วันนี้เป็นวัน April Fool's Day หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "วันโกหกโลก" วันที่ใคร ๆ ก็พร้อมจะเล่นมุกตลก แกล้งกันเบา ๆ หรือแม้แต่บางบริษัทยังทำแคมเปญเล่น ๆ ประกาศเปิดตัวสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง แต่รู้มั้ย? ในการดำเนินงานสหกรณ์มีคุณค่าเรื่องหนึ่งที่สมาชิกสหกรณ์เชื่อถือ นั่นคือ "ความซื่อสัตย์" (Honesty)
ถ้าคุณเคยเดินผ่านร้านสหกรณ์ในมหาวิทยาลัย เช่นร้านสหกรณ์จุฬาฯ ที่อยู่ตามสาขาต่าง ๆ ทั้งสาขาศาลาพระเกี้ยว สาขาหอพักนิสิต และสาขาจามจุรี 9 หรือเคยซื้อน้ำ ขนม หรือของใช้จากสหกรณ์ คุณอาจจะคิดว่า "ก็แค่ร้านขายของธรรมดา จะพิเศษอะไร?" แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่แค่ร้านค้าธรรมดาที่มีเจ้าของคนเดียวหรือกลุ่มเดียว แต่สหกรณ์เป็นองค์กรที่ คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นสมาชิกสหกรณ์นั้น ๆ
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันนิดนึงว่า สหกรณ์คืออะไร และทำไมเรื่อง "ความซื่อสัตย์" ถึงสำคัญกับสหกรณ์มากขนาดนี้
สหกรณ์คือองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวของคนที่มีความต้องการคล้ายๆ กัน มาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งคุณค่าหรือค่านิยมของสหกรณ์ที่เรียกว่า "Cooperative Values" ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า สหกรณ์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยมเรื่อง "การช่วยเหลือตนเอง ความรับผิดชอบต่อตนเอง ประชาธิปไตย ความเสมอภาค ความเที่ยงธรรม และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" และที่สำคัญคือ สมาชิกสหกรณ์เชื่อใน "คุณค่าทางจริยธรรมของความซื่อสัตย์ ความเปิดเผย ความรับผิดชอบต่อสังคม และการเอาใจใส่ต่อผู้อื่น"
แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญสำหรับนิสิตอย่างคุณ ๆ กันล่ะ? ลองคิดดูว่า ในขณะที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ มักจะมี "เจ้าของ" ที่เป็นบริษัทใหญ่ ๆ แต่สหกรณ์มีเจ้าของเป็นสมาชิกทุกคนซึ่งรวมถึงคุณด้วย (ถ้าคุณเป็นสมาชิก) นั่นหมายความว่า การบริหารงานของสหกรณ์ต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา เพราะกำลังบริหารเงินและทรัพยากรของทุกคน ไม่ใช่แค่ของใครคนใดคนหนึ่ง
คิดง่าย ๆ ว่าเหมือนกับห้องเช่าที่อยู่กันหลายคน ถ้าเพื่อนร่วมห้องเก็บค่าน้ำค่าไฟมาแล้วไม่ยอมเปิดเผยว่าใช้ไปเท่าไร หรือแอบเก็บเกินไว้ คุณก็คงไม่พอใจใช่มั้ยล่ะ? แบบเดียวกัน สมาชิกสหกรณ์ทุกคนมีสิทธิที่จะรู้ว่าเงินของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างไร และผลกำไรเป็นยังไง
ลองมาดูตัวอย่างกัน:
ในขณะที่ร้านค้าทั่วไปอาจจะตั้งราคาสินค้าให้สูงที่สุดเท่าที่จะขายได้เพื่อทำกำไรสูงสุด แต่สหกรณ์จะตั้งราคาที่ "ยุติธรรม" ทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ใช่แพงเกินไปจนเอาเปรียบสมาชิก แต่ก็ไม่ถูกเกินไปจนขาดทุน
ลองสังเกตดูราคาสินค้าในสหกรณ์มหาวิทยาลัย มักจะถูกกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไปเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ตลาดในมหาวิทยาลัยมักจะเป็น "captive market" คือลูกค้าไม่มีทางเลือกมาก แต่สหกรณ์ก็ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาแพง ๆ เพราะยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์และเน้นการให้บริการนี่เอง
ร้านค้าทั่วไปมีเป้าหมายหลักคือการทำกำไรให้เจ้าของหรือผู้ถือหุ้น แต่สหกรณ์มีเป้าหมายในการ "คืนกำไร" กลับไปสู่สมาชิกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น:
เงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น
เงินเฉลี่ยคืนตามสัดส่วนการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
การพัฒนาสวัสดิการและบริการใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิก
การสนับสนุนกิจกรรมในชุมชนหรือมหาวิทยาลัย
เห็นมั้ย? กำไรไม่ได้ไปอยู่ในกระเป๋าของใครคนใดคนหนึ่ง แต่กลับมาหาสมาชิกทุกคน รวมถึงคุณด้วย ถึงแม้ว่าในกรณีของร้านสหกรณ์จุฬาฯ จะเศร้าไปหน่อย เพราะเราไม่มีกำไรมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เรายังไม่ย่อท้อนะ เราจะพยายามทำให้กลับมามีกำไรให้ได้ และได้คืนกำไรนั้นกลับไปให้สมาชิก
