแคลน ไม่พอกับความต้องการ แต่สินค้าจำพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางและสินค้าฟุ่มเฟือยอื่น ๆ กลับมีจำนวนมาก
การดำเนินการของร้านค้าแห่งนี้แม้จะใช้ชื่อว่า “ร้านสหกรณ์” แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนและดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการโดยสมาชิกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและตามหลักการสหกรณ์ ต่อมา ผู้ดำเนินงานร้านสหกรณ์แห่งนี้บริหารงานผิดพลาด จนมีหนี้สินประมาณสองหมื่นบาท ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของร้านสหกรณ์และมหาวิทยาลัย ฉะนั้น ในกลางปี พ.ศ. 2502 คณะกรรมการสโมสรนิสิตจุฬาฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ร้านสหกรณ์แห่งนี้เลิกกิจการ คืนค่าหุ้นให้นิสิตผู้ถือหุ้น ส่วนหนี้สินให้ผู้ดำเนินงานต้องรับผิดชอบเอง
หลังจากร้านสหกรณ์แห่งนี้ได้ล้มเลิกไปแล้ว ทางสโมสรนิสิตจุฬาฯ ได้พยายามให้มีการจัดตั้งร้านสหกรณ์ขึ้นใหม่ โดยให้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งซึ่งเลือกตั้งจากกรรมการสโมสรนิสิต เพื่อดำเนินการก่อตั้งร้านสหกรณ์ขึ้นใหม่ ประกอบด้วย
น.ส.พนิดา พัฒนวงศ์ รองประธานติดต่อต่างประเทศ สจม. เป็นผู้จัดการ
นายต่อพงศ์ ยมนาค ปฏิคม สจม. เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ
นายสมโภชน์ อินทรานุกูล ผู้ช่วยเหรัญญิก สจม. เป็นสมุห์บัญชี
น.ส.ลักขณา อุชุโกมล ผู้แทนคณะอักษรศาสตร์ เป็นเหรัญญิก
นายอดิเรก เสงียมเนตร สวัสดิการ สจม. เป็นกรรมการเผยแพร่กิจการ
คณะกรรมการดำเนินการชุดนี้ ได้เร่งเตรียมงานเพื่อเปิดร้านสหกรณ์ขึ้นใหม่ทดแทนร้านเดิม จนได้เปิดทำการ ณ ที่เดิมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2502 โดยสโมสรนิสิตจุฬาฯ ให้เงินทดรองจ่ายเป็นทุนหมุนเวียนจำนวน 3,000 บาท และยังมีสมุดตราพระเกี้ยวซึ่งยยึดจากร้านสหกรณ์เดิมประมาณ 1,000 เล่ม พร้อมด้วยเครื่องเขียนอีกจำนวนหนึ่ง
ในระยะเริ่มแรก การดำเนินงานร้านสหกรณ์ค่อนข้างขลุกขลัก ประสบปัญหาที่สำคัญ ได้แก่
1) ปัญหาการซื้อสินค้ามาจำหน่าย เนื่องมีเงินทุนจำกัดเพียง 3,000 บาท จึงซื้อสินค้าคราวละมาก ๆ ไม่ได้ ประกอบกับร้านสหกรณ์เดิมได้ไปก่อหนี้สินเอาไว้หลายอย่าง ทำให้บรรดาร้านค้าหมดความเชื่อถือ ส่วนคณะกรรมการชุดใหม่ก็ไม่คุ้นเคยในการติดต่อพ่อค้าแม่ค้า ทำให้ไม่สามารถซื้อเงินสินค้าด้วยเงินผ่อนหรือเงินเชื่อ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้ผู้จัดการออกไปหาซื้อสินค้าในตอนเย็นหลังปิดร้านสหกรณ์ และนำสินค้ากลับมาจัดร้านในตอนค่ำทุกวัน
2) ปัญหาการขายของ ในระยะแรกร้านสหกรณ์ไม่มีงบจ้างบุคคลภายนอกมาประจำเพื่อขายของ เฝ้าร้าน ผู้จัดการต้องทำหน้าที่เองตั้งแต่ซื้อสินค้า จัดร้าน ขายของทำบุญชี ทำความสะอาด เปิด-ปิดร้าน เปลี่ยนสภาพจากนิสิตเป็นแม่ค้าจำเป็น ต้องหนีเรียนเป็นประจำ ภายหลังมีเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นชาวค่ายอาสาสมัครของสโมสรนิสิตจุฬาฯ ที่เคยไปร่วมกิจกรรมค่ายด้วยกัน ทราบเรื่องก็พากันเห็นใจ และที่สำคัญ คือ เห็นด้วยกับหลักการสหกรณ์ ได้พร้อมใจกันจัดเวรผลัดเปลี่ยนมาช่วยขายของในชั่วโมงที่ไม่มีเรียน ทำให้ตอนนั้นร้านสหกรณ์มีคนขายของเป็นนิสิตจากหลากหลายคณะ ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 ทุกคนต่างทำงานด้วยความสมัครใจ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทำให้บรรยากาศในร้านสหกรณ์เป็นกันเอง สนุกสนาน ไม่เหมือนกับร้านค้าทั่วไป
