. ประเพณีงานบุญเดือนสองของภาคเหนือ หรืองาน "ยี่เป็ง" จัดในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญเดือนยี่ ตรงกับเดือน 12 ของภาคกลาง ประชาชนจะเข้าวัดทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ประดับบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาด้วยโคมสีสันสดใส ปล่อยโคมควันและจุดประทีปบูชาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ บ้างจุดเท่าจำนวนอายุเพื่อความเป็นสิริมงคล
สำหรับคติความเชื่อการลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซึ่งเชื่อว่าบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ที่สะดือทะเล หรือบูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่ในเมืองบาดาล รวมถึงปล่อยโคมลอยขึ้นไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และลอยทุกข์ลอยโศกให้หมดไป
ลอยกระทงภาคใต้
. การลอยกระทงของชาวใต้ แต่เดิมไม่ถือปฏิบัติประเพณีลอยกระทง เนื่องจากในระหว่างเดือน 12 เป็นช่วงเวลาที่เริ่มทำนา เพราะฤดูฝนมาช้ากว่าภูมิภาคอื่น
ขณะที่พระยาอนุมานราชธน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและประเพณีไทย กล่าวถึงประเพณีลอยกระทงในภาคใต้ว่า ไม่ปรากฏประเพณีนี้ มีแต่เฉพาะประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อลอยเคราะห์ยามเจ็บป่วย
ชาวบ้านจะทำพิธีลอยเคราะห์ด้วยการนำหยวกกล้วย หรือกาบมะพร้าว กาบหมาก กาบจาก หรือวัสดุอื่นใดที่ลอยน้ำได้ มาทำเป็นรูปเรือ แล้วนำเอาขี้ไคล ผม หรือเล็บของผู้ลอยเคราะห์มาผสมดินปั้นเป็นรูปต่างตัว พร้อมดอกไม้ ธูปเทียนและใส่เงินในเรือที่ทำไว้ ก่อนลอยจะกล่าวว่า "เคราะห์ดีเอาไว้ เคราะห์ร้ายเอาไป" เชื่อว่าเป็นการลอยสิ่งชั่วร้ายไปตามน้ำ ให้น้ำพัดพาสิ่งชั่วร้ายไป
สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลที่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชายฝั่ง
. ประเพณีลอยกระทงของภาคกลาง จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 11 วันเพ็ญเดือน 12 คาบเกี่ยวช่วงปลายเดือน ต.ค.และปลายเดือน พ.ย. เป็นฤดูที่มีน้ำหลากมาจากทางเหนือ ชาวบ้านจะทำกระทงไปลอยที่แม่น้ำลำคลองเพราะเป็นช่วงที่น้ำขึ้นเต็มฝั่ง
. ประเพณีลอยกระทงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอดีตจัดขึ้นเนื่องในประเพณี "สิบสองเพ็ง" หรือคืนวันเพ็ญเดือน 12 นิยมจัดในรูปแบบของการ "ไหลเรือไฟ" และจัดสืบต่อมาในช่วงเทศกาลออกพรรษา เป็นการจัดงานก่อนภูมิภาคอื่นราว 1 เดือน
"เรือไฟ" ภาษาถิ่นเรียกว่า "เฮือไฟ" เป็นเรือที่ทำด้วยต้นกล้วยหรือไม้ไผ่ ต่อเป็นลำเรือยาวประมาณ 5-6 วา ข้างในบรรจุขนม ข้าวต้มผัด หรือสิ่งของที่ต้องการบริจาคทาน ข้างนอกเรือมีดอกไม้ ธูปเทียน ตะเกียง ขี้ไต้สำหรับจุดไฟให้สว่างไสว ก่อนจะปล่อยเรือไฟไหลตามลำน้ำ เรียกว่าการไหลเรือไฟ
ลอยโคม
ลอยโคม
ลอยกระทง
ลอยกระทง