สหกรณ์จะจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนเข้าร่วมและรับทราบผลการดำเนินงาน งบการเงิน และร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ นอกจากนี้ สหกรณ์ยังต้องมีการตรวจสอบบัญชีโดยผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต (ในกรณีร้านสหกรณ์จุฬาฯ เป็นข้าราชการจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์) และเปิดเผยรายงานให้สมาชิกทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่น ลองนึกภาพว่า ถ้าคุณเป็นสมาชิกสหกรณ์ แล้วสามารถถามได้เลยว่า "ปีที่แล้วสหกรณ์มีกำไรเท่าไร? เงินไปไหนบ้าง?" และคำตอบจะต้องชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่มีการปิดบัง มีคนรับรองให้เชื่อถือได้ มันจะดีขนาดไหน
ในสหกรณ์ สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกตั้งคณะกรรมการ และการตัดสินใจสำคัญ ๆ ตามหลัก "หนึ่งคน หนึ่งเสียง" (one man, one vote) ไม่ว่าคุณจะถือหุ้นมากหรือน้อย สิทธิ์ในการออกเสียงเท่ากัน ซึ่งต่างจากบริษัททั่วไปที่สิทธิ์ในการตัดสินใจขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่ถือ สิ่งนี้ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการแสดงถึงความซื่อสัตย์และเคารพในความเท่าเทียมของสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนิสิต อาจารย์ บุคลากร หรือศิษย์เก่า ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันในการกำหนดทิศทางของสหกรณ์
อาจจะมีคนสงสัยว่า แล้วถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ในสหกรณ์ล่ะ จะเป็นยังไง? คำตอบคือ สหกรณ์จะล้มเหลวอย่างรวดเร็ว หากมองย้อนกลับไปในอีต มีหลายกรณีที่แสดงให้เห็นว่า สหกรณ์ที่ล้มเหลวมักมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส การทุจริต หรือการบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสมาชิก เมื่อสมาชิกหมดความเชื่อมั่น สหกรณ์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะสหกรณ์ไม่ได้อยู่ได้ด้วยทุนมหาศาลหรือการลงทุนจากภายนอก แต่อยู่ได้ด้วย "ความเชื่อมั่น" และ "การมีส่วนร่วม" ของสมาชิก เรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนการเล่นเกมกับเพื่อน ถ้าคุณจับได้ว่าเพื่อนโกง คุณก็คงไม่อยากเล่นเกมด้วยต่อไป ซึ่งในกรณีสหกรณ์ก็เป็นแบบเดียวกัน ถ้าสมาชิกรู้สึกว่าสหกรณ์ไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาก็จะถอนตัวและไม่สนับสนุนอีกต่อไป
ในยุคที่ทุกคนค่อนข้างเบื่อหน่ายกับองค์กรใหญ่ ๆ ที่มุ่งแต่จะทำกำไรโดยไม่สนใจผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม สหกรณ์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่เน้น "ความซื่อสัตย์" และ "การมีส่วนร่วม" เป็นหัวใจสำคัญ และนี่คือเหตุผลที่นิสิตอย่างเรา ๆ ควรสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับสหกรณ์:
ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม - ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาสินค้า บริการ หรือผลตอบแทนที่ได้รับ
มีสิทธิ์มีเสียง - สามารถแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เป็นลูกค้าที่ไม่มีใครสนใจความเห็น
เงินของคุณกลับมาหาคุณและชุมชน - กำไรไม่ได้ไปอยู่ในกระเป๋าของนายทุน แต่กลับมาสู่สมาชิกในรูปแบบต่าง ๆ และแถมกำไรบางส่วนยังยังนำไปเกื้อกูลสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย
สนับสนุนระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่า - สหกรณ์เน้นการพึ่งพาตนเองและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การแข่งขันเอาเป็นเอาตาย
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวัน April Fool's Day ที่ใคร ๆ ก็อาจจะหลอกกันเล่น ๆ แต่เรื่องความซื่อสัตย์ในการดำเนินงานสหกรณ์ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว แต่เป็นทุก ๆ วัน ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณเดินผ่านหรือซื้อของจากสหกรณ์ ไม่ว่าจะที่ไหน และรวมถึงร้านสหกรณ์จุฬาฯ ด้วย ลองคิดดูว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านขายของธรรมดา แต่เป็นองค์กรที่คุณมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วม ตรวจสอบ และได้รับประโยชน์จากการบริหารงานที่ซื่อสัตย์และโปร่งใส และองค์กรนี้ยังสนับสนุนสังคมด้วย และสหกรณ์เป็นเช่นนี้ทุกที่ ทั่วโลก!
อย่าลืมว่า "ความซื่อสัตย์" ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่เป็นหลักการที่จับต้องได้และเห็นผลจริงในชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะในระบบสหกรณ์ที่ทุกคนเป็นทั้งเจ้าของและผู้ใช้บริการไปพร้อม ๆ กัน
สมาชิกหมายเลข 73267
1 เมษายน 2568