ในขณะที่ร้านสหกรณ์เปิดให้บริการนิสิต ทางคณะกรรมการชุดก่อตั้งก็ดำเนินการขอจดทะเบียนให้เป็นร้านสหกรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทำการชี้ชวนเพื่อน ๆ และนิสิตทั่วไปมาสมัครเป็นสมาชิก จนได้จำนวนสมาชิกครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้เรียนประชุมใหญ่บรรดาผู้เข้าชื่อขอจดทะเบียน เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2503 ที่สโมสรนิสิตจุฬาฯ ตึกจักรพงษ์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม 793 คน ถือหุ้นจำนวน 1,473 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 20 บาท เมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมแรกเข้าคนละ 5 บาท ที่ประชุมได้เลือกตั้กรรมการดำเนินการชั่วคราว จำนวน 10 คน ได้แก่
น.ส.พนิดา พัฒนวงศ์ ประธานกรรมการและผู้จัดการ
น.ส.ลักขณา อุชุโกมล กรรมการและเหรัญญิก
น.ส.สมจิตร วิมุกตายน กรรมการและเลขานุการ
นายภักดี ชุติชูเดช กรรมการ
นายต่อพงษ์ ยมนาค กรรมการ
นายธำรง พวงดอกไม้ กรรมการ
น.ส.สมพร สระวาสี กรรมการ
ม.ล.ปริยา นวรัตน์ กรรมการ
นายสมโภชน์ อินทรานุกูล กรรมการ
นายอดิเรก เสงี่ยมเนตร กรรมการ
คณะกรรมการชุดนี้ได้ติดต่อขอจดทะเบียนกับกระทรวสงสหกรณ์หลายครั้ง และติดต่อสอบถามความคืบหน้าเป็นเวลาหลายเดือน รวมเสียเวลาครึ่งปีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการจดทะเบียน ดังนั้น ประมาณปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2503 ประธานกรรมการได้ไปรอพบพระประกาศสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสหกรณ์ โดยแนะนำตัวว่าเป็นนิสิตจุฬาฯ และแจ้งความประสงค์ที่มาขอความกรุณาให้ช่วยเร่งรัดการจัดตั้งร้านสหกรณ์ ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติให้จดทะเบียนเป็น “ร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย จำกัดสินใช้” เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ทะเบียนเลขที่ 268/10953 โดยมีสมาชิกจำนวน 843 คน ถือหุ้น 1,473 หุ้น ๆ ละ 20 บาท รวมเป็นเงิน 29,460 บาท
จากนั้น ได้มีการเรียกประชุมใหญ่สมาชิกร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ณ ห้องประชุมคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดถาวร และถือเป็นชุดที่ 1 ประกอบด้วย
น.ส.พนิดา พัฒนวงศ์ ประธานกรรมการ และผู้จัดการ
น.ส.นิยะดา ไกรนาม กรรมการและเลขานุการ
นายสุวิทย์ ครุจิต เหรัญญิก
นายสมชัย ฤชุพันธ์ กรรมการ
นายวิวรรธน์ ตัตยาธิคม กรรมการ
นายณรงค์ รอดวรรณะ กรรมการ
นายจำลอง อุชุโกมล กรรมการ
คณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 1 มีคำขวัญในการบริหารงานร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาฯ ว่า “ร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาฯ เป็นของนิสิต โดยนิสิต และเพื่อนิสิต” ยึดนโยบายจัดหาสินค้าที่จำเป็น ทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภคที่มีคุณภาพมาจำหน่ายในราคาถูก ไม่เอากำไรเกินควร มุ่งให้บริการแก่สมาชิกเป็นหลัก ปรากฏว่า กิจการเจริญดก้าวหน้า จนงบดุลเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2503 มีกำไรสุทธิเป็นจำนวน 38,467.33 บาท (เวลาดำเนินงาน 1 ส.ค. - 31 ธ.ค. 2503)
ต่อมา คณะกรรมการดำเนินการเห็นว่า สมาชิกของร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาฯ รวมไปถึงอาจารย์ ข้าราชการ และลูกจ้างของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2521 ร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาฯ ได้ขอจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนชื่อจาก “ร้านสหกรณ์นิสิตจุฬาลงกรณหมาวิทยาลัย จำกัด” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ภายหลังจะมีการแก้ไขตัวสะกด (จาก “จุฬาลงกรณ” เป็น “จุฬาลงกรณ์”) ให้ตรงตามการสะกดของมาหวิทยาลัย